เนื้อมะพร้าวเป็นแหล่งของวิตามิน เช่น บี 1, บี 3, บี 5 บี 6, บี 9 ยกเว้น บี12 เป็นแหล่งเกลือแร่
ได้แก่ แคลเซียม เหล็ก แมกนีเซียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส และสังกะสี
อีกทั้งยังมีสารอินทรีย์ไอโอดีน จึงช่วยป้องกันคอหอยพอกได้
นอกจากนี้มะพร้าวยังมีกาก จึงช่วยระบายขับถ่ายได้ดี
น้ำมันมะพร้าวมีความแตกต่างจากน้ำมันอื่นๆ คือ
ประกอบด้วยกรดไขมันที่มีจำนวนคาร์บอนน้อยมีน้ำหนักโมเลกุลต่ำ กรดไขมันที่มีปริมาณมากได้แก่
กรดลอริกมีสูงถึง 50 % กรดไมริสติก 18% กรดปาล์มิติก 9.5% กรดโอเลอิก 8.2%
กรดคาไพริก 7.8%
กรดคาพริก 7.6%
กรดสเตียริก 5%
กรดไขมันที่มีอยู่ในน้ำมันมะพร้าวทั้ง 7 ชนิด นี้มีเหมือนในน้ำนมแม่ โดยเฉพาะ
กรดลอริกมีสูงถึง 50% ซึ่งในน้ำนมแม่มีประมาณ 12%
กรดลอริกเมื่อเข้าร่างกายจะเปลี่ยนเป็นสารชื่อ โมโนลอริน
เป็นสารปฏิชีวนะ ฤทธิ์ฆ่าเชื้อ สร้างภูมิต้านทานโรค ป้องกันเชื้อโรค
ได้หลายชนิดเช่น เชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา เชื้อยีตส์ เชื้อโปรโตซัว
และเชื้อไวสรัส
เป็นต้นเหมือนยาฆ่าเชื้อและลดการอักเสบ
ในน้ำมันมะพร้าวมีวิตามินอี สูงมากเพราะการทำไม่ผ่านกระบวนการทางเคมี
ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ที่ก่อให้เกิดการเสื่อมของผิว
หรือภายในร่างกาย น้ำมันมะพร้าวมีโมเลกุลต่ำมีความหนืดต่ำ
เมื่ออยู่ในปากจึงไม่รู้สึกว่าเป็นน้ำมันจึงดีต่อการ อม
รักษาสุขภาพในช่องปากดีมากโดยเฉพาะมีกรดลอริกฆ่าเชื้อโรค
กรดลอรีกนี้มีเฉพาะในน้ำมันมะพร้าวและน้ำมันปาล์มเท่านั้น
ในน้ำมันอื่นไม่มี แต่น้ำมันปาล์มมีความหนืดสูง
ขอบคุณ ขัอมูลจากดร.ณรงค์ โฉมฉลา และ ศ.ดร.นิธิยา รัตนาปนนท์
ด้วยความปรารถนาดี กานดา แสนมณี
ไม่มีความเห็น