เจ้าหงิญ เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นทั้ง 8 เรื่อง ของ บินหลา สันกาลาคีรี ได้รับรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) ของประเทศไทย ประจำปี พ.ศ. 2548
เรื่องสั้นในเล่ม จะนำโลกของจินตนาการ มาผสานกับโลกของความจริง โดยใช้รูปแบบนิทาน เสนอเนื้อหาเกี่ยวกับการเรียนรู้ประสบการณ์ทางอารมณ์ การเผชิญกับปัญหาและอุปสรรค การแสวงหาความหมายและความสุขของชีวิต แต่ด้วยความเขลา มนุษย์จึงดิ้นรนและหลงอยู่ในมายา ในที่สุด เราเองจะรับรู้ได้ว่าในโลกของความเป็นจริงนั้น โลกมีหลากหลายทางเลือกที่จะไปสู่วิถีชีวิตที่เรียบง่ายและพอดี
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในชีวิตของข้าพเจ้า
วรรณกรรมเรื่อง ‘เจ้าหงิญ’ มีข้อคิดและคติสอนใจอยู่มากมาย และยังมีการเสียดสีสังคม ผสมผสานโลกแห่งจินตนาการและโลกแห่งความเป็นจริงเข้าด้วยกันอย่างสวยงามลงตัว โดยผู้แต่งได้มีการสอดแทรกข้อคิดที่ว่า คนเราสามารถไม่สามารถมีชีวิตอยู่ด้วยความลำพัง และการไปอย่างช้าๆ ไม่รีบเร่ง ร้อนรนนั้นเป็นหนทางที่ดีแล้ว ถึงแม้จะยังไม่รู้ว่าจะถึงปลายทางแห่งความฝันได้เมื่อไร แต่ก็ได้กำไรที่เก็บเกี่ยวความสุขระหว่างเดินทางไว้ก็เต็มกระเป๋าแล้ว
ข้าพเจ้าได้ทราบถึงข้อคิดที่เป็นสัจธรรมแห่งชีวิตหลายประการ ดังนี้
- ปรับความมั่นคงทางอารมณ์ไม่ให้ผู้หวั่นไหวกับคำพูดของคนอื่น
- การเติบโตขึ้นความรู้สึกก็จะเติบโตมากขึ้น ดังคำที่ว่า "ขวบวัยไม่ได้หมายถึงเพียงแค่บรรลุนิติภาวะ" และเริ่มที่จะเรียนรู้ได้ว่าคำพูดของคนอื่นที่เป็น 'ผู้ใหญ่' กว่านั้น บางครั้งก็เป็นแค่กระแสลมพัดที่ไร้สาระ ไม่ได้ออกมาจากใจจริงเสมอไป
- ควรจะเริ่มต้น ‘ทำ’ มากกว่าการที่จะต้อง 'รอคอยต่อไป' หรือ 'กังวลใจกับสิ่งที่ตนไม่รู้'
- ลักษณะนิสัยที่อยู่เบื้องลึกของมนุษย์ทุกคน ที่เป็นจิตใต้สำนึกอันเลวร้ายที่มีมากขึ้นทุกวันในปัจจุบันและเป็นเรื่องราวที่มักเกิดขึ้นกับผู้คนหมู่มากด้วย
- เมื่อพบอุปสรรคแล้วมักจะพบผู้คนเห็นแก่ตัวที่ฝักใฝ่แต่ความต้องการเป็นฝ่ายรับอย่างเดียว ไม่มองถึงคนด้อยโอกาสที่แฝงอยู่ในมุมใดมุมหนึ่งของสังคมนี้ที่รอคอยว่าสักวันจะมีใครมองเห็นคุณค่าของคนเหล่านั้นในฐานะที่เป็นชีวิตหนึ่งในสังคมเหมือนกัน
จากเรื่องราวและข้อคิดที่ได้จากเรื่องทำให้ข้าพเจ้ามีมุมมองโลกทัศน์ต่อโลกและวิถีชีวิตที่แตกต่างออกไปจากเดิม คือ มองหลายอย่างในมุมที่กว้างขึ้นไม่ยึดติดกับนิสัยเดิมๆ และเปลี่ยนแปลงมันให้เป็นไปในทางที่เรียบง่ายอย่างที่มันควรจะเป็น และรู้เท่าทันต่อความเป็นไปของมนุษย์ว่าทุกๆคนย่อมมีส่วนที่เลวร้ายด้วยกันทั้งนั้น อย่าได้ไปจงเกลียดจงชังใคร ควรมองหาว่าคนๆนั้นมีข้อดีอะไรบ้างมากกว่า และมองถึงว่าตัวเราเองมีโอกาสและความโชคดีเพียงใดที่ได้มายืนอยู่ ณ จุดนี้ เมื่อนึกถึงผู้คนทีด้อยโอกาสและต้องการที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสังคม...แล้วชีวิตของเราก็จะพบเจอกับความสุขมากขึ้น บ่อยขึ้น หากเราเลือกที่จะมองเห็นแม้เพียงความสุขเล็กๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเราเอง
น่าอ่านมากอ่า
อยากอ่านมานานเเระ
อ่านมั่งๆๆ
^^
จิงหรอลูกตาลล
ไม่ใช่อีกแนวนึงหรอที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเรา
ชาววายจงเจริญ
จำได้ว่าเคยอ่านเรื่องนี้กับลูกตาล ด้วยตอน ม.4ใช่ป่ะ
^^
เป็นหนังสือที่เขียนได้ดีมากจริงแหละ
ถึงจะยังไม่มีอกาสได้อ่านจนจบก็เหอะนะ
แต่แน่นอน สักวันเมย์จะอ่านให้จบให้ได้ ^^
อ่านแล้วได้ประโยชน์เยอะขนาดนี้... ขอบคุณที่เอามาเล่าเรื่องให้เมย์ กับเพื่อนๆได้ฟังนะ
มีหนังสือดีดีอีกตั้งเยอะตั้งแยะที่รอให้เราไปอ่านมันอยู่
เนอะ อิอิ
ตอนนี้ fighting final !!!
เมย์เอาใจช่วยลูกตาลนะคะ
สู้ๆจ่ะตัวเอง ^^
ห้ามยอมแพ้เด็ดขาดนะเออ ....
:)
ขวบวัยมันเแลี่ยนไป แต่หัวใจยังเด็กเหมือนเดิม
ง่วงนอนแล้วอ่ะ
หลับสนิทๆ
สนใจเหมือนกัน
จำได้ว่าหน้าปกสีสันสวยดี
แต่ยังไม่เคยลองอ่านเลยลูกตาล
เอกคงต้องหามาอ่านบ้างล่ะ
ผมอ่านเรื่องนี้ไปกี่รอบ เห็นจะจำไม่ได้ พอๆกับที่ผมเทียวซื้อหนังสือเล่มนี้ไปแล้วไม่รู้กี่รอบ เห็นจะจำไม่ได้เช่นกัน เหตุเพราะซื้อมาแล้ว ก็อยากให้เพื่อน พี่ น้องได้อ่านบ้าง จึงให้หยิบยืม(จริงๆต้องบอกว่าให้ไปเลย) เลยต้องได้ซื้อใหม่อยู่เรื่อยๆ(แต่ตอนนี้หาซื้อยากมาก) นอกจากเนื้อหาพาเพลินตามแนวทางการเขียนของพี่บินหลาแล้ว ผมก็ยังได้อะไรๆจากหนังสือเล่มนี้ ถึงจะไม่ขนาดคุณ ปิลันธนา แต่ก็นับว่าได้ ได้อะไรน่ะหรือ ความอิ่มเอมทางใจ แหะๆ ^^ เหมาะสมแล้วกับสมองน้อยๆของผม ที่เก็บเกี่ยวเอาแต่เพียงนี้ มันก็สุขใจแล้วครับ ว่ามั๊ยครับคุณ ปิลันธนา 'เราพบกันเพราะหนังสือ' นะเนี่ย....