โลก โรคของผู้บริหาร


โลก   โรคของผู้บริหาร

 

                โลกของผู้บริหารจะวนเวียนอยู่กับความเครียด ที่ต้องบริหารทั้ง คน ตน และงาน คือ ค.ต.ง. ที่ไม่ใช่คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน

                เขียนเรื่องเกี่ยวกับโลกของผู้บริหารมาหลายสิบบล็อกแล้ว ก็นึกถึงหัวอกผู้บริหารที่ต้องสะสมความเครียดไว้ไม่น้อย บล็อกนี้เลยเปลี่ยนใจ ไม่เขียน โลก แต่จะเขียนเรื่องโรคของผู้บริหารเพื่อสลับฉากบ้าง

                โรคประเภทแรก คือ โรคทางใจ เป็น โรคบ้างาน (Workaholic) ได้ยินมาว่าศัพท์คำนี้เกิดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่น ผมพยายามหาหลักฐานยังไม่พบครับ (ใครมีข้อมูลช่วยเติมเต็ม หรือทักท้วงด้วย) คำนี้น่าจะเป็นศัพท์ใหม่ ผมสันนิษฐานว่า น่าจะมาจากการเติม suffix เหมือนคำว่า Alcoholic ที่แปลว่า โรคพิษสุราเรื้อรัง คือ ติดเหล้า ส่วน Workaholic คือ ติดงาน, บ้างาน

                พ.ญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบายว่า โรคบ้างานในทางจิตวิทยาเกิดจากพฤติกรรมของคนที่ชอบทำงานเยอะๆ มีความสุขกับการทำงานเยอะๆ และสะท้อนออกมาในรูปแบบของการเสพติดการทำงาน จิตใจและความคิดวนเวียนอยู่กับการทำงานตลอดเวลา และเมื่อไรก็ตามที่ว่างเว้นจากงานก็รู้สึกว่าอยากทำอะไร ยิ่งทำก็จะยิ่งวุ่นอยู่กับเนื้องานมากขึ้นเรื่อยๆ

                นอกจากภาวะจิตใจแล้ว คนเป็น Workaholic เกิดจากสาเหตุอื่นๆ ได้อีก เช่น บางคนก็บ้างานเพื่อหนีจากความทุกข์ ความผิดหวังในชีวิต เกิดความล้มเหลวในชีวิตครอบครัว ซึ่งถ้าเป็นคนบ้างาน เพราะรักงาน ทุ่มเทให้กับงานโดยไม่ทำให้ชีวิตส่วนตัวเสียหาย แบ่งเวลาได้ ก็ทำต่อไปเถอะครับ

                โรคประเภทที่สอง คือ โรคทางกาย น.พ.พิชัย ดิฐสถาพร ได้สรุปโรคของผู้บริหารไว้หลายโรค อาทิ เบาหวาน ความดัน เก๊าส์ ไตวาย อัมพาต ถุงลมโป่งพอง ซึ่งโรคข้างต้นมาจากพฤติกรรมการกิน การออกกำลังกาย และความรับผิดชอบงานในหน้าที่ ส่วนตัวผมเห็นว่าน่าจะมีอีกหลายโรค เช่น โรคกระเพาะ เนื่องจากกินไม่เป็นเวลา ประชุมบ่อย ประชุมนาน ต้องตรวจสุขภาพประจำปี และรีบรักษานะครับ ส่วนโรคใจอ่อน ใจง่าย ใจร้าย ใจดำ ใจละโมบ ไม่เข้าข่ายโรคทางกายครับ แต่ผู้บริหารหลายคนก็เป็นโรคเหล่านี้

                โรคประเภทที่สาม คือ โรคทางจิต น.พ.บุตร ประดิษฐวรดิช เขียนไว้ในหนังสือ เขาปล่อยให้ผู้ป่วยบริหารงานระดับประเทศ ได้พูดถึงความล้มเหลวของผู้นำว่า โรคจิตประสาทอีกโรคหนึ่ง ซึ่งเกิดจากความแปรปรวนของจิต หรือความเสื่อมโทรมของระบบประสาท โรคเหล่านี้มีผลกระทบกระเทือนอารมณ์และกระบวนความคิด ทำให้บุคลิกภาพปรวนแปร ถึงขั้นผิดปกติได้ เรียกว่า โรคบุคลิกภาพปรวนแปร (Personality Disorders) ผู้ป่วยประเภทนี้จะมีความคิดพิกลพิการ เช่น มีการหลงผิดว่าตนเป็นใหญ่ ทำให้แสดงพฤติกรรมเป็นภัยกับสังคม จะแสดงอารมณ์ก้าวร้าว ระราน ผู้เป็นโรคชนิดนี้ อาจลอยนวลอยู่ได้ในที่สาธารณะอย่างผู้มีเกียรติ เพราะไม่มีใครดูออกว่าเขาเป็นบุคคลอันตราย จิตแพทย์เรียกว่า คนวิกลจริตในที่สาธารณะ (The Public Lunatic)

                ท่านพบผู้บริหารที่เป็นโรคชนิดข้างต้นบ้างหรือเปล่าครับ ?

                ส่วนผมแม้เป็นผู้บริหารระดับหางแถว ก็ขอห่างไกลจากทุกโรคครับ โดยเฉพาะโรคประเภทที่สามครับ

หมายเลขบันทึก: 286803เขียนเมื่อ 13 สิงหาคม 2009 13:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 16:50 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

สุขภาพใจที่ดีอยุ่ในสุขภาพกายที่สมบูรณ์

ทั้งสองส่วนล้วนมีความสำคัญ ต่างเกื้อหนุนกันให้ดีและเจริญยิ่งขึ้น

ถ้าส่วนใดตกต่ำล้าหลังก็จะฉุดรั้งอีกส่วนให้พลอยตกต่ำไปด้วย

http://taytechno.multiply.com/photos/album/12/12#1

นายวิรัตน์ เกตุเรือง

กราบเรียน ท่านอาจารย์สมบัติและท่านอาจารย์พรรยุพาที่เคารพอย่างสูง

ครับเนื่องในวันขึ้นปีใหม่และวันครูปีนี้กระผมขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยสิ่งศักดิ์สิทะิ์ทั้งหลาย

หลวงพ่อเพชร หลวงพ่อเงิน จงปกปักรักษาให้อาจารย์ทั้งสองและครอบครัวพร้อมธิดาของท่านจงมีความสุข ความเจริญ สุขภาพแข็งแรง คิดสิ่งใดให้สมปรารถนาทุกประการเป็นอาจารย์สอนลูกศิษย์ไปนานๆ ครับผมเรียน ป.ตรีกับอาจารย์พรรยุพา วิชาปัญหาสังคมครับ ปี 2528 ครับครับ ม.ในครับตอนนั้นอาจารย์ทั้งสองยังหล่อ และดูดีมากทั้งคู่ครับ ตอน 2547 ผมเรียน ป.โทรุ่น 3พิจิตรกับอาจารย์ทั้งสองครับได้ A มาครับ ปัจจุบันผมได้ระดับ 8 ครูน้อย ครับสอบผู้บริหารภาค ก. ได้แล้ว ครับแต่ก็ดูแล้วผมก็ทำงานแทน ผอ.มาตลอด ครับ คั้งแต่ ทำแผนปฏิบัติการ งานประกันคุณภาพ หัวหน้างานวิชาการ โครงการคุณธรรมชั้นนำ โครงการรักการอ่าน โครงการพัฒนาหลักสูตรครับผมว่างานมากจังครับ .

ครับอาจารย์ทั้งสองครับผมอยากเรียน ป. เอกครับ เมื่อวันที่ 10 มกราคม 25536 ผมไปสอบ ป.เอกที่ มน.ครับเอกบริหาร หลักสูตร 2.1 (2550 ) ก็เขียนข้อสอบได้นะครับแต่กลัวตกตรงวิจัยครับ ตอนแรกผมจะตอบวิจัยเชิงทดลองและพัฒนาอยู่แล้วแต่ไม่กล้อทั้งที่เคยวิจัยหลักสูตรสถานศึกษามากับมือแต่ก็ตอบวิจัยเพื่อศึกษา ผลการประเมินของ สมศ.ไปครับ ข้อนี้กลัวได้คะแนนน้อยจังครับ ครับอาจารย์ถ้าได้ตรวจข้อสอบผมช่วยอบ่าหักคะแนนผมมากนะครับ

สุดท้ายนี้ผมขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยจงช่วยดลบรรดาลให้ครอบครัวอาจารย์มีความสุขตลอดไป

ด้วยความเคารพอย่างสูง

วิรัตน์ เกตุเรือง

เรียน ท่านดร.สมบัติ

อาจารย์คะคนประเภทที่สามเจอมามาก แต่เราเป็นผู้น้อยทำไงได้คะ

สวดมนต์ก่อนทุกคืนได้แต่แผ่เมตตาแล้วก็ภาวนาว่า ชาติหน้าฉันใด

อย่าได้เจอกันอีกเลย สาธุ!

ขออย่าได้เจอะเจอโรคพวกนี้เลยนะคะ น่ากลัวๆ ^^

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท