กีฬาสีเปลี่ยนชีวิต


ใครจะรู้ว่า เพียงแค่กิจกรรมเล็กๆจะเปลี่ยนคนให้เป็นผู้ใหญ่ขึ้น

 

      

         เราคงเคยได้ยินสุภาษิตที่ว่า สิบปากว่า ไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่ามือคลำ สิบมือคลำไม่เท่าลงมือทำเอง ไม่ว่าเราได้ยินได้ฟังอะไรมาถึงจะรู้อย่างไรในสิ่งเดียวกันก็ไม่เท่ากับการเห็นด้วยตา และยิ่งได้ลงมือทำด้วยแล้วก็จะได้ความรู้ที่ลึกซึ้งกว่าในสองประการแรก และถ้าได้ทั้งฟังได้ยินและได้ลงมือทำด้วยก็ยิ่งได้ความรู้ลึกที่ฝังแน่นขึ้นไปอีก

ไอน์สไตน์เคยพูดว่าประสบการณ์คือความรู้ที่แท้จริง (Experience is real knowledge)

ประสบการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเป็นบทเรียนที่สอนเราในเรื่องต่างๆ  เป็นสิ่งที่ไม่สามารถซื้อหรือหยิบยืมจากคนอื่นได้  จึงถือว่าประสบการณ์เป็นสิ่งที่มีค่ายิ่ง

        ช่วงวัยที่เปลี่ยนไปทำให้ข้าพเจ้าเรียนรู้สิ่งต่างๆ ในมุมมองที่ต่างออกไป  และมุมมองที่ต่างออกไป ทำให้การดำเนินชีวิตของข้าพเจ้าเปลี่ยนไป

        ช่วงมัธยมตอนปลาย  ข้าพเจ้าได้เข้าร่วมกิจกรรมหลายอย่าง  แต่สิ่งที่เป็นประสบการณ์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของข้าพเจ้า นั่นคือ  กิจกรรมกีฬาสีของโรงเรียน  ซึ่งข้าพเจ้าได้รับหน้าที่หลายอย่าง ทั้งเป็นสต๊าฟคณะสี  พี่เลี้ยงน้องที่ขึ้นสแตนด์เชียร์  และถือป้ายคณะสี

        การทำงานที่แตกต่างกันดังที่กล่าวข้างต้นนั้น  ทำให้ข้าพเจ้าได้พบเจอกับกลุ่มคนที่รับผิดชอบงานหลากหลาย  ข้าพเจ้าจำเป็นต้องรักษาความตรงต่อเวลา  เพื่อให้งานทุกอย่างเสร็จลุล่วงไปได้  จากที่ข้าพเจ้าเป็นคนเชื่องช้า  ไม่คล่องแคล่ว  ข้าพเจ้าก็ต้องเปลี่ยนเป็นคนที่กระฉับกระเฉง  และรับผิดชอบต่อเวลานัด  เพื่อไม่ให้คนที่ทำงานร่วมกับข้าพเจ้าต้องเสียเวลารอ  การทำงานกับคนกลุ่มใหญ่  ก็มีบ้างที่จะมีความคิดเห็นที่ขัดแย้งกัน  ซึ่งข้าพเจ้าจำเป็นที่จะต้องรับฟังความคิดเห็นของทุกคน  แต่เมื่อจะสรุปงานก็จะต้องลงคะแนนเลือกความคิดเห็นที่มีคนเห็นด้วยมากที่สุด  จากที่แต่ก่อนข้าพเจ้าเป็นคนไม่กล้าแสดงความคิดเห็น  ข้าพเจ้าก็ได้แสดงความคิดเห็นเพื่อเป็นประโยชน์ต่องาน  ในการทำงานเมื่อเจอกับอุปสรรค  เป็นธรรมดาที่จะเกิดความย่อท้อ  ข้าพเจ้าเรียนรู้ที่จะให้กำลังใจเพื่อนร่วมงาน  และใช้สติในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน  รับผิดชอบต่อความผิดพลาดร่วมกัน  ทำให้เกิดความรักและผูกพันในหมู่คณะ  และที่สำคัญคือทำให้เกิดความสามัคคี  ซึ่งจำเป็นมากในการทำงานเป็นทีม 

        ที่กล่าวมาข้างต้นคือเบื้องหลังในการทำงาน  ส่วนเบื้องหน้านั้น  ข้าพเจ้ารับหน้าที่ถือป้ายคณะสี  ซึ่งทำให้ข้าพเจ้ามีความกล้าแสดงออกมากขึ้น  จากที่แต่ก่อนข้าพเจ้าเป็นคนขี้อาย

        ประสบการณ์ดังกล่าวได้สอนข้าพเจ้าหลายอย่าง ให้มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เมื่อเราทำงานร่วมกับผู้อื่นหรืออยู่ร่วมกับผู้อื่น เราต้องมีทั้งความรับผิดชอบ อดทน  ความตรงต่อเวลา การช่วยเหลือกัน ความสามัคคี และการรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ซึ่งตรงจุดนี้เองทำให้ข้าพเจ้าจะสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตการเรียนแพทย์ได้

ภาคผนวก

ภาพกิจกรรม

วันที่บันทึก  15 สิงหาคม 2552

วันที่แก้ไข  16 สิงหาคม 2552

           

 

 

 

คำสำคัญ (Tags): #learning process
หมายเลขบันทึก: 287482เขียนเมื่อ 15 สิงหาคม 2009 11:31 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:18 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

"ประสบการณ์คือความรู้ที่แท้จริง"

การได้สัมผัสด้วยตนเองนั้นถือว่าเปนสิ่งที่ดีที่สุด

^^

ตั้งจัยเรียนๆ สู้ๆ

มันเป็นประสบการณ์ชีวิตอย่างหนึ่งแหล่ะ

ไงก็เรียนรู้ไว้ม่ายเสียหายค่ะ

บะบาย

ฝานดีค่ะ

ณัฐกิตติ์ อรุณประเสริฐกุล

ว๊าวววว

ประสบการณ์ที่ไม่ควรลืม

เป็นอะไรที่หนักมากมาย ต้องรับผิดชอบงาน

หลายอย่างง แต่ก็ผ่านไปด้วยดี

รูปสวยยนๆเนี่ยย ^^

เป็นประสบการณ์ที่ดีจังเลย วันหลังเอารูปมาให้ดูเยอะๆกว่านี้หน่อยสิ

รับผิดชอบงานเยอะขนาดนั้นคงเหนื่อยน่าดูเลย

เป็นประสบการณ์ ที่เราจะไม่ลืมเลยย

อีกอย่างกีฬาสีทำให้เราได้ประสบการณ์ต่างๆมากมาย

อืม..

ประสบการณ์สอนเรา..

ทั้งดีและร้ายยยย

ไม่มีสอนในหนังสือเล่มไหน

ต้องเรียนรู้เอง

ที่มหาลัยชีวิต:)

ดูรูปแล้วคิดถึงตอนนั้นเลยอ่า

เป็นความทรงจำที่ดีนะว่าไหม??

ได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่าง

คุ้มค่ากับเวลาของการเรียนที่ต้องแบ่งไป ^^

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท