พ.ร.บ.ค่าตอบแทนแก่ผู้เสียหาย
และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา
พ.ศ.2544
ผู้มีสิทธิได้รับค่าคุ้มครองแบ่งเป็น 2 ประเภท
คือ
1.ผู้เสียหายจากการกระทำความผิดอาญา
2.จำเลยที่ถูกขังในระหว่างพิจารณาคดีและต่อมาอัยการถอนฟ้อง
หรือปรากฏภายหลังว่ามิใช่ผู้กระทำความผิด
หรือการกระทำไม่เป็นความผิด
1.ผู้เสียหายในคดีอาญา หมายถึง
ผู้ที่ได้รับความเสียหายถึงแก่ชีวิต ร่างกาย หรือจิตใจ
จากการกระทำความผิดอาญาของผู้อื่น
โดยผู้เสียหายมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดนั้น
และไม่มีโอกาสได้รับการบรรเทาความเสียหายโดยวิธีอื่นใด เช่น
ไม่สามารถจับตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษได้ หรือ
จับได้แต่ผู้กระทำความผิดไม่มีทรัพย์สินใดจะมาชดใช้ความเสียหายให้
เพื่อเป็นการบรรเทาความเสียหายที่เกิดขึ้น ผู้เสียหายหรือทายาท
จึงมีสิทธิได้รับ ค่าตอบแทน ที่จำเป็นและสมควรจากรัฐ
ค่าตอบแทนผู้เสียหายในคดีอาญา แบ่งเป็น 2
กรณี
1.กรณีเสียชีวิต
◦ค่าตอบแทนตั้งแต่ 30,000 บาท แต่ไม่เกิน
100,000 บาท
◦ค่าจัดการศพ จำนวน 20,000 บาท
◦ค่าขาดอุปการะเลี้ยงดู ไม่เกิน 30,000
บาท
◦ค่าเสียหายอื่นตามที่คณะกรรมการเห็นสมควร แต่ไม่เกิน
30,000 บาท
2.กรณีทั่วไป
◦ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการรักษาพยาบาล
ให้จ่ายเท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 30,000 บาท
◦ค่าฟื้นฟูสมรรถภาพทางร่างกายและจิตใจ
ให้จ่ายเท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 20,000 บาท
◦ค่าขาดประโยชน์ทำมาหาได้ในระหว่างที่ไม่สามารถประกอบการงานได้
ตามปกติจ่ายในอัตราวันละไม่เกิน 200 บาท
เป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี
นับแต่วันที่ไม่สามารถประกอบกิจการงานได้ตามปกติ
◦ค่าตอบแทนความเสียหายอื่นตามที่คณะกรรมการเห็นสมควร
แต่ไม่เกิน 30,000 บาท
2.จำเลยในคดีอาญา หมายถึง
ผู้ที่ถูกดำเนินคดีโดยพนักงานอัยการและถูกคุมขังระหว่างการพิจารณาคดี
ต่อมาภายหลังปรากฎหลักฐานชัดเจนว่าจำเลยมิได้เป็นผู้กระทำความผิด
มีการถอนฟ้องระหว่างการดำเนินคดี
หรือมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าไม่ได้กระทำความผิด
หรือการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิด
เพื่อเป็นการบรรเทาความเสียหายแก่จำเลยหรือทายาท จึงมีสิทธิได้รับ
ค่าทดแทนและค่าใช้จ่าย ที่จำเป็นและสมควรจากรัฐ
ค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา แบ่งเป็น 2
กรณี
1.กรณีเสียชีวิต
◦ค่าทดแทน จำนวน 100,000 บาท
◦ค่าจัดการศพ จำนวน 20,000 บาท
◦ค่าขาดอุปการะเลี้ยงดู จำนวนไม่เกิน 30,000
บาท
◦ค่าเสียหายอื่นตามที่คณะกรรมการเห็นสมควร แต่ไม่เกิน
30,000 บาท
2.กรณีทั่วไป
◦ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการรักษาพยาบาล
ให้จ่ายเท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 30,000 บาท
หากความเจ็บป่วยนั้นเป็นผลโดยตรงจากการถูกดำเนินคดี
◦ค่าฟื้นฟูสมรรถภาพทางร่างกายและจิตใจ
ให้จ่ายเท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 50,000 บาท
หากความเจ็บป่วยนั้นเป็นผลโดยตรงจากการถูกดำเนินคดี
◦ค่าขาดประโยชน์ทำมาหาได้ในระหว่างถูกดำเนินคดีอัตราวันละไม่เกิน
200 บาท
นับแต่วันที่ไม่สามารถประกอบกิจการงานได้ตามปกติ
◦ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการดำเนินคดี ได้แก่
■ค่าทนายความ
เท่าที่จ่ายจริงในอัตราไม่เกินกฎกระทรวงกำหนด
■ค่าใช้จ่ายอื่น
เท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 30,000 บาท
โดยยื่นคำขอตามแบบและเอกสาร ภายในกำหนดเวลา ดังนี้
1.ในกรณีผู้เสียหาย ภายใน 1 ปี
นับแต่วันที่ผู้เสียหายได้รู้ถึงการกระทำความผิด
2.ในกรณีจำเลย ภายใน 1 ปี
นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ถอนฟ้อง
เพราะปรากฎหลักฐานชัดเจนว่าจำเลยมิได้เป็นผู้กระทำความผิด
หรือวันที่มีคำพิพากษาอันถึงที่สุดในคดีนั้นว่าข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่าจำเลยไม่ได้เป็น
ผู้กระทำความผิด หรือ การกระทำของจำเลย
ไม่เป็นความผิด
กรณีผู้เสียหายหรือจำเลยในคดีอาญาไม่สามารถยื่นคำขอด้วยตนเองได้
ให้ผู้แทนโดยชอบธรรมหรือผู้อนุบาล ผู้บุพการี ผู้สืบสันดาน
สามีหรือภริยา หรือบุคคลหนึ่งบุคคลใด
ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นหนังสือจากผู้เสียหายหรือจำเลย
สามารถยื่นคำขอแทนได้
หากบุคคลใดยื่นคำขอรับค่าตอบแทน ค่าทดแทน และค่าใช้จ่าย
โดยแสดงข้อความหรือพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน
60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ความผิดที่ผู้เสียหายมีสิทธิได้รับค่าตอบแทน
ต้องอยู่ในประเภทความผิดดังต่อไปนี้
1.ความผิดเกี่ยวกับเพศ
2.ความผิดต่อชีวิต
3.ความผิดต่อร่างกาย
4.ความผิดฐานทำให้แทงลูก
5.ความผิดฐานทอดทิ้งเด็ก
วิธีการยื่นคำขอรับค่าตอบแทน ค่าทดแทน และค่าใช้จ่าย
ส่วนกลาง ให้ยื่นคำขอ ณ
สำนักงานช่วยเหลือทางการเงินแก่
ผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา
กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ
กระทรวงยุติธรรม
ในส่วนภูมิภาค
ยื่นได้ที่สำนักงานยุติธรรมจังหวัดทุกจังหวัด
เอกสารจำเป็นที่ผู้เสียหายต้องยื่นต่อเจ้าหน้าที่ในกรณีขอรับค่าตอบแทน
1.สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน /
บัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ
(ของผู้เสียหายและผู้ยื่นคำขอ)
2.สำเนาทะเบียนบ้าน
(ของผู้เสียหายและผู้ยื่นคำขอ)
3.สำเนาทะเบียนสมรส
4.สำเนาสูติบัตร
5.สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ / สกุล
6.หนังสือมอบอำนาจ
7.หนังสือให้ความยินยอมของทายาทอื่นในการยื่นคำขอรับค่าตอบแทนผู้เสียหายกรณีมีทายาทผู้มีสิทธิยื่นคำขอในกรณีเดียวกันหลายคน
8.ใบเสร็จค่ารักษาพยาบาล
9.สำเนาใบรับรองแพทย์
10.รายงานการสอบสวนของสถานีตำรวจ
และบันทึกประจำวันการแจ้งความ
11.สำเนาใบมรณะบัตร
(กรณีผู้เสียหายถึงแก่ความตาย)
12.สำเนาใบชันสูตรแพทย์ หรือใบชันสูตรพลิกศพ
13.หลักฐานการมีรายได้ในกรณีประกอบอาชีพ
14.หลักฐานการได้รับชดใช้ค่าเสียหายจากหน่วยงานอื่น
เอกสารจำเป็นที่จำเลยต้องยื่นต่อเจ้าหน้าที่ในกรณีขอรับค่าทดแทน
และค่าใช้จ่าย
1.สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน /
บัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ
(ของผู้เสียหายและผู้ยื่นคำขอ)
2.สำเนาทะเบียนบ้าน
(ของผู้เสียหายและผู้ยื่นคำขอ)
3.สำเนาทะเบียนสมรส
4.สำเนาสูติบัตร
5.สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ / สกุล
6.หนังสือมอบอำนาจ
7.หนังสือให้ความยินยอมของทายาทอื่นในการยื่นคำขอรับค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญากรณีมีทายาทผู้มีสิทธิยื่นคำขอในกรณีเดียวกันหลายคน
8.ใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลและอื่นๆถ้ามี
9.สำเนาใบรับรองแพทย์
10.คำพิพากษาอันถึงที่สุดว่าข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่าจำเลยมิได้เป็นผู้กระทำผิด
หรือการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิด
หรือปรากฎหลักฐานชัดเจนว่าจำเลยมิได้เป็นผู้กระทำความผิดและมีการถอนฟ้องในระหว่างดำเนินคดี
11.หมายขังและหมายปล่อย
12.หนังสือรับรองคำพิพากษาถึงที่สุด
13.สัญญาจ้างว่าความหรือหนังสือรับรองว่าจ้างว่าความ
14.สำเนาใบแต่งทนาย
(รับรองโดยเจ้าหน้าที่ศาล)
15.สำเนาใบมรณะบัตร
(กรณีจำเลยถึงแก่ความตาย)
16.สำเนาใบชันสูตรแพทย์
17.หลักฐานการมีรายได้
18.หลักฐานการได้รับชดใช้ค่าเสียหายจากทางอื่น
ขอบคุณข้อมูลจาก :
สำนักงานช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา
กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม
สวัสดีค่ะ คุณนาย ธัญศักดิ์ ณ นคร
"รัฐมีหน้าที่ป้องกันและปราบปรามอาชญกรรม ทั้งต้องดูแลแพะที่เกิดจากขบวนการ
ยุติธรรม"
พ.ร.บ.นี้เราเข้าใจว่าเป็นการป้องกันการแจ้งความเท็จใช่ไหมคะ
เมื่อผู้ถูกฟ้องเป็นแพะรับบาป จึงควรใช้ พ.ร.บ.นี้ใช่ไหมคะ
ขอบคุณที่ให้ความกระจ่างค่ะ
เขียนแบบนี้มาให้อ่านอีกนะ ชอบอ่านกฎหมาย
ขอบคุณค่ะ