หยดน้ำตาของแม่


            ในจังหวัดระนองมียายแก่อยู่ 1 คน ยายคนนี้อายุประมาณ70 ปี ยายชื่อยายจี มีอยู่วันหนึ่ง ได้มีมูลนิธิที่ช่วยเหลือคนไข้อยู่องค์กรหนึ่ง มูลนิธิได้ลงไปเยี่ยมบ้านก็เลยได้ไปเจอยายจี ทางเจ้าหน้าที่ได้ทักทายยายจีและได้ถามยายว่า “ยายสบายดีมั้ย” ยายตอบว่า “ยายไม่ค่อยสบายลูกเอ๋ย” ยายได้เชิญทีมเราเข้าไปนั่งในบ้าน เราได้บอกกับยายว่าเรามาจากมูลนิธิคณะนักบุญคามิลโลแห่งประเทศไทย ทางมูลนิธิฯ ได้มาเปิดโครงการหน่วยปฐมพยาบาลเพื่อช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติในพื้นที่นี้ ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 4 แห่งคือ หน่วยปฐมพยาบาลชุมชนซอยเก้า ชุมชนซอยสามัคคี ชุมชนตลาดโชคดี และชุมชนตลาดระนองธานี

             ทีมหนูประจำอยู่ที่หน่วยปฐมพยาบาลชุมชนตลาดโชคดี ในขณะที่เราแนะนำโครงการนั้น เราได้สังเกตเห็นสีหน้าของยายจีมีอาการดีใจอย่างบอกไม่ถูก และยายได้บอกกับเราว่าดีใจมากที่มีหน่วยงานนี้ ยายมองมาทางพวกเราและยิ้มให้ เราได้อุทานว่า ”หนูลืมบอกชื่อพวกหนูให้ยายรู้” หนูชื่อจอยค่ะและอีกคนหนึ่งชื่อจาค่ะ พวกหนูขอวัดความดันหน่อยนะคะ วัดเสร็จแล้วเราได้บอกผลความดันให้ว่ายายมีความดันต่ำนะคะ และได้ถามต่อไปว่ายายนอนหลับสบายดีมั้ยคะ ยายก็เลยตอบกับเราว่ายายนอนไม่ค่อยหลับมา 2 วันแล้ว  เราได้ให้คำแนะนำกับยายไปว่า ยายพักผ่อนให้มากๆ แนะนำเสร็จแล้วทางทีมได้ให้ยาบำรุงกับยายและได้บอกลากับยายว่าต้องไปแล้วเพราะต้องไปตรวจและเยี่ยมบ้านคนอื่นต่อ ยายได้บอกกับเราว่ามาเยี่ยมยายอีกนะ เราได้บอกกับยายว่า

              ทีมเรามีการเยี่ยมบ้านอาทิตย์ละ 2 ครั้ง พวกเราต้องมาเยี่ยมยายอยู่แล้วยายไม่ต้องห่วงเพราะจะช่วยดูแลให้ หลังออกมาจากบ้านยาย จอยเข้าไปคุยกับเพื่อนบ้านของยาย ทางเพื่อนบ้านของยายได้บอกว่ายายจีน่าสงสารมากเพราะอยู่ในบ้านที่ชำรุดทรุดโทรม เราได้ถามกับเพื่อนบ้านว่ายายจีมีลูกมั้ย แต่ได้คำตอบที่ไม่ตรงกันบางคนบอกว่ามีอีกคนก็บอกว่าไม่มี

              อาทิตย์ต่อมาเราได้เข้าไปเยี่ยมยายอีก ยายดีใจมากเห็นสีหน้ายายเหมือนกำลังรอคอยพวกเราอยู่  พอได้เจอกับพวกเรายายถึงกับร้องไห้และได้พูดว่าดีใจมากที่เห็นพวกเรามาเยี่ยมอีก และเราได้ถามกับยายว่าจะให้พวกเราช่วยอะไรไหม ยายตอบขอบคุณพวกเราที่ได้ยินคำพูดเช่นนี้ แล้วเราก็ได้ถามยายว่ายายสบายดีมั้ย ยายบอกว่ายายท้องอืดมาก จอยได้ให้ยาขับลมไปให้ยายกิน และจอยได้ถามเรื่องประวัติครอบของยาย ว่ายายมีลูกหรือเปล่า ยายมีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก สีหน้ายายเศร้ามาก และจอยได้บอกกับยายไปว่าถ้าบอกไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ในขณะนั้นได้มีคนมาขอยา เลยทำให้บรรยากาศเศร้านั้นหายไป และเราได้ลายายเพื่อที่จะๆไปเยี่ยมบ้านหลังอื่นอีก 

              ตอนเย็นหลังจากกลับมาจากที่ทำงานตัวเองรู้สึกไม่ค่อยสบายใจที่ได้ไปรบกวนจิตใจของยาย เวลาผ่านไปเป็นเดือนทำให้จอยกับยายสนิทกันมากขึ้น เราได้ไปเยี่ยมบ้านของบ่อยๆ และในครั้งนี้ยายได้เล่าเรื่องครอบครัวของยายให้กับเราฟังว่ายายมีลูก 4 คน ตอนนี้ยายอยู่กับลูกชายคนโต และเราได้ถามว่าแล้วอีก 3 คนไปไหน ยายบอกว่าคนที่ 2 เสียชีวิตไปแล้ว คนที่ 3 อยู่ที่พม่า ส่วนคนเล็กเมื่อก่อนอยู่ที่ภูเก็ตคนนี้คอยส่งเงินมายายตลอดแต่ตอนนี้ไม่ได้ส่งมาแล้ว  เราได้ถามต่อว่า ตอนนี้ทำไมถึงไม่ส่งแล้ว ยายบอกว่าลูกคนเล็กตายไปกับสึนามิแล้ว เราฟังแล้วสะเทือนใจมากและสงสารยาย และได้ถามว่าแล้วลูกคนโตเป็นอย่างไรบ้าง ยายบอกว่า ลูกสะใภ้ไม่ค่อยพอใจ รังเกียจยายที่ยายมาอาศัยกับลูกชาย ในขณะที่ยายได้เล่าให้พวกเราฟังนั้นยายก็ได้ร้องไห้ไปด้วย เราก็ได้บอกกับยายว่าจะให้เราช่วยเหลืออะไรก็บอกมาได้เท่าทีกำลังของพวกเราจะมี และเราได้ให้กำลังใจกับยายว่ายาอย่าพึ่งหมดกำลังใจไปนะ และเราได้ขอให้ยายมยิ้มให้พวกเราเห็นหน่อย ยายก็ยิ้มให้พวกเราเห็นแต่เห็นแต่เหงือกเพราะยายไม่มีฟัน จอยขอถ่ายรูปกับยาย ยายดีใจมาก และก่อนไปยายบอกกับพวกเราว่าอย่าทิ้งยายไปนะมาเยี่ยมยายบ่อยๆนะ และยายได้ขอให้จอยเป็นหลานของยายอีกคนจะได้ไหม จอยตอบตกลง ยายดีใจมากและได้ร้องไห้ด้วยความดีใจ และยายได้ถามเรื่องครอบครัวของจอย จอยบอกกับยายว่าพ่อแม่ของจอยเสียชีวิตไปนานแล้ว และยายก็ได้ปลอบใจจอยว่าอย่าเสียใจไปเลย  และเราก็กลับไปที่หน่วยฯ

               มีอยู่วันหนึ่งยายไม่สบายเราได้ไปเยี่ยมยายเห็นพวกเรายายได้ร้องไห้อีก เราได้ถามกับยายว่าร้องไห้ทำไม ยายได้บอกกับเราว่ายายดูเหมือนจะเป็นไข้และรู้สึกไม่สบาย จอยได้วัดไข้แต่ไม่มีไข้ จอยได้ให้น้ำเกลือแร่เพราะช่วงอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย และจอยได้ไปคุยกับลูกชายของยาย ลุงได้บอกว่า ยายชอบมานั่งนอกบ้านคนเดียว และเราก็ได้ให้คำแนะนำกับยาย อาทิตย์ต่อมาเราก็ได้ไปเยี่ยมยายอีก ยายนอนหลับอยู่ เราจึงได้ปลุกยายเมื่อยายเห็นพวกเรายายก็ร้องไห้อีก ยายได้บอกกับพวกเราว่าตอนนี้ยายยังไม่ได้กินข้าวเลยได้กินไม่ได้กินบ้าง พอดีลูกชายยายกลับมา เราได้บอกว่า ยายถูกให้มานอนนอกบ้าน ข้าวปลาก็ไม่มีใครหาให้กิน เราได้แนะนำให้พายายไปนอนในบ้านเพราะข้างนอกอากาศไม่ดี และเราบอกว่าจะนำตัวยายไปส่งโรงพยาบาลทางลูกชายบอกกับเราว่าไม่มีเงินส่งยายไปรักษาอาการที่โรงพยาบาล เราได้ปรึกษาพี่ต้อยเรื่องยายพี่ต้อยตอบตกลง จอยดีใจมากที่พี่ต้อยเห็นความสำคัญและจอยดีใจที่สุดที่ได้ช่วยเหลือยาย

              เราได้พายายไปส่งโรงพยาบาลและคอยไปเยี่ยมทุกวันจนถึงวันที่พายายกลับบ้าน ช่วงที่เราลงไปเยี่ยมบ้านเราก็ได้ไปเยี่ยมยายทุกวันคอยป้อนข้าวป้อนน้ำให้ ยายได้บอกกับพวกเราว่า ชีวิตยายไม่มีใครมาสนใจลูกหลานก็ปล่อยปละละเลย มีแต่พวกหนูที่คอยมาเป็นห่วงเป็นใย ยายขอบคุณพวกเรามาก มีอยู่วันหนึ่งสภาพเดิมคือยายยังไม่ได้กินอะไรเลย เราได้ถามว่ายายกินขนมจีนไหม ยายบอกว่ายายอยากกินมานานแล้วแต่ไม่มีใครหาให้กิน เราจึงไปหาให้ยายกิน ยายกินไปด้วยร้องไห้ไปด้วย และแล้ววันที่ยายต้องจากพวกเราไปก็มาถึง วันที่ 9 เมษายน ยายก็ได้ลาจากพวกเราไม่มีวันกลับ จอยเสียมากที่ยายจากไป แต่จอยก็ดีใจและมีความสุขที่เราได้ช่วยคนๆหนึ่งให้ถึงที่สุดแม้ผลที่ออกมาก็คือการจากลาก็ตาม

 

            “ ในขณะที่พ่อแม่ยังมีชีวิตอยู่จงดูแลพวกท่านให้ดีที่สุด

                        แม่หนึ่งคนเลี้ยงลูก 10 ยังไหว

                                    แต่ลูก 10 คนเลี้ยงแม่คนเดียวไม่ไหว

                                                พ่อแม่ให้ชีวิตกับพวกเราทุกคนและรักเราเท่าๆกัน

                                                            ความรักของพ่อแม่ยิ่งใหญ่มาก

                                                                        เอาอะไรมาเปรียบก็ไม่ได้ “

 

                                        คุณจอย               พม่า

        เจ้าหน้าที่โครงการหน่วยปฐมพยาบาลฯ คามิลเลียน  โซเชียล  เซนเตอร์  ระนอง

 

หมายเลขบันทึก: 296228เขียนเมื่อ 10 กันยายน 2009 15:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 มีนาคม 2012 20:27 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท