เป็นนายกรัฐมนตรี ต้ององอาจ อย่าสูญเปล่า...!!!


เป็นนายกรัฐมนตรี ต้ององอาจ เพราะนายกคือ "ผู้นำ" ของคนทั้งชาติ

 

 

 

 

 

เป็นนายกรัฐมนตรี ต้ององอาจ อย่าสูญเปล่า...!!!

วิกูล โพธิ์นาง

รัฐศาสตรบัณฑิต  มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช

๒๖  สิงหาคม ๒๕๕๒

 

 

ประเทศไทยของเราหยุดการพัฒนา ทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม นับตั้งแต่การรัฐประหาร ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ ล้มรัฐบาลพันตำรวจโท ดร. ทักษิณ ชินวัตร

 

เรามีนายกรัฐมนตรี ต่อจากเหตุการณ์ล้มรัฐบาลนั้นมาแล้ว ๓ ท่าน ประกอบไปด้วยคุณสมัคร สุนทรเวช คุณสมชายวงษ์สวัสดิ์ และล่าสุดคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่ละท่านไม่สามารถแก้ไขปัญหาชาติบ้านเมืองเพื่อประชาชนได้อย่างราบรื่น ตามกำลังความสามารถ

 

เพราะทั้งหมดเกิดการต่อต้านจากกลุ่มกดดันทางกมาเมืองกลุ่มใหญ่ ๒ กลุ่มคือ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย  และ แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ภายใต้สัญญาลักษณ์ พธม. เสื้อเหลือง  นปช. เสื้อแดง

 

จากสภาพของการไม่ลื่นไหลในการพัฒนาชาติ เพื่อควมอยู่ดี กินดี ของประชาชนชาวไทย  ทั้งหมดนั้นเกิดจากนายกรัฐมนตรีของไทย ไม่สามารถบริหารงานแผ่นดินได้ตามบทบาทหน้าที่ของตำแหน่งนายกรัฐมนตรี บริหารแผ่นดินได้อย่างไม่สะดวกเต็มที่ ไม่มีความองอาจในการตัดสินใจ

 

การตัดสินใจที่ไม่องอาจ ก็เพราะการได้มาซึ่งการเป็นนายกรัฐมนตรีไม่องอาจนั่นเอง จึงต้องเกรงอกเกรงใจ ผู้มีพระคุณทั้งหลายที่สนับสนุนมาในอดีต นั่นคืออำนาจอื่นมิใช่อำนาจประชาชน

 

เมื่อถูกอำนาจอื่นครอบงำ การจะทำอะไรเพื่อประชาชนก็รู้สึกเกรงอำนาจนั้นมากว่าอำนาจประชาน การแก้ไขปัญหาเพื่อประชาชนจึงไม่ถูกดำเนินการขยายผลอย่างจริงจัง จะมีอยู่บ้างก็ประปราย แต่ก็แห่แหนแวดล้อมด้วยทุจริตคอรัปชั่น

 

ในเมื่อไม่เกรงใจประชาชนเสียแล้ว ประชาชนจะหวังอะไรได้ ผู้หวังได้คืออำนาจอื่นนั่นเอง ที่จะบังคับทั้งทางตรงทางอ้อมให้นายกรัฐมนตรีทำในสิ่งที่เขาต้องการ ผลประโยชน์ทั้งมวลจากการบริหารจึงตกถึงประชาชนส่วนใหญ่น้อยมาก

 

จะเห็นได้จากที่สภาพเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ตามข่าวสารต่างๆไม่ส่อแววเลยว่าประเทศไทยเราจะดีขึ้น หรือดีขึ้นเมื่อไร

 

ความที่เกรงอำนาจอื่นมากกว่าอำนาจประชาชน เพราะอำนาจอื่นแสดงอิทธิฤทธิ์ให้หน้ายกรัฐมนมตรีต้องมีอันเป็นไปเฉพาะหน้าได้ไวกว่าอำนาจที่ถูกต้อง คือ อำนาจประชาชน นายกรัฐมนตรีจึงต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปวันต่อวัน ด้วยการถืออำนาจอื่นเป็นใหญ่ อำนาจประชาชนเป็นรอง

 

ดังนั้นใครที่คิดจะมาเป็นนายกรัฐมนตรี และตั้งใจจะใช้ความดี ความสามารถที่มีอยู่ให้เกิดกับประชาชนไทยอย่างแท้จริงแล้วไซร้ ก็ต้องยอมรับกติกา เดินเข้ามาในทำเนียบรัฐบาลอย่างองอาจ

 

นั่นคือต้องเข้ามาตามระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น มิฉะนั้นแล้วหากเข้ามาด้วยอำนาจอื่น ถึงเข้ามาได้ก็จะมีแต่ความทุกข์ ไม่ต่างอะไรกับพระเอกภาพยนต์รูปร่างหน้าตาดี แต่ต้องก้มหน้าทำตามบทบาท ที่ผู้กำกับสั่งเท่านั้น ที่นี่ประเทศไทยมิใช่วงการมายา

 

การมาเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยอำนาจอื่น จะทำให้ความรู้ ความสามารถ และความดีที่นากยกรัฐมนตรีมีและสั่งสมมาตลอดชีวิต ต้องสูญเปล่า

 

แต่จะเข้ามาด้วยวิธีใดก็ตาม เมื่อได้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ก็ต้ององอาจ และกล้าหาญ เพราะความองอาจและกล้าหาญนั้น ถึงไปขัดใจอำนาจอื่น หากเป็นความถูกต้อง ประชาชนจะอยู่ข้างนายกรัฐมนตรี...!!!

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 291196เขียนเมื่อ 26 สิงหาคม 2009 13:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 09:00 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

สวัสดีครับ

ผมเห็นด้วยกับบทความโดยรวมนะครับ แม้ว่าจะมีบางจุดที่ค่อนข้างจะเหน็บคุณอภิสิทธิแรงไปนิด :)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท