หลังจากที่เขียนบันทึกเรื่องความประทับใจที่ได้ไปใช้บริการที่สนามบินสุวรรณภูมิไปแล้วตอนบ่าย พอตอนเย็นกลับมาบ้านได้ยินข่าวเครื่องบินของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ได้รับอุบัติเหตุจากการพุ่งชนหอบังคับการบินเก่าที่สมุย ซึ่งคาดว่าน่าจะมีสาเหตุจากอากาศไม่ดี ฝนตกหนัก ลมแปรปรวน จากการพุ่งชน นักบินที่ 1 เสียชีวิต นักบินที่สองได้รับบาดเจ็บ ผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติได้รับบาดเจ็บ
ไม่ว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นมาจากสาเหตุใดก็ตาม ขอแสดงความเสียใจแก่ครอบครัวและญาติมิตรผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วยโดยเฉพาะนักบิน
อุบัติเหตุที่เกิดจากการบินเกิดขึ้นน้อยที่สุดในจำนวนการเดินทางสามอย่าง แต่เมื่อเกิดแล้วมักจะได้รับความเสียหายมากทั้งร่างกายและจิตใจ และเชื่อว่าไม่มีใครอยากให้เิกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ถ้าสิ่งที่เกิดขึ้นสามารถควบคุมได้ทางสายการบินมีระบบตรวจสอบเพื่อป้องกันอยู่แล้ว แต่เหตุการณ์ทางธรรมชาติแบบนี้ แม้ว่ากัปตันทำดีที่สุดแล้วบางทีอาจสุดวิสัย
ความที่การบินขึ้นกับดินฟ้าอากาศ (ในความรู้สึกของผู้ใช้บริการ) วันไหนฟ้าแจ่มใส แดดออกเราอุ่นใจว่าการเดินทางของเราน่าจะราบรื่น เมื่อคิดเช่นนี้แล้วเลาเดินทางเราก็ไม่เครียด มีความสุข เหมือนได้เดินทางไปเที่ยวไปพักผ่อนจริงๆ แต่ถ้าวันไหนที่ฝนตกพรำๆ เราก็ใจไม่ดี ถึงแม้รู้ว่านักบินต้องทำดีที่สุดอยู่แล้ว ถึงอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เรายอมรับในจุดนี้ แต่เมื่อทุกครั้งที่เครื่องสั่น เราก็ใจสั่นไปด้วย ถ้าสั่นถ้าเพราะมีฝนตกข้างนอก เราก็คิดว่าอีกไม่นานเราก็จะบินผ่านไปด้วยความเร็ว 500 กิโลเมตร/ชั่วโมง เราน่าจะออกจากบริเวณนี้ได้่ก่อนจะเกิดอะไรขึ้นแต่ถ้าไม่เห็นฝนเราก็ใจเสียเหมือนกันเพราะไม่รู้ว่าสั่นเพราะอะไร ใจก็คอยแต่จะคิดว่าชิ้นส่วนอุปกรณ์ของเครื่องอยู่ครบหรือเปล่า!!!!!
แต่เรื่องอากาศแล้วการบินจะราบรื่น อันนี้ก็ไม่แน่เสมอไป เพราะเคยนั่งของญี่ปุ่นจากโอกินาวาไปที่ฟูกูโอกะ อากาศข้างนอกแดดแจ๋ ไม่มีเมฆฝน เแต่เครื่องสั่นตลอด แล้วเหมือนเครื่องลากๆ ยังงัยไม่รู้ เหมือนวิ่งไม่เต็มเกียร์ บินไม่สูงมาก ยังสงสัยว่าเขาใช้คนบังคับเครื่องหรือเปล่านี่หรือมันบินด้วยอะไร พอถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพก็โล่งอก แต่ยังสงสัยมาจนถึงทุกวันนี้แหละว่ามันเกิดอะไรขึ้น
แต่ถ้าเป็นเรื่องตกหลุมอากาศ อันนี้ยังไม่เคยตกหลุมแบบจังๆ เหมือนกับข่าวเมื่อเช้านี้ที่สายการบินของอเมริกาตกหลุมอากาศแรงมากจนหัวชนเพดาน ที่เคยเจอมาแบบเบาะ ๆ น้ำม่าม่ากระฉอกขึ้น คนในเครื่องก็เริ่มจับมือกัน บางคนก็เริ่มสวดมนต์ตามศาสนาที่ตัวเองนับถือ แอร์ไปเรียกคนออกจากห้องน้ำ อันนี้เป็นเหตุการณ์ที่นั่งจากเมืองไทยไปแคนาดา แล้วเป็นครั้งแรกที่นั่งไกลขนาดนี้ เลยรู้สึกกลัวการบินไปเลย เพราะความรู้สึกกลัวและในภาวะที่เราต้องเกร็งเหมือนถูกกรอฟันมันอยู่กับกับเราตลอดเวลา แต่กรอฟันยังรู้ว่าเดี๋ยวคุณหมอจะเสร็จ แต่เครื่องสั่น เราไม่รู้ว่าอีกนานไหมจะหยุดสั่น เราจะรอดจากเหตุการณ์นี้ไหม หรืออะไรจะเิกิดขึ้น ความคิดแบบนี้วนเวียนอยู่ในหัวตลอด เลยไม่มีความสุกกับการนัั่่่่งเครื่องเท่าไหร่
แล้วเรื่องประสบการณ์การเป็นผู้โดยสารแต่ละคนจะต่างกัน กลัวกันคนละแบบ อย่างเช่นตัวเองจะกลัวการลงจอด เพราะคิดน่าจะอันตรายมากกว่าการขึ้น แต่น้องอีกคนกลัวตอนขึ้นเพราะได้รับข้อมูลว่าอันตรายกว่า พอมาคุยกันทั้งสองคนก็เลยกลัวทั้งขึ้นทั้งลง เป็นงั้นไป
เรื่องราวของารบินที่ออกตามสื่อก็มีมาก บางเรื่องบอกว่าถ้าจะนั่งให้ปลอดภัย ให้นั่งแถวที่ 7 จากประตู ปลอดภัยมากกว่าที่อื่นหน่อย
ไม่เหมือนกับลูกชายที่ไม่รู้อะไรเลย รู้แต่ว่าได้นั่งเครื่องสนุกดีเหมือนได้ผจญภัย มีอะไรเยอะแยะให้เรียนรู้มากไปหมด ส่วนเรารู้มาก กังวลมาก ทุกข์มาก
คงเป็นว่า- (ความ)รู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด (จากความกลัว)!!!!!
เพิ่งได้ฟังข่าวจากทีวีในตอนเย็น...
เป็นเรื่องที่น่าตกใจและน่าเสียใจนะคะ