ผมรู้จักคำว่าการปฏิรูปการศึกษามาเกือบจะยี่สิบปี แล้ว เดี๋ยวรัฐก็กำหนดนโยบายและมาตรการให้
ทำอย่างโน้น ทำอย่างนี้ ส่วนใหญ่ก็เป็นการประชุม อบรม สัมมนา ประชุมปฏิบัติการ ทั้งอบ ทั้งรม ทั้ง
ในจังหวัด ต่างจังหวัด กรุงเทพมหานคร ตลอดจนมีคณะไปศึกษาดูงาน ณ ต่างประเทศ ทั่วโลกก็ว่าได้
แต่สุดท้ายแล้วดูเหมือนว่า เมื่อสิ้นสุดการประชุม อบรม สัมมนาต่าง ๆ ส่วนใหญ่ก็มีผลผลิตระดับกระทรวง
ระดับจังหวัด ระดับอำเภอ ระดับเครือข่ายโรงเรียน แต่จะเงียบหายในระดับโรงเรียน
คำว่า "เงียบหาย" ไป ในที่นี้ ก็อย่างเช่น สพท.ให้ ร.ร. ส่งครู หรือแม้แต่ให้ผู้บริหารมาประชุม
อบรม สัมมนา ประชุมปฏิบัติการในเรื่องอะไรก็ตาม ให้นำไปปฏิบัติหรือขยายผลในระดับโรงเรียน ส่วนใหญ่
จะเงียบหายไป
ไม่มีการต่อยอด หรือขยายผลสู่โรงเรียน ปรากฎการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องทุกปี คิด
คำนวณตัวเลขงบประมาณที่ถูกถลุงไปเพื่อการนี้แล้วใจหาย และเศร้าใจ หากนำเงินเหล่านี้ไปทำกิจกรรม
อย่างอื่นที่ดีกว่า หรือน่าจะมีประสิทธิภาพ เกิดประสิทธิผลมากกว่า จะมีสักกี่คนที่คิดถึงเรื่องนี้
นอกจากความล้มเหลวดังทัศนะของผมที่กล่าวแล้วข้างต้น ยังมีนักวิชาการ และนักบริหารระดับสูง
นิยมใช้คำว่า การพัฒนาที่ยั่งยืน ต้องการจะให้เกิดสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นทั่วทั้งหน่วยงานสถานศึกษาให้เกิด
การพัฒนาที่ต่อเนื่อง ต่อเนื่อง เจริญก้าวหน้าตลอดไป
จากการคร่ำหวอดอยู่กับวงวิชาการ เห็นการเวียนว่ายตายเกิดของนโยบาย และยุทธศาสตร์ต่าง ๆ
จนเกิดความเชื่อมั่นอันเกิดจากประสบการณ์การทำงานเท่าที่เคยประสบความสำเร็จในการบริหารงาน
ก็ด้วยการ "นิเทศภายใน"
การนิเทศภายใน จะมีความหมายว่าอย่างไร ผมก็ไม่เชี่ยวชาญพอที่จะให้คำนิยาม แต่พอจะกล่าว
ได้ว่า การนิเทศภายใน ในความหมายของผมคือ การช่วยเหลือเพื่อนร่วมงานอย่างกัลยาณมิตร
ในการบริหารงานในโรงเรียนทั้ง 4 ฝ่าย ได้แก่ ฝ่ายบริหารทั่วไป ฝ่ายบริหารวิชาการ ฝ่ายบริหาร
งานการเงินและงบประมาณ และฝ่ายบริหารงานบุคคล ผมจะใช้วงจรแห่งความสำเร็จ PDCA P=Plan
=วางแผน D=Do=ปฏิบัติ C=Check=ประเมิน/นิเทศ/กำกับ/ติดตามผล A=Act=นำผลการ
ประเมิน/นิเทศ/กำกับ/ติดตาม ไปปรับปรุงพัฒนา
ในการนิเทศ กำกับ ติดตาม การสอนของครู ผมใช้วงจรวิจัยเชิงปฏิบัติการ PAOR ซึ่งผมรู้สึก
สำนึกในพระคุณของท่านอาจารย์ชนิดา วิสะมิตนันท์ ศึกษานิเทศเชี่ยวชาญ สพท.สงขลา เขต 1 ที่
ให้ความเมตตาแก่ผม โดยแนะนำวงจรวิจัยเชิงปฏิบัติการนี้ให้ผมได้รู้จัก และนำไปใช้จริงในการนิเทศ
ภายในโรงเรียนได้อย่างได้ผล P=Plan=วางแผน A=Act=ปฏิบัติ O=Observe=สังเกต
R=Reflect=ให้ข้อมูลย้อนกลับ
หากการจัดการอบรม ประชุม สัมมนา เสร็จสิ้นที่ระดับนานาชาติ ระดับประเทศ ระดับจังหวัด
ระดับอำเภอ ระดับเครือข่าย หรือแม้แต่ระดับโรงเรียน เมื่อผู้บริหาร/ครูกลับไปถึงโรงเรียน มีการรายงาน
ผลการปฏิบัติงาน ว่าไปทำอะไรมา มีความรู้ประสบการณ์อะไร และจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อที่
โรงเรียน ให้ผู้บริหารโรงเรียนรับทราบ-ให้การสนับสนุน-สั่งการ แล้วนำมาขยายผลอย่างจริงจัง รวมทั้ง
มีการนิเทศ ติดตามประเมินผลให้เกิดผลสำเร็จโดยใช้หลักการนิเทศแบบเพื่อนช่วยเพื่อน เป็นกัลยาณมิตร
นิเทศ
ในการจัดการเรียนรู้ก็เช่นกัน หากโรงเรียนจัดระบบการนิเทศภายใน ให้มีกิจกรรมที่หลากหลาย
ในการช่วยเพื่อนครูในการปฏิบัติงานประจำของครู คืองานสอนนั่นเอง มีการเยี่ยมชั้นเรียน มีการส่งงาน
เอกสารธุรการชั้นเรียน มีการประชุมในระดับต่าง ๆ ในโรงเรียน มีการสังเกตการสอน เป็นการประเมินผล
การปฏิบัติงานเชิงประจักษ์ โดยมีแบบนิเทศ ติดตาม ประเมินผล หรือจะใช้เป็นแบบประเมินด้วยก็ไม่เสีย
หายอะไร แล้วให้มีการป้อนข้อมูลย้อนกลับให้ผู้รับการนิเทศ/ประเมินทราบผล ซักถาม เพื่อการเข้าใจที่
ตรงกัน แล้วพิจารณานำข้อมูลไปปรับปรุงพัฒนาการปฏิบัติงานต่อไป
หากครูกลับจากการอบรม ประชุม สัมมนา ก็ให้มีการเขียนรายงานผลการปฏิบัติงาน ให้ผู้บริหาร
ได้รับรู้ รับทราบว่าครูไปทำอะไรมา และจะต้องทำอะไรที่โรงเรียน ผู้บริหารและเพื่อนครูจะให้การสนับสนุน
การขยายผลในระดับโรงเรียนอย่างไร การขยายผลเหล่านี้ สามารถนำวงจรวิจัยเชิงปฏิบัติการมาใช้ในการ
นิเทศภายในโรงเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผมได้นำทั้ง PDCA และ PAOR ไปใช้ในการบริหารและจัดการศึกษา มีการสร้างความตระหนัก
ให้แก่ครู ผู้ปกครอง คณะกรรมการสถานศึกษา และชุมชน มีการจัดทำเอกสารคู่มือการนิเทศภายใน
มีการออกแบบเครื่องมือการนิเทศ/ประเมินผลการปฏิบัติงาน มีคณะนิเทศภายในโรงเรียนซึ่งทำหน้าที่
ทั้งนิเทศภายในและประเมินผลการปฏิบัติงาน 3 คณะ ๆ ละ 4 คน โดยมีผมซึ่งเป็นผู้บริหารโรงเรียนเป็น
ประธานกรรมการของทุกคณะ และในแต่ละคณะให้มีตัวแทนของคณะกรรมการสถานศึกษา ตัวแทน
ผู้ปกครอง และตัวแทนชุมชนอยู่ด้วยคณะละ 1 คน เพื่อมีส่วนร่วมในการบริหารและการจัดการศึกษา
รายชื่อของบุคคลทั้ง 3 เสนอโดยคณะกรรมการสถานศึกษาและคณะกรรมการภาคี 4 ฝ่าย ครับ
ในฐานะที่ผมเป็นผู้บริหารโรงเรียน มีความตระหนัก และเชื่อมั่นในกระบวนการที่กำลังดำเนินการ
อยู่นี้ ด้วยความมุ่งหวังว่าการบริหารและการจัดการศึกษาของโรงเรียนจะมีคุณภาพที่ดีขึ้น อีกทั้งการที่ใคร
ก็ตามไปประชุม อบรม สัมมนา เมื่อกลับมาโรงเรียนแล้ว จะไม่สูญเปล่า ได้กลับมาทำงานจริงที่โรงเรียน
และเกิดผลจริงต่อกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ
ผมจึงมีความมั่นใจว่า การนิเทศภายในนี้แหละที่จะแก้ปัญหาการศึกษาได้ระดับหนึ่ง ถึงจะแก้
ปัญหาได้ไม่ทั้งหมดเสียทีเดียว แต่ก็ยังดีกว่าการไปอบรม ประชุม สัมมนา ถลุงเงินภาษีประชาชนจนหมด
แล้วก็จบแค่นั้น การปฏิรูปการศึกษาที่เกิดขึ้นมาในอดีต จึงมีคนกล่าวว่า ล้มเหลว เป็นเพียงทำให้ข้าราชการ
บางกลุ่มมีตำแหน่งสูงขึ้นเท่านั้น แต่คุณภาพการศึกษาในปัจจุบันกับแย่ลง.....จริงหรือไม่....ทุกท่านลองคิดดูสิครับ......
ดังนั้น หากหน่วยงานทางการศึกษา และสถานศึกษาทุกแห่ง ลองยกเรื่องการนิเทศภายในให้
เป็นวาระสำคัญของการปฏิรูปการศึกษาด้วยอีกเรื่องหนึ่ง ขับเคลื่อนเรื่องนี้สู่การปฏิบัติอย่างจริงจัง จะเป็น
ตัวส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้สูงขึ้น และเป็นการพัฒนาคุณภาพการศึกษาที่ยั่งยืนได้อย่างแท้จริง
สำหรับผลการนิเทศภายในโรงเรียนเป็นอย่างไร ผมจะนำรายงานผลมานำเสนอในโอกาสต่อไป
อุตส่าห์ไปเรียนเอกหลักสูตรและการนิเทศ กลับมา ไม่ได้ใช้เลย
อยากให้โรงเรียนทั่วไทย มีระบบนิเทศภายในที่เข้มแข็งครับ
เพื่อผลสุดท้ายที่นักเรียนทุกคนมีคุณภาพครับ