อิ่มเอมหัวใจ เมื่อได้พบเพื่อนร่วมทางในการเติบโตภายในเป็นหัวข้อที่อยากตั้งจากความรู้สึกภายใน
ความรู้สึกอิ่มเอมหัวใจเกิดขึ้นระหว่างทางที่ขับรถกลับบ้านตอนสี่ทุ่ม และใคร่ครวญเหตุการณ์ที่ผ่านตั้งแต่ตอนเย็น และอยากเล่าในบันทึกนี้ เมื่ออาจารย์เทิดศักดิ์และอาจารย์ศิริเกษมชวนไปพบ อาจารย์วิศิษฐ์ วังวิญญูที่ร้านกาแฟ ในวันนี้ ในใจอยากไป อยากพบตัวจริง เสียงจริง นัดกันไว้ห้าโมงเย็นแต่พอใกล้ห้าโมงเกิดอาการสับสน เพราะงานยังไม่เสร็จเริ่มจะเปลี่ยนใจไม่ไป ดีกว่า และเสียงโทรศัพท์จากอาจารย์ ศิริเกษม โทรมาถามไปหรือเปล่า ถ้าไปลงมาเลย ก็ตอบไปค่ะเดี่ยวตามไป ตอนนั้นต้องวางงานลง เป็นการ ฝึกปล่อยวางเรื่องงานไปในตัว บอกตัวเองแล้วค่อยมาดูต่อพรุ่งนี้ เดินกลับตอนห้าโมงเย็นน้องๆตกใจกลับบ้านเร็วฝนตกแน่ ตกจริงๆค่ะหน้าฝนพอดี บอกน้องๆไม่ได้กลับหรอก จะไปพบอาจารย์วิศิษฐ์ วังวิญญู
พอถึงที่นัดหมายตื่นเต้นเล็กน้อยเพราะไม่เคยพบอาจารย์มาก่อน คนอื่นๆในวงล้วนเป็นลูกศิษย์อาจารย์หรือไม่ก็รู้จักกันมาแล้ว วันนี้กัลยาณมิตรที่ได้พบ ชาวเทศบาล อ.สุธี พี่หนิง พี่อิ่ม ชาวรพ.พุทธ อ.สาโรจน์ พี่โต้ง พี่เอ และอีกหนึ่งท่าน ชาวสปสช. พี่อี๊ด และอีกหนึ่งท่าน ชาวคณะแพทย์มน. คณบดี อาจารย์เทิดศักดิ์ อาจารย์ศิริเกษม และผู้เขียน น้องส้มทีมกระบวนกร อาจารย์เปิดวงด้วยให้ทุกคน check in จากความรู้สึกข้างใน ของผู้เขียน การเพิ่มค่าตอบแทนให้คนกลุ่มหนึ่งเพื่อเพิ่มความพึ่งพอใจ แต่คนอีกกลุ่มก็ไม่พอใจ จะเพิ่มให้ทั้งหมดก็ไม่มีเงิน อัตราการลาออกของพยาบาลสูง คำถามที่ผู้เขียนค้นหาคำตอบจุดพอดีในการสร้างสมดุลอยู่ตรงไหน แลกเปลี่ยนกันไปในวงเป็นการแชร์ประสบการณ์การตรง ได้เห็นความไม่สมดุลของปัญหาที่ไม่ได้ถูกแก้ทั้งระบบแต่ถูกแก้เป็นจุดๆไปเช่นผอ.รพ.ชุมชนเงินเดือนแสนสี่ ผอ.รพ.ศูนย์เงินเดือนเก้าหมื่นเป็นต้น ชาวบ้านที่มีหนี้ก็ทุกข์ไปอีกแบบ ล้วนแล้วทุกข์ต่างกัน อาจารย์แนะทางวัตถุต้องให้ในระดับหนึ่ง และสิ่งที่ต้องสร้างควบคู่กันไป นั่นคือบรรยากาศในที่ทำงาน พื้นที่ในการพูด พื้นที่ปลอดภัย ผู้บริหารต้องอย่าแย่งพื้นที่ ถ้าเรายึดพื้นที่แล้ว เรื่องของเราจะอยู่ตรงกลาง เราจะไม่ได้ยินเสียงคนอื่น สิ่งเหล่านี้ล้วนต้องฝึกฝน ฝึกตนเองไม่ให้แย่งพื้นที่ว่าง และการฝึกฝนการควบคุมคนอยู่ในกลุ่มไม่ให้แย่งพื้นที่คนอื่นยิ่งยากไปอีก ทุกอย่างเป็นศาสตร์และศิลป์ ขณะเราฟังคนหนึ่งพูดเราต้องฝึกสังเกตคนอื่นๆในวงด้วยว่ามีความรู้สึกเบื่อ หลุดออกไปนอกวงหรือเปล่า ถูกแย่งพื้นที่หรือไม่
อาจารย์แนะนำให้เข้าใจให้ถึงหัวใจมิใช่กระพลี้ เราต้องชุบตัวด้วยการฝึกฝนบ่อยๆ ต้องฝึก zoom in และ zoom out ฟังหลายๆท่านก็พบว่าหลายท่านได้เห็นตัวเองเปลี่ยนไป มีความสุขมากขึ้น มีรอยยิ้ม มิตรภาพและกัลยาณมิตรต่อกัน
อาจารย์ได้ให้พวกเรา check out เป็นทางการ ตอนสองทุ่มครึ่ง แล้วใครจะคุยต่อค่อยคุย ผู้เขียน check out บอกว่ารู้สึกดีใจที่ตัดสินใจมาในวันนี้ ที่ตอนแรกสับสนเพราะงานไม่เสร็จ ดีใจที่ได้พบอาจารย์ที่อยากเจอตัวจริงและได้พบกัลยาณมิตรทุกคนในที่นี้ สุดท้ายปิดวงกันอีกสิบนาทีสี่ทุ่ม และถ่ายรูปร่วมกัน พี่ๆก็รอรับพลังจากอาจารย์ ผู้เขียนก็รอเช่นกันทำเป็นเนียนขอเป็นลูกศิษย์ด้วยคน อาจารย์ถามว่าคนใหม่กอดได้ไหม ตอบอาจารย์ว่าได้ค่ะ ก็ได้รับการโอบกอดอันมีพลังแห่งความเมตตาจากอาจารย์ ที่วงจิตตปัญญาชอบพูดว่า รับรู้ได้ถึงพลังที่เชื่อมโยงกัน พลังของกลุ่มสามารถสื่อกันได้ ผู้เขียนก็รู้สึกได้เช่นนั้น
นี่เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวที่เกิดขึ้น และได้ทราบว่าที่พิษณุโลกมีวงเรียกว่าวงส้มตำ สิ่งที่ได้ในวงมีอีกหลายประเด็นที่ต่อยอดการเรียนรู้ในเส้นทางการเติบโตภายใน จึงทำให้รู้สึกอิ่มเอมหัวใจ
บันทึกนี้ลงช้าหน่อยต้องรอเช้าก่อน และไปถึงที่ทำงานก่อน เพราะบ้านผู้เขียนอยู่ในหมู่บ้านที่ติดท้องนา internet เข้าได้บ้างเข้าไม่ได้บ้าง ความอิ่มเอมหัวใจ ที่อยากจะเล่าเกิดตัดขัด โทรไปที่ศูนย์ตอนตีหนึ่งสอบถามปัญหา เค้าบอกเดี๋วยให้ช่างโทรกลับ ตอนแรกก็รอแบบมีความหวัง และถามตัวเองจะรอทำไม วูบแรกอยากหงุดหงิดจะโทรกลับไปอีกทีทำไมช้าจัง แต่ก็เท่าทันอารมณ์ จะต้องรู้สึกไปทำไม ถอยกลับมามองตัวเองกับเหตุการณ์ที่มันไม่เที่ยงเกิดแล้วดับ หมุนไปเรื่อยๆ ได้เห็นตัวเองได้เติบโตภายในอีกนิด และเข้าใจที่วงจิตตปัญญาให้บันทึกการเติบโตภายใน บันทึกได้ทุกวันก็ดี ถ้าไม่ได้สัปดาห์ละครั้งก็ ยังดี
บันทึกนี้ถือว่าเป็นบันทึกแรกของการเรียนรู้เติบโตภายในที่ผ่านทางblog บันทึกต่อๆไปจะพยายามเล่าเรื่องจิตตปัญญา ให้ผู้อ่านทุกท่านได้เรียนรู้ร่วมกัน
สวัสดี ครับ
เป็นบันทึกแรก ที่เขียนได้น่าอ่าน และชวนติดตาม เป็นอย่างยิ่ง ครับ
มาส่งเสียงเชียร์ ครับ
สวัสดีค่ะ คุณแสงแห่งความดี
ขอบคุณนะคะที่แวะเข้ามาอ่านและส่งเสียงเข้ามาเชียร์
อิ่มเอมใจเมื่อได้สัมผัสกับเรื่องเล่าดีๆนี้หลังภาวนาเมื่อเช้า
มาส่งเสียงเชียร์ค่ะ
ขอบคุณค่ะพี่หมวย
เราร่วมเดินทางเติบโตภายในไปพร้อมกันนะคะ
สวัสดีค่ะ
เมื่อก่อนคุยกับพี่ฐาแล้วปวดหัว เดี๋ยวนี้คุยแล้วสบายใจ ยิ่งได้อ่านบันทึก ยิ่งสบายใจ
สวัสดีค่ะ พี่คิม
ยินดีค่ะที่ทำให้พี่คิม อิ่มใจและมีความสุขไปด้วย
เกด
ขอบคุณมากค่ะที่ช่วยสะท้อน