ขอเล่าเรื่องต่อจากเมื่อวานนี้ ที่ผมบอกว่าจะมาเล่าให้ฟังว่าทำไมผมจึงรักษาขาที่หักได้ช้า ซึ่งไม่ทราบว่าจะมีคนอื่นเป็นเหมือนผมหรือเปล่า แต่บางทีเรื่องของผมอาจจะช่วยให้ผู้ที่กำลังได้รับอุบัติเหตุกระดูกหัก สามารถนำไปเป็นข้อคิด ข้อเตือนใจได้ เรื่องมีอยู่ว่าหลังจากที่ผมขาหักผมได้เข้ารับการรักษาจากโรงพยาบาลชุมชนแห่งหนึ่ง หลังจากทำการเอกซ์เรย์ขาแล้วผลออกมาปรากฏว่า ขาข้างซ้ายของผมหักซึ่งคุณหมอก็ได้เข้าเฝือกขาข้างที่หักของผมทันที การเข้าเฝือกในครั้งแรกนี้คุณหมอใส่เฝือกปูนครึ่งซีก คือใส่แต่ด้านล่างของขา ส่วนด้านบนใช้ผ้าก๊อตพันปิดไว้กับเฝือกเท่านั้น แต่หลังจาก 1 สัปดาห์ผ่านไป คุณหมอได้นัดให้ไปถอดเฝือกเก่าออกและคราวนี้ใส่เฝือกปูนคลุมทั้งขาตั้งแต่โคนขาจนคลุมฝ่าเท้าเหลือแต่ปลายนิ้วเท้าโผล่มา 5 นิ้วเท่านั้น ซึ่งการใส่เฝือกในครั้งที่สองนี้นับว่าทรมานมากเพราะทั้งหนัก คัน ร้อน เคลื่อนไหวตัวลำบากมาก ผมทนแทบไม่ได้เพราะคุณหมอบอกว่าให้ใส่เฝือกไว้ประมาณ 3 สัปดาห์ และนี่เองที่เป็นสาเหตุทำให้ขาของผมหายช้า เพราะคนเฒ่าคนแก่ในบ้านบอกว่าขาหักต้องให้หมอน้ำมันรักษาจะทำให้หายเร็วและที่สำคัญไม่ต้องทรมานกับเฝือกปูนด้วย ผมจึงไปให้หมอน้ำมันในหมู่บ้านรักษาโดยการตัดเฝือกปูนออกแล้วใช้คาถาพร้อมน้ำมันมะพร้าวมารักษาขาข้างที่หักของผม หลังจากรักษาได้ไม่กี่วันผมสามารถขยับขาและเดินได้โดยใช้ไม้เท้า 1 ข้างแทนขาข้างที่หัก ซึ่งทำให้ผมดีใจมาก แต่พอครบ 1 เดือนหลังจากที่ขาหัก ผมได้เดินทางไปหาคุณหมอกระดูกที่โรงพยาบาลทหาร ปรากฏว่าผลเอกซ์เรย์ออกมากระดูกขาของผมไม่ติดและยังทรุดอีกด้วย คุณหมอที่โรงพยาบาลค่ายทหารแห่งนี้จึงทำการผ่าตัดใส่เหล็กขาข้างที่หักของผมทันที เพราะถ้าไม่ผ่าตัดผมคงจะพิการ เดินไม่ได้อย่างแน่นอน และหลังจากผ่าตัดอาการของผมดีขึ้นและคงจะหายในอีกไม่ช้านี้
เรื่องเล่าของผมคงจะเป็นข้อคิดและประโยชน์ให้กับผู้ที่กำลังรักษากระดูกหักด้วยวิธีให้หมอน้ำมันรักษาบ้างไม่มากก็น้อย เพราะหมอน้ำมันนั้นการรักษาของเขาสามารถช่วยได้แต่เพียงกระดูกเล็ก ๆ และเป็นพวกเด็กๆ ที่อายุยังน้อย ส่วนผู้ที่มีอายุมากๆ กระดูกจะติดยาก ถึงติดแต่ก็ไม่ดีเท่าที่ควรครับ
สวัสดีค่ะ
เสียใจด้วยนะคะทีมีปัญหาสุขภาพ
เมื่อสัปดหาที่แล้วอยู่นครสวรรค์หลายวันเยี่ยม อบต.บางมะฝ่อ โกรกพระ
และวังน้ำลัด ไพสาลี รวมทั้งได้พบปะกับสพท.และโรงเรียนในโครงการของเราค่ะ