“ วันนั้น ” อ่อนแอ แต่...วันนี้ไม่ใช่
เส้นทางชีวิตของเรา ย่อมต้องผ่านการลองผิดลองถูกและเรียนรู้มาตลอดชีวิต แน่นอนล่ะครับ สิ่งใดที่พบเจอแล้วสร้างความรู้สึกด้านลบให้กับจิตใจ มันย่อมฝังอยู่ในส่วนลึกของใจ มีเรื่องอะไรบ้างล่ะครับลองนึกดู บางคนลุกขึ้นสู้ และแก้ไขอย่างไม่ยอมแพ้ แต่มีไม่น้อยที่หลีกเลี่ยงที่จะเจอกับเรื่องราวหรือเหตุการณ์แบบนั้นอีก คุณเห็นด้วยมั้ยครับที่ “ ทุกคนล้วนมีด้านมืดของจิตใจ ” ชีวิตเป็นการเดินทางที่ไร้ทิศทาง เพราะไม่มีใครกำหนดชะตาชีวิตของตนได้ แต่เราสามารถเรียนรู้เส้นทางที่ผ่านและสร้างความเจริญงอกงามให้แก่ตัวเองได้ เราเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ !แต่วันนี้คุณรู้สึกอย่างไร ? คุณคิดอย่างไร ? ถ้าวันหนึ่งคุณได้ผ่านสิ่งที่คุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย เพราะมันมีเพียงการเยียวยาและแก้ไข
เมื่อผมได้มีโอกาสนำสิ่งที่ผมผ่านออกมาถ่ายทอดสู่สาธารณะ ส่วนหนึ่งที่เข้ามาในสมองผม ก็คือ ความกังวลใจ ที่จะถูกมองว่านำปัญหามาบอกให้สงสารหรือเห็นใจ แต่ผมคิดว่า ทุกวันนี้...เกือบทุกคนก็ยังมีสิ่งที่ขาดๆ เกินๆ รู้และไม่รู้ ในชีวิตของตนเองอยู่บ่อยๆ ผมจึงอยากเป็นเพียงสื่อที่ถ่ายทอดความคิดและมุมมองจากประสบการณ์ที่อาจจะเหมือนหรือแตกต่างจากสิ่งที่ผมได้พบเจอ...ขอเป็นส่วนหนึ่งที่อาจจะทำให้คุณช่วยเขาเหล่านั้น มีทางเลือกกับการใช้ชีวิตเพิ่มขึ้น และบางที...ทางเลือกนี้ อาจช่วยให้ทั้งพวกเขาและคุณรู้สึกดีกับ “ วันนี้ ” และมีความสุขอยู่เสมอกับทุกๆ วัน ทุกๆ เช้าที่เราตื่นนอนย่อมเป็นทุกๆ วันที่ดี เพราะเราเลือกที่จะมีความรู้สึกที่ดีกับตนเองและคนรอบข้างทุกๆ คน แต่เมื่อวันนั้นมาถึง วันที่ผมนั่งอยู่ในห้องเรียนวิชาการศึกษาแบบเรียนรวมและการศึกษาพิเศษ ด้วยอาการเบื่อหน่ายจากการปลูก “ ต้นไม้แห่งความหวัง
” ต้นไม้แห่งบูรณาการการเรียนการสอนที่เกือบจะงดงาม ตามความคิดของคนร่วมห้องเรียน การเรียนรู้อย่างสมจริงสมจังเปรียบเสมือนว่าเราเป็นกลุ่มเด็กพิเศษ ก็เป็นไปอย่างเฉื่อยชา อีกทั้งความแตกต่างทางความคิด ความเห็นอกเห็นใจ ความเข้าใจของผู้เรียนและผู้สอน ที่มีต่อเรื่องการศึกษาของเด็กพิเศษก็เพิ่มมากขึ้นทุกวินาทีจนกระทั่งผู้สอนเล็งเห็นความแตกต่างที่ชัดเจน ก็งัดไม้เด็ดออกมาใช้กับผู้เรียน ผม...ซึ่งนั่งอยู่ในห้องนั้น วันดีๆ ของผมล่ะสิ กำลังจะเปลี่ยนไป “ การมีใครสักคน คนที่ผมบอกคุณว่า ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย เพราะมันมีเพียงการเยียวยาและแก้ไข ไม่มีใครกำหนดชะตาชีวิตของตนได้ เขาเดินเข้ามาในห้องนั้นก็เหมือน...การเติมเต็มในความคิด ความเห็นอกเห็นใจ ความเข้าใจของผมและคนร่วมห้องหลายคนที่ยังว่างเปล่าได้ดีมากเลยทีเดียว ! ” “
น้องเอิร์น ” เด็กหญิงวัย 4 ขวบที่มีความพิการทางสมอง หรือบกพร่องทางการเรียนรู้ กรณีศึกษาแรกของเรา จากอาการแสดงออกซึ่งความแปรปรวนทางอารมณ์ของน้องเค้า นำความสว่างทางความคิดของผม ความตระหนักในความเห็นอกเห็นใจ ความเข้าใจ ความช่วยเหลือ การเยียวยา หรือหนทางแก้ไข เกิดขึ้นภายในอกด้านซ้ายของผมวันนั้น...ผมรู้สึกถึงความอ่อนแอของผมเอง มันมีมากพอๆ กับเลือดในร่างกายของผม ความรู้สึกเคว้งคว้างเข้ามาครอบงำจิตใจผม ผมจะยืนด้วยเท้าของผมได้หรือ ?
อิฐบางก้อนที่เราก่อขึ้นมาเพราะความกระด้างของจิตใจ ถูกทุบทิ้งไปบางแล้ว ผมน่าจะมีทางออกหรือทางเดินมากขึ้น
หลังจากวันนั้น หน้าในปฏิทินที่ถูกขีดฆ่าทิ้งไปได้ทิ้งอะไรๆ ไว้ให้ผมมากขึ้น ส่วนใหญ่ก็จะเป็นความเจ็บปวด แต่ที่มีอยู่แน่ๆ ก็คือ “ บทเรียน ” บทเรียนที่น้องเอิร์นเป็นผู้สอน แต่แย่หน่อยตรงที่ว่า บทเรียนชีวิตบทนี้ไม่มีแบบฝึกหัดให้ผมได้ลองฝึกดูก่อน ผมต้องทำไปแล้วจึงจะได้บทเรียนกลับมา แต่บทเรียนโหดๆ วันนั้นทำให้ผมฉลาดขึ้น แถมผมยังได้บทเรียนมากขึ้น น้องๆ ที่เป็นเด็กออทิสติกในโรงเรียนสาธิตของมหาวิทยาลัยทำให้ผมมีครูผู้ให้บทเรียนมากเลยทีเดียว อาการของน้องๆ เหล่านี้ เป็นไปแบบ “ ไม่สบตา ไม่พาที ไม่ชี้นิ้ว ” เดชะบุญ ! ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายไทย “ ประชาชนไทยทุกคนย่อมมีสิทธิทางการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นอย่างน้อย อย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกันไม่ว่าจะมีสภาพทางกาย หรือสุขภาพอย่างไร ทั้งนี้โดยรัฐต้องจัด สิ่งอำนวยความสะดวกและความช่วยเหลือให้ ” น้องๆ เหล่านั้นจึงได้รับการศึกษาเรียนร่วมกับเด็กปกติ โดยอาจ เรียนร่วมในชั้นปกติ ... เรียนร่วมในชั้นปกติและมีครูพิเศษให้คำแนะนำปรึกษา ... เรียนร่วมในชั้นปกติและรับบริการจากครูเดินสอนหรือครูเวียนสอน .... เรียนร่วมในชั้นปกติและรับบริการจากครูเสริมวิชาการ... ชั้นพิเศษในโรงเรียนปกติและเรียนร่วมบางเวลา... และชั้นพิเศษในโรงเรียนปกติผมเองก็อดที่จะขอบคุณ ผู้ที่มีอุปการคุณ ที่ช่วยกันคิดการศึกษาในรูปแบบเหล่านี้แทนน้องๆ ไม่ได้ ความรู้สึกที่คิดว่ามันเป็นเรื่องที่กำหนดเองไม่ได้ หรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขอะไรไม่ได้อีก ก็คลายลงไปบ้าง เพื่อที่จะได้มีแรงเก็บไว้ ฮึดสู้ กับเรื่องอื่นๆ ที่จะเข้ามาอีกในวันข้างหน้า
ยังมีอีกหลายอย่างที่จะผ่านเข้ามาในชีวิตเรา ซึ่งไม่ต้องใช้เงินซื้อ เช่น ประสบการณ์ ผมได้มีโอกาสสำคัญในการทัศนศึกษาดูงาน ณ โรงเรียนโสตศึกษาจังหวัดนนทบุรี ...ศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดนนทบุรี ... ศูนย์การศึกษาพิเศษเขตการศึกษา 5 จังหวัดสุพรรณบุรี ... และโรงเรียนสุพรรณบุรีปัญญานุกูล
สถานบำบัดทั้งหมดที่ผมได้มีโอกาสไปสัมผัส ก็มีเพื่อให้คำแนะนำปรึกษา ประสานการจัดการเรียนร่วม ฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากร เป็นศูนย์วิชาการ วิจัย และพัฒนาหลักสูตร ให้บริการช่วยเหลือด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับคนพิการ มีการให้บริการสำหรับคนพิการทุกประเภท คือ ให้บริการแก่บุคคลที่มีความบกพร่องทางการเห็น การได้ยิน สติปัญญา ร่างกายหรือสุขภาพ การเรียนรู้ การพูดและภาษา พฤติกรรมและอารมณ์ บุคคลออทิสติกและบุคคลพิการซ้ำซ้อน
พันธกิจที่ควรค่าแก่การยกย่องทั้งปวง ก่อเกิดจากความร่วมมือของกรรมการพลังระหว่างงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กร ชุมชน องค์กรคนพิการและผู้ปกครองคนพิการและองค์กรเอกชนอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดการประสานความร่วมมือ และสนับสนุนการดำเนินการจัดการศึกษาเพื่อคนพิการทุกระบบ และครบวงจรทั้งสิ้น
วันนี้ความร่วมมือที่แข็งแกร่งของทุกคนที่มีให้น้องๆ คนหรือกลุ่มคนพิการ ช่วยให้ผมแกร่งตามไปด้วย ความรู้สึกไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย เพราะมันมีเพียงการเยียวยาและแก้ไข ไม่มีใครกำหนดชะตาชีวิตของตนได้ ถูกพังทลาย ตายไปใจของผมหมดแล้ว ความตระหนักถึงความเป็นไทยได้เข้ามาแทนที่เสียแล้ว จุดที่ความรู้สึกของผมยืนอยู่คงเป็นจุดๆ เดียวกันกับน้องๆ คนหรือกลุ่มคนพิการยืนอยู่อย่างแน่นอน
ผมคิดว่า...ยังมีอีกหลายอย่างที่มีความหมายต่อชีวิตของเรา ซึ่งไม่ต้องใช้เงินซื้อ นอกจากประสบการณ์ เช่น มิตรภาพ ความรัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง... ความแบ่งปันในจิตใจ
คุณลอง...ส่องกระจก มองจุดที่คุณยืนสิ ! ว่าจุดๆ นั้นได้ทำอะไรเพื่อพวกเขาเหล่านั้น ที่ลิขิตชะตาชีวิตตนเองไม่ได้แล้วหรือยัง ? “ ...อย่าปฏิเสธ หรือเฉยเมยต่อการรอคอยที่พวกเขามีอยู่ ถ้าไม่มีการรอคอยก็จะไม่มีการให้ และถ้าไม่มีการให้ ก็จะไม่มีการแบ่งปันในจิตใจ... ”
ขอบคุณ...ความแตกต่าง ที่ทำให้คนบนโลก รู้จักการยอมรับความแตกต่างของเรากับคนอื่น จะทำให้ประตูของความแข็งแกร่ง เปิดออกตลอดเวลา...
วันนี้ ผมรู้แล้วว่า โลก...คือห้องเรียนห้องใหญ่และน่าค้นหาที่สุดเท่าที่ผมได้เคยเรียนมา และเป็นที่แห่งเดียวก็ว่าได้ที่คนเรียนกับคนให้บทเรียนคือคนๆ เดียวกัน ...นั่นคือตัวเราเอง...
บทความที่ผสมผสานการรายงานจากการศึกษาดุงาน เขียนได้เห็นภาพชัดเจน ควรฝึกเขียนบทความทางวิชาการเผยแพร่ลงบนเวบ gotoknow นี้บ่อย ๆ เป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับคนอื่น และจะทำให้พัฒนาทักษะการใช้คล่องขึ้น
การปรับแต่งหน้าเพจ ควรอัพโหลดรูปของตนเองลงไปด้วย หากมีภาพกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง หรือมีข้อมูลอื่นประกอบ ก็ควรอัพโหลด และจัดแต่งข้อความให้ดูเป็นระเบียบสวยงาม
ดีมากมาก สำหรับความคิดที่กลั่นออกมา
เด็กพิเศษอีกหลายคนกำลังรอโอกาสทางการศึกษา
อย่างน้อยก็มีนัก Napawit และเพื่อนๆ ที่เห็นคุณค่าของการให้โอกาสแก่ผู้รอคอย