1. ความเป็นมาและวัตถุประสงค์ของกิจกรรม
จากความพยายามในการแก้ไขปัญหาคนไร้รัฐไร้สัญชาติ ซึ่งเกิดขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือ ที่อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ “กิจกรรมห้องเรียนในการจัดการปัญหาสิทธิในสถานะบุคคลของคนไร้รัฐไร้สัญชาติ” ซึ่งเป็นการสร้างห้องเรียนสำหรับเจ้าของปัญหา โดยใช้ “หลักสูตรในการจัดการปัญหาสิทธิในสถานะบุคคลของคนไร้รัฐไร้สัญชาติ” ที่มีนำการจัดการปัญหาตามกฎหมายนโยบายที่เกี่ยวข้องในปัจจุบัน เพื่อกำหนดวิธีการแก้ไขปัญหาของนักเรียนแต่ละกลุ่ม มาเป็นเครื่องมือในการอบรมเจ้าของปัญหาดังกล่าว คณะทำงานฯ ได้เห็นว่าเป็นความพยายามที่มีประสิทธิภาพและน่าจะสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ในพื้นที่อันดามัน
ดังนั้น คณะทำงานซึ่งเป็นหนึ่งในทีมงานในการจัดห้องเรียนแม่อายฯ นั้น จึงเสนอให้มีการทดลองนำวิธีการในการจัดการปัญหาดังกล่าวมาใช้ในพื้นที่อันดามัน เพื่อเป็นการถ่ายทอดและปรับใช้องค์ความรู้ในการจัดการปัญหาสิทธิในสถานะบุคคลของคนไร้รัฐไร้สัญชาติ ซึ่งมีการสร้างองค์ความรู้ (หลักสูตร) ที่เป็นต้นแบบซึ่งใช้ในพื้นที่ภาคเหนือ (แม่อาย) มาปรับใช้ในพื้นที่ภาคใต้ (อันดามัน) คณะทำงานจึงได้ดำเนินกิจกรรม 2 ประการ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว คือ
1) “การอบรมเชิงปฏิบัติการ: การจำแนกบุคคลที่มีปัญหาสิทธิในสถานะบุคคล”[1] ให้แก่คนทำงานในพื้นที่ปัญหา เพื่อให้เป็นความรู้เบื้องต้นในการจัดประเภทบุคคลที่มีปัญหาเหล่านี้ได้ ก่อนนำไปสู่การแก้ไขปัญหาตามหลักสูตรฯ ต่อไป และ
2) “การติดตามความคืบหน้ากรณีศึกษาตัวอย่างจากโครงการวิจัยเพื่อสำรวจสถานการณ์และศึกษาความเป็นไปได้ในการขจัดปัญหาการจดทะเบียนการเกิดและปัญหาสถานะบุคคลตามกฎหมายของประชาชนในพื้นที่ประสบภัยสึนามิ[2]” เพื่อเป็นการนำองค์ความรู้ในการจัดการปัญหาสิทธิในสถานะบุคคลของคนไร้รัฐไร้สัญชาติ ซึ่งใช้ในพื้นที่ภาคเหนือ (แม่อาย) มาปรับใช้กับกรณีศึกษาตัวอย่างดังกล่าวต่อไป
[1] การอบรมเชิงปฏิบัติการ: การจำแนกบุคคลที่มีปัญหาสิทธิในสถานะบุคคล เป็นกิจกรรมหนึ่งในวัตถุประสงค์ของโครงการใหญ่ แต่จะถูกจัดขึ้นก่อนในวันที่ 13 – 14 ตุลาคม พ.ศ.2551 โดยมีงบประมาณในการดำเนินงานแยกต่างหากจากโครงการใหญ่
[2] โดยการดำเนินงานของนักวิจัย 2 ท่าน คือ 1) นางสาวสรินยา กิจประยูร 2) นายชุติ งามอุรุเลิศ และ ผู้ช่วยนักวิจัย 2 ท่าน คือ 1) นางสาวรุจิราพร โชคพิพัฒน์พร และ 2) นางสาวบงกช นภาอัมพร ภายใต้การกำกับดูแลโดย มูลนิธิพัฒนาการคุ้มครองเด็ก (FACE) และสนับสนุนการวิจัยโดย องค์การแพลน ประเทศไทย (PLAN)
ไม่มีความเห็น