…....กำ....กรรม…


นี่เป็นโรงละครของจริงที่คนแสดงจริง ไม่ใช้ แสตนอินเลย สิ่งที่ทำ ทำจริง และดิ่งลงจริง หากจะถอยหลังกลับก็ต้องถอยจริง ๆ กลับจริง ไม่ใช่เพียงตอบนโยบายอย่างที่ผ่านมา พอเปลี่ยนคน เปลี่ยนมือ นโยบายก็เปลี่ยน ๆๆๆ อย่างนี้สุดท้ายใครละจะเป็นผู้รับกรรม..แห่งการเปลี่ยนนี้.......

....กำ....กรรม

 

วันก่อนได้มีโอกาสดูรายการทางทีวีช่องหนึ่ง เป็นรายการอะไรไม่ทราบ ซึ่งมีการนำเสนอโรงเรียนต้นแบบของการเรียนการสอนที่ให้เด็กได้ปลูกผัก โดยเริ่มตั้งแต่เริ่มต้นของการปลูกผักตั้งแต่พรวนดิน การปลูก ตลอดจนการดูแลจนเติบโตและสามารถนำไปขายได้ สรุปได้คือ การเรียนการสอนที่นี่มุ่งให้นักเรียนได้เรียนรู้กระบวนการผลิตสินค้า และกระบวนการขาย ซึ่งมีพ่อค้าคนกลางมารับที่โรงเรียนแห่งนี้เพื่อไปขายต่อ ธรรมดาใช่ไหมค่ะหากดูแล้วผ่านโดยไม่ทบทวนว่า เมื่อก่อนเป็นอย่างไรกับสถานศึกษา นโยบายทางการศึกษา ไม่ทันไรก็เปลี่ยนซะแล้ว

 

 ก่อนหน้านี้ตอนข้าพเจ้าอายุไม่เท่าไร(ตอนนี้ก็ไม่เท่าไร)แค่ค่อนชีวิตจำความได้ว่าทุกโรงเรียนทุกสถาบันการศึกาสอนให้เด็กเก่งในวิชาการ คณิตเก่ง ภาษาดี มุ่งให้พูดเก่ง คิดเก่ง แต่ขาดวิเคราะห์เก่ง ผ่านมาไม่ถึง ๑๐ ปี เลี้ยวหัวกลับซะแล้ว กลับให้เด็กทำเก่ง หาเลี้ยงตัวเองเก่งเพราะอะไรที่เป็นอย่างนี้

 

ประเทศไทยเราจะมุ่งสู่เหวอีกกี่รอบถึงจะพ้นจากวิบากกรรมนี้ จะรอให้ตกเหวจริง ๆ หรือ หรือว่าตอนนี้เราอยู่ในเหวของระบบทุนเสียแล้ว ที่วิ่งหาแต่เงิน อุตสาหกรรม ลืมร้ากเหง้าของตัวเอง ความเป็นไทยแท้แต่โบราณ ที่รากเรามาจากเกษตรกรรม แต่มีบางกลุ่ม บางคนทำให้เป็นอุตสาหกรรม เพื่ออะไร เพื่อบกว่าตัวเองทำให้ประเทศก้าวหน้างั้นหรือ จีดีพีสูงขึ้นแล้วชีวิตทุกคนดีงั้นหรือ(ไม่แน่ใจ) เมื่อระบบทุนล้ม เห็นหรือไม่ก็ไม่รู้ แต่ข้าพเจ้าเห็นว่าภาคที่โดนมากที่สุดคือแรงงานในโรงงานอุตสาหกรรมทั้งนั้น ที่ยืนพิงต่างประเทศทั้งนั้น ไอ้ที่ยืนด้วยหาเกษตรกรรมแท้ ๆ ไม่ล้มแค่เซ ๆ วันก่อนสอนให้เด็กเก่งเทคโนโลยีมุ่งสู่อุตสาหกรรมเต็มที่พอวันนี้มาบอกเด็กว่าเราปลูกผักกันนะเด็กจะคิดทันไหมเนี้ยะ

 

 อีกช่องมีรายงานข่าวว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เร่งให้ความรู้แก่เด็กในหมู่บ้านให้รู้จักการปลูกพืช ทำนา ทำสวน ทำไร่ โดยจะเปิดให้มีการอบรม แต่ข่าวรายงานต่อไปว่า การที่จะเอาเด็กที่ออกนอกพื้นที่กลับมานั้นยาก ในพื้นที่ที่มีอยู่ตอนนี้คือ กลุ่มผู้เฒ่า  คนแก่ ที่ไม่เป็นที่ต้องการของภาคอุตสาหกรรม ส่วนคนหนุ่มสาวก้มหน้าก้มตาอยู่โรงงานกันหมด  พ่วงด้วยการเข้าแถวสู่ระบบการศึกษาในเมืองหลวง เห็นทีแนวคิดนี้กระทรวงต้องทำงานหนักมากกับการที่จะเรียก(นกที่บินออกนอกกรง)ได้รับอิสรภาพกลับมาอยู่ในกรงอย่างเดิม

 

 ข้าพเจ้าไม่ได้กล่าวโทษหรือจะกล่าวหา พาดพิงผู้ใด เพียงแต่นึกย้อนและทบทวนเล่น ๆ ดูว่าหากเป็นละครหรือการแสดงก็จะไม่รู้สึกอะไร เพราะเป็นการแสดง เดี๋ยวผู้กำกับก็ทำให้เข้าสู่ตอนจบที่แฮปปีแอนด์ดิ้งเอง แต่นี่เป็นโรงละครของจริงที่คนแสดงจริง ไม่ใช้        แสตนอินเลย สิ่งที่ทำ ทำจริง และดิ่งลงจริง หากจะถอยหลังกลับก็ต้องถอยจริง ๆ กลับจริง ไม่ใช่เพียงตอบนโยบายอย่างที่ผ่านมา พอเปลี่ยนคน เปลี่ยนมือ นโยบายก็เปลี่ยน ๆๆๆ อย่างนี้สุดท้ายใครละจะเป็นผู้รับกรรม..แห่งการเปลี่ยนนี้.......

 

หมายเลขบันทึก: 281455เขียนเมื่อ 30 กรกฎาคม 2009 09:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 08:18 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท