จากการที่ไปตรวจตลาด รวมทั้งร้านอาหารอยู่บ่อย ๆ ได้พบเห็นภาพแบบนี้เป็นประจำ
ตลาดสด น่าซื้อที่กำหนดเกณฑ์ไว้ว่า แผงขายสินค้าเกี่ยวกับอาหารต้องสูงไม่ตำกว่า 60 เซนติเมตร ยาย
บอกว่ายายทำไม่ได้หรอก ยายขายผักได้วันละไม่กี่บาท
ยายคนนี้ก็หลังค่อม ทอดขนมขาย เลี้ยงตัวเอง ทอดแล้วก็วางต่ำใกล้เท้า
ขนมโบราณ หากินยาก บางคนเรียกขนมกง ยายอุตส่าห์นั่งปั้น ทำอย่างนี้ทุกวัน
และยายคนนี้ก็กำลังสาละวนอยู่กับการทำกล้วยทอดขาย ไม่ถูกหลักสุขาภิบาลหลายข้อ เช่นห้ามคนขายขึ้นไปนั่งบนแผง เพราะเท้าอยู่ไกล้อาหาร ห้ามใส่เสื้อไม่มีแขน ยายก็บอกว่ามันร้อน..
หญิงชราเหล่านี้ต้องเลี้ยงตัวเอง จึงต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด แนะนำเรื่องอะไรไปยายก็มักลืม แล้วก็ไม่มีใครช่วยเหลือ ทำอะไรมากก็จะเหนื่อย....ยายจึงทำได้แค่นี้
มองภาพคุณยายเหล่านี้แล้วธรรมฐิตนึกอะไรได้หลายอย่างเลยขอรับ..
สาธุสามครั้ง..
บางทีหลายเรื่อง หลายอย่าง มักสวนทางกัน
ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมที่บล๊อกเจนนะคะ...อ่านแล้วเห็นภาพชีวิตในชนบทไทย ที่ยากต่อการเปลี่ยนแปลงจริงๆค่ะ
เจนเป็นเด็กบุรีรัมย์ เมื่อก่อนคุณยายทำขนมตาล ขนมกล้วยขาย คิดแล้วก็เหมือนคุณยายเสื้อสีฟ้าในภาพข้างบนที่นั่งอยู่บนแคร่..แต่เงินที่ได้จากการขนมตาลก็ส่งแม่และน้าๆเรียนจนจบ และมีเจน มีโอกาสทางสังคมอย่างทุกวันนี้..
เป็นชาวสาธารณสุข ก็เข้าใจว่ามันไม่ถูก ไม่ควร ..แต่วิถีนี้ยากที่จะเปลี่ยนแปลงนัก..อาจจะเพราะมันมากกว่าคำว่าอาชีพ..แต่มันคือชีวิตของคุณยาย
ที่แคนาดา ร้านอาหารไหนมีกลิ่นอาหารจากการทำข้างหลังร้านเข้ามารบกวนในส่วนบริเวณที่ลูกค้านั่ง อาจจะถูกปิดร้านได้ เพราะใช้ที่ดูดกลิ่น ดูดควันไม่เหมาะสม ผัดกระเพราะที่แคนาดาเลยหาทานได้ยากในร้านอาหาร เพราะร้านอาหารกลัวถูกปิด หากมีลูกค้าคนอื่นไปร้องเรียน..เป็นเรื่องแน่ อีกเรื่องที่ร้านอาหารจะถูกปิด ก็คือหากมีลูกค้าไปร้องเรียนว่าทานอาหารจากร้านนี้แล้วท้องเสีย..เจ้าหน้าที่จะมาสอบสวนและสั่งพักใบอนุญาตเปิดร้านชั่วคราว จนกว่าจะปรับปรุงคุณภาพ...โหด แต่ได้คุณภาพจริงๆค่ะ
สวัสดีค่ะพี่ nana
บางทีกฏเกณฑ์ไม่จำเป็นต้องใช้สำหรับคนบางกลุ่มก็ได้นะค่ะ แต่เราจะมีวิธีไหนน้อ ที่จะทำให้คนอยู่ในกรอบเดียวกัน และไม่ทำให้พวกเขาต้องเดือนร้อน ....
วันนี้อาร์มมีกิจกรรมดีดีจากการแลเปลี่ยนเรียนรู้มาฝากค่ะ 3 คำถามจากกิจกรรม World Cafe ในงาน GotoKnow Forum ครั้งที่1
มีของที่ระลึกจาก GotoKnow ให้ด้วยนะค่ะ
ยายขายผัก ขายชนม มันเป็นวิถีชีวิตของเขา รู้สึกว่าตั้งแต่สาวจนแก่ ก็คงใช้วิธีการเดิม
สมัยก่อนอาจจะไม่สกปรกเหมทอนทุกวันนี้ เชื้อโรคสายพันธ์ใหม่ก็แยะ แต่บรรดายายเหล่านี้ เคยทำอย่างไรก็ทำอย่างนั้น
ฉะนั้นเพื่อให้สมดุลย์กับความเปลี่ยนแปลงนี้ ในยุคนี้ จะต้องสร้างและปลูกจิตสำนึกให้คนรุ่นใหม่ เพื่อที่จะพัฒนาคนรุ่นเก่าคะ
แล้วนำคนรุ่นเก่า มาเรียนรู้ให้ทันโลกที่เปลี่ยนแปลงคะ
สวัสดีคะ