ตั้งแต่ ต้นเดือนพฤษภาคม 2552 ที่ผ่าน จนถึงวันนี้ นับได้ประมาณ 4 เดือนของลูกสาวผม กับการเข้าเรียนอนุบาลหนึ่ง ถือว่าเป็นช่วงเปลี่ยนช่วงหนึ่งที่ทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจากการเข้าโรงเรียนของลูกสาว
เดือนแรกของการไปโรงเรียน ดูช่างเป็นช่วงเวลาที่แสนขื่นขมสำหรับลูกสาวผมมาก ร้องไห้ตั้งแต่วันแรก จนประมาณ 3 อาทิตย์ เห็นจะได้ ที่เธอดูสีหน้าไม่สู้ดีนัก ผมถามจากปะ กับมะ ที่เป็นคนทำหน้าที่ส่งลูกสาวผมขึ้นรถไปโรงเรียน อาทิตย์แรกทานอะไรไม่ได้เลย บางวันก็อาเจียนที่บ้านก่อนไป ในรถก็เคย ลงรถที่โรงเรียนก็เคย แต่โชคดีที่คุณครูประจำชั้นให้เบอร์โทรผู้ปกครองทุกคน และสามารถโทรไปถามอาการพฤติกรรมระหว่างอยู่ที่โรงเรียนได้ ทำให้รู้ว่า 2-3 วันแรกที่ร้องไห้ในขณะที่อยู่กับครูและเพื่อน แต่หลังจากนั้น ก็เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ
เดือนที่สอง เริ่มคุ้นเคยกับชีวิตการไปโรงเรียนมากขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่มักเป็นปัญหาเกิดขึ้นบ่อย คือ การเป็นไข้หวัด ซึ่งจากที่คุยกับครู และผู้ปกครองบางท่าน ก็ได้คำแนะนำว่าเป็นเรื่องปกติ ซึ่งก็เห็นใจครูเหมือนกันนะครับ เด็กก็หลายคน ไม่รู้ประสาด้วย มีทั้งขี้มูก น้ำตา กิน ดื่ม เล่นซนด้วยกัน ซึ่งก็เป็นเรื่องยากไม่น้อยที่จะควบคุมป้องกันการติดต่อของหวัดได้
เดือนที่สาม เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดี ในด้านพัฒนาการช่วยเหลือตัวเองได้มากขึ้น เช่น ถอด-ใส่กระดุมได้เอง ไม่ชอบให้พ่อ-กับแม่ใส่ให้, พับผ้า, เข้าห้องน้ำรู้จักวิธีใช้สายยางล้างชำระ บอกแนะนำสิ่งที่ควรปฏิบัติให้แก่โต๊ะ (ปู่-ย่า) ได้ในบางเรื่อง เช่น ให้ก้าวเท้าซ้ายเข้าห้องน้ำ ผู้หญิงให้พูด "ค่ะ" ผู้ชายให้พูด "ครับ"
เดือนที่สี่ เริ่มท่องจำ ดุอาก่อนนอน ซูเราะห์สั้นๆในอัลกรุอ่าน คำกล่าวอีกอมะฮ์ ท่าทางการละหมาด รู้จักการอาบน้ำละหมาด จากการสอบถามทราบว่า หลังจากทานอาหารกลางวันแล้ว ครูจะพาสอนอาบน้ำละหมาด และละหมาดก่อนที่จะนอนกลางวัน
สิ่งที่ผมรู้สึกประทับใจมาก ก็คือ เทคนิคการใช้สมุดประจำตัวนักเรียน ที่คุณครูจะเขียนและฝากมากับการบ้านทุกวัน ในสมุดครูจะตีเส้นทำเป็นช่อง ว/ด/ป รายการการบ้านประจำวัน ช่องลงลายมือครู และช่องลงลายมือผู้ปกครอง ส่วนปกหน้า ก็ตีตารางลงรายการเงินฝากที่เหลือแต่ละอาทิตย์ มีลายมือทั้งครูและผู้ปกครองเสมอ เป็นการฝึกออมเงินไปในตัว และวันไหนที่มีอะไรพิเศษ ครูก็จะเขียนมาในสมุดเล่มนี้แหละ และเวลาผมมีอะไร ผมก็จะเขียนในช่องประจำวันนั้นๆ เหมือนกัน ทำให้การสื่อสารระหว่างครู กับผู้ปกครองดีมากเลยครับ
ขอบคุณที่แบ่งปันค่ะ คุณนายน้อยที่บ้านก็เพิ่งไปโรงเรียนเหมือนกัน อนุบาล1 เกเรทุกวัน ไม่อยากไปโรงเรียน วันนี้ตื่นเช้าบอกว่า หม่ามี้หนูตัวร้อน เป็นไข้หวัดสิบเก้า (จะพูด2009 แต่พูดไม่ถูก) พอบอกว่างั้นก็ต้องล้างจมูก เพราะเป็นหวัด รีบลุกขึ้นมาเลยค่ะบอกหายแล้ว
ดีจริงๆ ครับ
ทั้งครูทั้งผู้ปกครอง ช่วยกัน
ไม่ตามใจเด็กจนเกินไป ทำให้เด็กได้สิ่งที่ดี
เป็นเรื่องราวประสบการณ์ที่ควรจำครับ
ถึงผมจะยังไม่มีลูกก็เถอะ 555