ส่งท้ายงาน " ตลาดนัด....จานสุขภาพ " กับวันนี้ที่แข็งแรง


เราจะต้องเชื่อมั่นในคนที่แนะนำก่อน และจะต้องมั่นใจ ตั้งใจทำให้ได้สำเร็จสักครั้ง แล้วมันจะเป็นฐานกำลังใจให้คุณสำเร็จได้มากยิ่งขึ้น

จบงานกิจกรรมของชมรมเพิ่มความรู้ สู้เบาหวานตอน "ตลาดนัด จานสุขภาพ" ไปได้แค่ ๓ อาทิตย์ เพิ่งจะมาเก็บเศษกระดาษข้อมูลต่างๆ ที่ตนเองบันทึกเป็นระยะๆ ระหว่างการดำเนินการ ก็พอดีเห็นว่ามีอะไรดีๆ ที่อยากจะนำมาเล่าปิดท้ายให้ทราบค่ะ

ในกิจกรรมครั้งนี้มีส่วนที่ดิฉันชื่นชอบมากตามที่เล่าไปครั้งก่อนว่า เราได้วิทยากรรับเชิญระดับรากหญ้า คือ คุณสมศักดิ์ พงศ์พิโรดม และคุณเชาวนิต โลพันธ์ศรีีี ผู้เป็นเบาหวานที่มีความตั้งใจ อดทน พากเพียรทำสิ่งที่ดีให้แก่สุขภาพ จนสามารถมีพฤติกรรมการทานอาหาร และออกกำลังกายอย่างถูกสุขลักษณะ และทำให้สุขภาพในวันนี้ดีขึ้น เราจึงเชิญมาเป็นวิทยากรเพื่อเล่าสู่กันแก่สมาชิก ซึ่งวิธีการนี้ถือว่าเป็นกระบวนการที่ดี และอาจเรียกได้ว่าเป็น กระบวนการมิตรภาพบำบัด แบบคนที่เป็นโรคเดียวกัน มาชุมนุมอยู่ในชมรมเดียวกัน มาปรับทุกข์ให้กันและกัน และมาศึกษาเรียนรู้จากผู้ที่ผ่านการฝึกฝนจนสำเร็จ แล้วอาจจะนำไปปฏิบัติตามได้ในบางเรื่องที่ทำได้ก่อน

ภายในงานเพื่อนสมาชิกได้ถามคำถามกับท่านวิทยากรรากหญ้าของเรามากมายดังนี้ค่ะ

๑. ผลไม้เขียวทั้งสุกและดิบ กับ คุกกี้ อย่างไหนหวานกว่ากัน

คำตอบ ทั้ง ๒ ท่านตอบเหมือนกันคือ ผลไม้ดีกว่า เพราะมีใยอาหาร ช่วยปัดกวาดเช็ดถูให้ระบบย่อยอาหาร แถมยังมีพลังงานต่ำกว่าคุกกี้ที่มีทั้งนม แป้ง และน้ำตาล

๒. ผู้เป็นเบาหวานใช้น้ำตาลเทียมผสมเครื่องดื่มวันละ ๒ แก้วจะไหวไหม

คำตอบ ทั้ง ๒ ท่านเหมือนกัน คือ ได้

ดิฉันแนะนำเพิ่มค่ะว่าน้ำตาลเทียมทานได้ ๕๐ มก./ ๑ กก. น้ำหนักตัว ปกติ ๑ ซอง จะมีส่วนของน้ำตาลเทียมอย่างแอสปาแทมอยู่ ๓๘ มก. เพราะฉะนั้นถ้ามีน้ำหนักตัวอยู่ที่ ๕๐ กก. จะทานน้ำตามเทียมได้ ๕๐x๕๐= ๒๕๐๐ มก. หรือเท่ากับ ๖๗.๕ ซอง/วัน คงทานไม่ถึงหรอกค่ะ ไม่ต้องกังวล

๓. ทำไมผู้เป็นเบาหวานผิวหนังเท้าจึงมักคัน เวลาเกาเป็นแผล

คำตอบ คุณสมศักดิ์ บอกว่า แสดงว่าเราดูแลไม่ดี เพราะเมื่อก่อนก็เคยเป็นเหมือนกัน แต่เมื่อดูแล BS ดี ก็ไม่มีอาการเลย

คุณเชาวนิต บอกว่าถ้าลด BS ก็จะไม่คัน

๔. ให้ช่วยแนะนำผลไม้ที่ควรจะทานหน่อย

คำตอบ ทั้ง ๒ ท่านพูดเหมือนกัน คือ ให้ทานผลไม้ให้หลากหลาย (ยกเว้นทุเรียน) และระวังผลไม้ที่จิ้มน้ำตาลพริก หรือ น้ำตาลทรายด้วย ปกติร่างกายเราจะมีประสิทธิภาพมาก ถ้าทานหลากหลายมันสามารถขจัดส่วนเกินที่ผิดปกติเล็กน้อยออกไปได้ ถ้าทานจำเจจะเพิ่มความยุ่งยากทำให้มีการตกค้างของสารอาหาร

๕. มีงานประชุมบ่อย ถ้าต้องทานดึก จะต้องเลือกทานอาหารอย่างไร

คำตอบ คุณสมศักดิ์ (เลิกทำงานดึกเสมอๆ) ทานปริมาณพอหายหิว จะงดแป้ง และน้ำตาล แต่เพิ่มผักมากขึ้น

คุณเชาวนิต (เลิกทำงานตรงเวลา) ทานตรงเวลาจะดี หากไม่ตรงจะทำให้เป็นโรคกระเพาะ รักษายากกว่า

๖. ไปงานเลี้ยง ควรเลือกอาหารอย่างไร

คำตอบ คุณสมศักดิ์ มักไม่มีปัญหาเรื่องงานเลี้ยง แต่มีปัญหาเรื่องประชุมนานไม่เสร็จ ไม่กินทำงาน จนโหย ส่วนใหญ่ภรรยาจะเป็นคนดูแลให้ ส่วนใหญ่ทานพออิ่ม เพิ่มผัก แป้งและน้ำตาลน้อยหน่อย

คุณเชาวนิต ส่วนใหญ่ไขมัน และน้ำตาลจะทานคำเดียว หรือนั่งมอง ถ้าเป็นปลาทานมากหน่อย บางทีทานแต่ผักดอง

๗. มีวิธีการควบคุมพฤติกรรมอย่างไรที่จะทำให้ไม่ตามใจตนเอง

คำตอบ คุณสมศักดิ์ ให้คนรอบข้างช่วยดูแล รวมทั้งครอบครัวด้วยอีกแรง นอกนั้นตนเองจะปรับเอง

คุณเชาวนิต การหางานอดิเรกทำเป็นการเพิ่มกิจกรรมให้มากขึ้นกว่าการกิน

ตอนท้ายคุณสมศักดิ์ผากข้อคิดที่ดีให้อีกว่า "เราจะต้องเชื่อมั่นในคนที่แนะนำก่อน และจะต้องมั่นใจ ตั้งใจทำให้ได้สำเร็จสักครั้ง แล้วมันจะเป็นฐานกำลังใจให้คุณสำเร็จได้มากยิ่งขึ้น" ซึ่งดิฉันขอสนับสนุนด้วยว่า "ผู้เป็นเบาหวานทุกท่านมีสิทธิในชีวิตตนเองที่จะเลือกคนหรือสถานบริการที่ตนเองเชื่อใจว่าจะดูแลและช่วยแก้ไขปัญหาให้เราได้ และมีสิทธิที่จะรับรู้ผลกระทบต่อชีวิตตนเองที่จะเกิด แต่ผู้เป็นเบาหวานทุกท่านก็ยังต้องมีหน้าที่ของตนเองในการดูแลรักษาสุขภาพให้ดีที่สุดหลังจากได้รับคำแนะนำแล้ว

ไม่ควรคิดว่าจะเอาโรคที่คุณเปนมาฝากให้ทางโรงพยาบาลดูแลแบบหายไป ๒-๓ เดือน แล้วนัดมาดูแค่ ๑๕-๒๐ นาที มันไม่เกิดผลดีแน่ ถ้าเราใช้สิทธิและหน้าที่ซึ่งต้องมาด้วยกัน ความสุขจึงจะเกิดแก่สุขภาพของเราทุกคน

เล่าโดย ยุวดี มหาชัยราชัน

หมายเลขบันทึก: 28698เขียนเมื่อ 16 พฤษภาคม 2006 08:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 14:55 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท