จากบันทึก R2R..ทำไม่ยากอย่างที่คิด เราได้รับทุน R2R จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น
วันนี้พวกเรามาร่วมสรุปบทเรียนจากการทำวิจัย
1. โครงการลดอุบัติการณ์การบริหารยาสำหรับผู้ป่วยมะเร็งที่มารับยาเคมีบำบัด
ลักษณะของผลงาน
เป็นงานประจำ พัฒนาให้เป็นงานวิจัย (R2R) โดยเริ่ม วิเคราะห์อุบัติการณ์การบริหารยาที่เกิดในหอผู้ป่วย พบว่าส่วนใหญ่เกิดจาก ไม่มีการตรวจสอบซ้ำทุกขั้นตอน การระบุชื่อยาไม่ชัดเจน ทีมวิจัยจึงได้จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายในหอผู้ป่วย โดยการทบทวนความรู้และแนวทางการเตรียมยาตามมาตรฐานของงานบริการพยาบาลให้แก่พยาบาลทุกคน จัดทำแนวทางการบริหารยาและจัดทำสติกเกอร์สำหรับติดกระบอกยาและขวดยาให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ผู้วิจัยนำเสนอแนวทางการให้ยาและหลักการใช้สติกเกอร์ยา และดำเนินการตามแผน และมีการติดตามประเมินผลลัพธ์
ปัจจัยแห่งความสำเร็จ
ผู้วิจัยและผู้ร่วมวิจัยทุกคน รวมทั้งบุคลากรในหอผู้ป่วย มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากงานประจำ เพื่อทำเป็นงานวิจัย ทีมวิจัยมีความมุ่งมั่นในการทำงานและมีการเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ ได้รับการสนับสนุนทุนวิจัย ประเภท 3 R2R จากมหาวิทยาลัยขอนแก่นประจำปี 2551 ทำให้ทีมงานมีความภาคภูมิใจ นอกจากนี้ผู้บริหารคอยดูแลให้กำลังใจ ให้คำแนะนำและช่วยแก้ปัญหาในทุกกระบวนการทำงาน
ผลสัมฤทธิ์ : งานเห็นผล คนเป็นสุข ผลลัพธ์ในการดำเนินการ พยาบาลสามารถปฏิบัติตามมาตรฐานการให้ยาในหอผู้ป่วยเคมีบำบัด ร้อยละ 96.30 และจากการติดตามอุบัติการณ์การให้ยา พบร้อยละ 0.081 อยู่ในระดับ Near missในระดับB (เตรียมยาผิดขนาดแต่สามารถตรวจสอบได้ก่อนจะให้ผู้ป่วย) นอกจากนี้ ยังได้นวัตกรรม คือ จัดพิมพ์สติกเกอร์ยาที่ใช้บ่อยและได้มาตรฐานตาม ASTM( The American Society for Testing and Materials) มาใช้ในหอผู้ป่วย สามารถลดเวลาในการคัดลอกคำสั่งของแพทย์ ได้ จากเดิมใช้เวลารับคำสั่งแพทย์ Caseละ 30 นาที เหลือCase ละ 15 นาที ทำให้พยาบาลมีเวลาในการดูแลผู้ป่วยข้างเตียง (Bed side nursing care) และให้คำปรึกษาปัญหาด้านจิตใจผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด ได้มากขึ้น ผู้ป่วยและญาติพึงพอใจที่ได้รับความสนใจและเอาใจใส่มากขึ้น บุคลากรก็มีความสุขในการทำงานเพราะทำให้การทำงานเป็นระบบมากขึ้น ไม่มีอุบัติการณ์ที่เป็นอันตรายของการให้ยา สามารถตรวจสอบได้ง่าย ทำให้ผู้ป่วยได้รับความปลอดภัยอีกด้วย
ความภาคภูมิใจ ทีมวิจัยรู้สึกภาคภูมิใจที่สามารถทำงานประจำที่เราทำทุกวันให้เป็นงานวิจัยได้ ทำให้ผลงานของเราส่งผลต่อความปลอดภัยของผู้ป่วย และยังสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรม และทำให้พวกเราทำงานได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
..................
2. โครงการลดอุบัติการณ์การพลัดตกหกล้มในผู้ป่วยมะเร็งที่มารับยาเคมีบำบัด
กำลังสรุปผล
จัดทำป้าย 3 แบบ
ปรับแบบประเมินใหม่ อีกครั้ง เพื่อให้ประเมินได้ตรงมากขึ้น
หลังจากนั้นพวกเราถ่ายภาพ กับโลห์ที่ได้รางวัล CoP_IV Chemotherapy ก่อนจะฉลองด้วยการรับประทานอาหารกลางวันร่วมกันค่ะ
ชื่นชมเป็นกำลังใจในความสำเร็จ ม่อนมาขอบพระคุณในความปรารถนาดีที่มอบให้ และนำความเป็นสิริมงคลมาฝากจากวัดแค ครับ โชคดี
ขอบพระคุณนะคะ จะนำไปบอกน้องๆที่ทำงาน จะได้มีพลังสร้างสรรค์งานต่อไปค่ะ
โครงการ UM
สรุปผลส่งมี One stop service,
I/O,
การคืนยาลดค่าใช้จ่ายประมาณ 20,000บาทต่อปี
น้องพัชรี นำเสนอสรุปผล UM ด้วย เรื่อง การลดระยะเวลาและลดค่าใช้จ่ายในการบันทึกน้ำเข้า น้ำออกของผู้ป่วย (Intake-Output)
ขอชื่นชมด้วยคนนะคะ
ขอให้กำลังใจคนทำงานหนักอย่างพวกเรา
แล้วยังรังสรรสิ่งดีๆ
เสน่ของการทำงานคุณภาพคือความภาคภูมิใจ
พี่แก้วว่ามั๊ยคะ
ชื่นชมในความสำเร็จ และความตั้งใจถึงงานจะหนักแต่ก็ไม่ทิ้งการพัฒนาจนเป็นประโยชน์
น้องๆและพี่พี่ช่วยกันทำงาน เพื่อผู้ป่วยและองค์กร ทำให้ผลัพธ์ที่ได้ คือ ความปลอดภัยของผู้ใช้บริการค่ะ
ดร ขจิต ฝอยทอง
น้องๆทุกคนช่วยกัน ทำให้ทุกคนมีความสุข และทำให้ผู้ป่วยปลอดภัยอีกด้วยค่ะ
ชื่อผลงาน โครงการลดอุบัติการณ์การพลัดตกหกล้มในผู้ป่วยมะเร็งที่มารับยาเคมีบำบัด |
เจ้าของผลงาน นางสาวพัชรี ประสมพืช* นางสาวณัฏฐ์ชญา ไชยวงษ์ นางสาวณัฐยา จันสมคอย สังกัดหน่วยงาน หอผู้ป่วยเคมีบำบัด 5 จ งานบริการพยาบาล คณะแพทยศาสตร์ โทร 043363468-9 email [email protected] ประเภทผลงาน ¨ ผลงานด้านเทคโนโลยี (IT) และการบริหารจัดการ ¨ ผลงานด้านบริหารจัดการองค์การที่ดี ¨ ผลงานด้านบริการนักศึกษาและการจัดการเรียนการสอน / ¨ ผลงานด้านการพัฒนางานประจำสู่งานวิจัย ¨ ผลงานด้านการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อการพัฒนานวัตกรรม ¨ ผลงานด้านอื่นๆ โปรดระบุ........................................ |
ข้อมูลเกี่ยวกับผลงาน การให้ยาเคมีบำบัด ทำให้เกิดผลข้างเคียงจากยาเคมีบำบัด ทำให้เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน มีภาวะอ่อนเพลีย นอกจากนี้ยังได้รับยานอนหลับและสารน้ำ ทำให้ผู้ป่วยมีความเสี่ยงต่อการพลัดตกหกล้ม สถิติในปี พ.ศ. 2551 เกิดอุบัติการณ์ จำนวน 6 ครั้ง และในเดือนมกราคม - พฤษภาคม พ.ศ. 2552 เกิดอุบัติการณ์ จำนวน 3 ครั้ง ดังนั้นหอผู้ป่วยจึงได้จัดทำโครงการพัฒนางานประจำให้เป็นงานวิจัย (Routine to Research) เพื่อหาแนวทางลดอุบัติการณ์ในการพลัดตกหกล้มดังกล่าว
ลักษณะของผลงาน เป็นงานประจำ พัฒนาให้เป็นงานวิจัย (R2R) โดยเริ่มวิเคราะห์อุบัติการณ์การพลัดตกหกล้มที่เกิดกับผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด พบว่า ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ เมื่อได้รับยาเคมีบำบัด ผู้ป่วยจะได้รับสารน้ำมากขึ้นและได้รับยานอนหลับก่อนนอน หรือทุก 12 ชั่วโมงตามแผนการรักษา ทำให้มีอาการง่วงซึม มึนงง ขณะเดียวกันผู้ป่วยจะต้องเข้าห้องน้ำบ่อย พยาบาลแนะนำให้ปัสสาวะที่เตียง โดยเจ้าหน้าที่หรือญาติจะช่วยดูแล แต่ผู้ป่วยส่วนมากต้องการเข้าห้องน้ำเอง ระหว่างลงจากเตียงจะมีอาการหน้ามืด ทำให้พลัดตกหกล้มได้ง่าย ทีมวิจัยจึงได้จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายในหอผู้ป่วย โดยการทบทวนความรู้และแนวทางการพลัดตกหกล้มให้แก่พยาบาลทุกคน จัดทำแบบประเมินการพลัดตกหกล้ม พัฒนาแนวทางการป้องกันพลัดตกหกล้มและจัดทำป้ายแขวนป้องกันพลัดตกหกล้มสำหรับแขวนปลายเตียง และป้ายขนาดเล็กสำหรับติดที่แฟ้มที่ใช้สังเกตอาการผู้ป่วย เพื่อสื่อสารให้พยาบาลเฝ้าระวัง ทีมผู้วิจัยนำเสนอแนวทางการป้องกันการพลัดตกหกล้มและการใช้ป้ายเพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการเฝ้าระวังผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด และช่วยเหลือกิจกรรมผู้ป่วย ถ้าผู้ป่วยต้องการเข้าห้องน้ำ จะเน้นให้เจ้าหน้าที่หรือญาติพาเดินหรือเข็นโดยรถเข็นไปห้องน้ำและให้คำแนะนำให้ผู้ป่วยเห็นความสำคัญในการป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น ดำเนินการตามแผน และมีการติดตามประเมินผลลัพธ์
|
ปัจจัยแห่งความสำเร็จ ผู้วิจัยและผู้ร่วมวิจัยทุกคน รวมทั้งบุคลากรในหอผู้ป่วย มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากงานประจำ เพื่อทำเป็นงานวิจัย ทีมวิจัยมีความมุ่งมั่นในการทำงานและมีการเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ ได้รับการสนับสนุนทุนวิจัย ประเภท 3 R2R จากมหาวิทยาลัยขอนแก่นประจำปี 2551 ทำให้ทีมงานมีความภาคภูมิใจ นอกจากนี้ผู้บริหารคอยดูแลให้กำลังใจ ให้คำแนะนำและร่วมกันแก้ปัญหาในทุกกระบวนการทำงาน
ผลสัมฤทธิ์ : ผลลัพธ์ในการดำเนินการ จากการประเมินความเสี่ยงสำหรับผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัดพบว่า มีผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงพลัดตกหกล้มระดับต่ำ ระดับกลางและระดับสูง ร้อยละ 15.73, 32.58 , 50.56 ตามลำดับ พยาบาลสามารถปฏิบัติตามแนวปฏิบัติการพยาบาลเพื่อป้องกันการพลัดตกหกล้มได้ ร้อยละ 89.77 และหลังนำแนวปฏิบัติการพยาบาลมาใช้ พบว่า อุบัติการณ์การเกิดพลัดตกหกล้ม พบร้อยละ 1.14 (จำนวน 1 คน) หลังเกิดอุบัติการณ์ ทีมวิจัยได้มาวิเคราะห์ปัญหาเนื่องจาก ผู้ป่วยต้องรักษาในโรงพยาบาลนานและมีปัญหาเม็ดเลือดต่ำ ทำให้เหนื่อยอ่อนเพลีย พยาบาลแนะนำให้พักบนเตียงและช่วยทำกิจกรรมให้บนเตียง แต่ผู้ป่วยต้องการเดินออกกำลังกายและคิดว่าตนเองทำได้ จึงเกิดหน้ามืดเป็นลมระหว่างเดิน ทีมวิจัยจึงมาร่วมหาแนวทางแก้ไขร่วมกันโดย วิธีการให้ข้อมูลต้องเน้นถึงกิจกรรมที่ผู้ป่วยสามารถทำได้และบุคลากรจะต้องคอยดูแลให้ความช่วยเหลือการทำกิจกรรม ทีมวิจัยได้วิเคราะห์แบบประเมินผู้ป่วยใหม่เพื่อให้สามารถประเมินได้อย่างครอบคลุมและจัดทำป้าย 3 แบบ ซึ่งเป็นนวัตกรรม คือ ป้ายระมัดระวังพลัดตกหกล้ม สำหรับแขวนไว้ที่ หัวเตียงของผู้ป่วยทุกเตียงซึ่งแยกระดับตามความเสี่ยง คือ ระดับความเสี่ยงน้อย ระดับความเสี่ยงปานกลาง ระดับความเสี่ยงมาก เป็นสีเขียว สีเหลือง และสีแดง ตามลำดับ เพื่อให้เจ้าหน้าที่รวมทั้งญาติและตัวผู้ป่วยเองตระหนักถึงการระมัดระวังการเกิดอุบัติเหตุ
ความภาคภูมิใจ ทีมวิจัยรู้สึกภาคภูมิใจที่สามารถทำงานประจำที่เราทำทุกวันให้เป็นงานวิจัยได้ บุคลากรร่วมมือร่วมใจในการทำงาน ทำให้ผลงานของเราส่งผลต่อความปลอดภัยของผู้ป่วย และยังสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมได้ และทำให้พวกเราทำงานได้อย่างเป็นระบบมากขึ้น |