จากสถานการณ์ไข้หวัดใหญ่2009 ระบาด ครูตั๊กเองก็เฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลา และเชื่อมั่นว่าตนเองคงไม่มีโอกาสติดเชิ้อนี้อย่างแน่นอน ถึงแม้ว่า จะต้องไปโรงเรียนทุกวัน สัมผัสกับเด็กๆที่เป็นหวัด แต่ก็ดูแล ตนเองอย่างดี ตามวิธีที่คุณหมอบอกไว้ ทั้งใส่หน้ากาก ล้างมือ มีอาการไม่สบายเล็กๆน้อย ก็จะรีบไปพบหมอ จนกระทั่งวันหนึ่ง ลูกชายไม่สบายตัวร้อนจัดให้ทานยาลดไข้ อาการก็ไม่ทุเลา จึงรีบพาไปโรงพยาบาล และหมอตรวจพบเชื้อ H1N1ความรู้สึกในตอนนั้นรู้สึก ตกใจ เพราะได้ดูแลเรื่องความสะอาดและสุขอนามัยภายในบ้านเป็นอย่างดี หมอบอกว่าเป็นไปได้ที่ลูกชายอาจจะติดเชื้อมาจากโรงเรียน
เมื่อลูกชายไม่สบายอย่างนี้ ครูตั๊กก็ต้องดูแล ทั้งเช็ดตัว หายาให้ทาน อีกทั้งทำความสะอาดห้องนอนของลูกชาย จนกระทั่งแพทย์นัดให้ไปรับยา ทามิฟลู ลูกชายก็เริ่มมีอาการดีขึ้นเรื่อยๆ ได้พักผ่อนเพียงพอ ได้ยาต้านไวรัสมารับประทาน เมื่อาการลูกชายดีขึ้น อาการของคุณแม่ก็เริ่มแสดง ครูตั๊กมีอาการปวดศีรษะ แสบตา มีน้ำมูก ไอ เจ็บคอ มีไข้ อาการมากขนาดนี้ จึงรีบไปพบหมอ คุณหมอตรวจดูอาการ นำเสมหะไปตรวจ รอฟังผล แล็บ ครูตั๊กเป็นไข้หวัดใหญ่2009 ไปแล้วเรียบร้อย
ซักถามคุณหมอ ทำไมเราป้องกันตัวขนาดนี้แล้ว เรายังติดเชื้อ คุณหมอบอกว่า การติดเชื้อไวรัส H1N1 สามารถติดได้ทั้งจากการไอจามรดกัน และการสัมผัสกับเสื้อผ้า เครื่องใช้ของผู้ป่วย ผู้สัมผัสอาจไม่จำเป็นต้องไม่สบายเสมอไป เราอาจเป็นเพียงพาหะที่นำเชื้อไปติดยังผู้อื่นได้
เจ็ดวันที่พักผ่อนอยู่บ้าน ได้มีโอกาสดูแลลูกชายไปด้วย ส่วนคุณพ่อรอดจากการเป็นไข้หวัด2009 ไปอย่างหวุดหวิด เนื่องจากมีภาระงานที่ กทม. ครูตั๊กทานยาแบบเดียวกับลูกชาย พยายามพักผ่อนมากๆ ทานอาหารที่มีประโยชน์ ทานยาตามที่หมอสั่ง ดื่มน้ำมากๆ ไม่วิตกกังวล ใส่หน้ากากอนามัย และล้างมือโดยใช้เจลล้างมือ ทุกครั้ง
ตอนนี้ครูตั๊กกลับมาทำงานแล้วค่ะ ส่วนลูกชายก็มาโรงเรียนตามปกติด้วยสุขภาพที่แข็งแรง
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ไม่ได้รุนแรงอย่างที่คิด ถ้าเรารู้จักรักษาตนเองค่ะ
ไม่มีความเห็น