จริงอยู่ว่า มันก็มีการพัฒนาไปมากพอสมควร(สมน้ำหน้า?)แล้ว แต่ถ้าจะเทียบกันระยะเวลาแล้ว ถือได้ว่า น่าผิดหวังอย่างสิ้นเชิง!!! แม้ว่ามันอาจต้องใช้เวลาบ้างสำหรับเรื่องบางเรื่อง มันก็คงใช่ แต่นี่อะไร เจ็ดสิบกว่าปีแล้ว ยังวนเวียนอยู่ที่เดิม ยึดอำนาจ-เลือกตั้ง เลือกตั้ง-ยึดอำนาจ เป็นไปได้ยังไง ก็ไอ้สิ่งที่เรียกกันว่าประชาธิปไตยอยู่ทุกวันนี้น่ะ มันยังใช้การได้!!! มันยังใช้พัฒนาประเทศไม่ได้ มันเป็นได้แค่อัตตาธิปไตยสามานย์ ที่เพียงแค่ไม่พอใจอะไรก็ออกมาตะโกนกันโหวกเหวกโวยวายกันเต็มถนนไปหมด นี่มันยังใช้ไม่ได้!!!
แค่ฉลากแปะว่าประชาธิปไตย คนก็ยอมตายเพื่อมันแล้วครับ
บัณฑิตท่านหนึ่ง กล่าวไว้ว่า
เมื่อ อปริหานิยธรรม ได้หมดไปจากสังคมไทย
อปริหานิยธรรม ที่หมายถึง ธรรมที่ไม่ทำให้เสื่อม ๗ ประการ
ได้หมดไปจากสังคมไทย..
(อุปมาอุปมัยว่า เมืองไทยตอนนี้ วัสสการพรามหณ์ มีมากเกินไป
ไม่ใช่คนเดียวอย่างกรณีการล่มสลายของแคว้นวัชชี
และวัสสการพรหมณ์เหล่านีี้ก็แผ่อำนาจเป็นก๊กเหล่าชัดเจน เป็นขั้ว)
..คำตอบก็คือ เสื่อม วิกฤต หายนะ ล่มสลาย
ไม่มีใครจะฝืนเหตุปัจจัยเหล่านี้ได้
คนในสังคมไทยในยุคต่อไป จะแบ่งกลุ่มกันชัดเจน ตามสื่อเฉพาะกิจที่ตนเองเลือกเสพจนเสพติดเป็นหลัก แม้ในครอบครัวเดียวกันก็คิดต่างกันสุดขั้วได้ เพราะเสพสื่อที่ตนเองชอบทุกวันๆๆ ความหยั่งลึกในทิฏฐิ จนยึดมั่นถือมั่น ก็มีมากขึ้นๆ ลึกขึ้นๆ เป็นระเบิดเวลา ที่รอวันระเบิดครั้งใหญ่และหลายจุด
กรรมปัจจุบันของคนหมู่ใหญ่ที่มีโทสะเป็นเรือนมีแนวโน้มจะก่อเหตุให้เป็นกรรมอกตัญญูเนรคุณต่อสถาบันชาติ-กษัตริย์ให้ล้มลงไป ก็จะไปเพิ่มบาปมวลรวมประชาชาติที่มากอยู่แล้วให้มากไปอีก ก็คงได้รับผลกระทบจากบาปกรรมนี้กันถ้วนหน้าต่อไป
"การเมืองไทยไม่ใช่เหตุปัจจัยของความเจริญ แต่เป็นเหตุปัจจัยของความเสื่อม รับฟังติดตามได้ แต่อย่าไปอิน อย่าไปคาดหวัง อย่าไปหลงเลือกข้าง ตัดใจให้ขาดไปเลย ตัดไปเลย เพราะมันจะอดมีอารมณ์ร่วมไม่ได้ ความน้อยใจ อึดอัดใจ เคียดแค้นชิงชังมันจะแฝงตัวแอบอาศัยในจิตใจได้ ตัดใจให้ขาดไปเลยนะ"