พระปัญจส๊ขร


       พระปัญจสีขร หรือ พระปัญจสิงขร ซึ่งก็จะมีข้อถกเถียงกันอยู่บ่อยๆ ว่า ที่จริงควรจะเป็นชื่อใดที่ถูกต้อง สำหรับผมคิดว่าสามารถเป็นชื่อท่านได้ทั้ง 2 ชื่อ เพราะความจริงแล้วชื่อของท่านมาจาก ภาษาบาลี เรียกว่า “ปัญจสิข” ฉะนั้นใครศรัทธาชื่อใดก็สามารถเรียกได้ทั้ง 2 ชื่อ สำหรับตัวผมนั้นจะคุ้นเคยกับคำว่า “พระปัญจสิงขร” และผมคิดว่า...นักดนตรีไทยส่วนใหญ่ ก็จะเรียกชื่อของท่านเหมือนกับผม เหตุผลก็คือ...ใน โองการไหว้ครู ที่พวกเราจะกระทำพิธีในทุกๆ ปี ก็จะอัญเชิญท่านเสด็จลงมาสู่ยังพิธีในนามของท่านว่า “พระปัญจสิงขร” แต่ต้องปฏิเสธไม่ได้ว่ามีหลายที่หลายสำนักเรียกท่านว่า “พระปัญจสีขร”

พระปัญจสิงขร...ซึ่งในบรรดานักดนตรีไทยจะยกให้ท่านเป็น “เทพแห่งเครื่องสาย” ดังนั้นนักดนตรีไทยที่เล่นอยู่ใน วงเครื่องสาย โดยเฉพาะผู้ที่สี ซอด้วง ซออู้ ซอสามสาย จะนับถือพระปัญจสิงขร มากเป็นพิเศษกว่าเทพองค์อื่นๆ โดยแต่เดิมพระปัญจสิงขร เป็นมนุษย์ธรรมดา เป็นเด็กเลี้ยงโค และได้เสียชีวิตตั้งแต่วัยหนุ่ม แต่ด้วยคุณความดีของท่านสร้างเอาไว้ในตอนมีชีวิต ด้วยการสร้างสิ่งที่เป็นสาธารณประโยชน์หลายต่อหลายอย่าง จึงทำให้ท่านบังเกิดเป็น เทพบุตร ใน ชั้นจาตุมหาราช นามว่า “ปัญจสิขคนธรรพเทพบุตร” โดยบนเศียรของท่านจะมี 5 ยอด เนื่องจากตอนที่เป็นมนุษย์ในวัยเด็กจะไว้ ผม 5 แหยม หรือ 5 ปอย ร่างกายจะเป็นสีทอง ทรงภูษาเป็นสีแดง ซึ่งเราจะเห็นท่านในลักษณะของ...หัวโขน จะมีหน้าเป็น มนุษย์สีขาว เนื่องจากท่านเคยเป็นมนุษย์มาก่อน จะมีความสามารถในการบรรเลงพิณหรือดีดพิณ รวมทั้ง ขับลำนำ กล่าวโดยว่าเมื่อ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จจากสวรรค์ลงมายังโลกมนุษย์ จะต้องมี ปัญจดุริยางค์ หรือ ดนตรีของสรวงสวรรค์ บรรเลงนำลงมา และพระปัญจสิงขรก็จะเป็นผู้ดีดพิณ รวมถึง ไกวบัณเฑาะว์ นำอยู่ใน วงเครื่องสูง ในการนำเสด็จของพระพุทธเจ้าในทุกๆ ครั้ง

พระปัญจสิงขรจะเป็นเทพที่มีความสนิทสนมกับพระพุทธเจ้ามากกว่าเทพองค์อื่นๆ หรือที่เรียกว่า “พระพุทธอุปัฎฐาก” แม้แต่พระอินทร์ ก่อนเมื่อจะทูลถามปัญหาถึงพระพุทธเจ้า เมื่อครั้งเสด็จประทับอยู่ ณ อินทสาลคูหา กรุงราชคฤห์ ก็ต้องให้พระปัญจสิงขรเป็นผู้นำเข้าเฝ้า ทูลขอโอกาสให้ก่อน และในครั้งนั้น พระปัญจสิงขรได้บรรเลงพิณและขับลำนำพรรณนา ในเรื่องของ...พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นข้ออุปมา ซึ่งพระพุทธองค์ก็ทรงชมเชยว่า...เสียงพิณและเสียงขับกล่อมของพระปัญจสิงขร มีความกลมกล่อมไม่ต่างกัน เสียงพิณก็มีลีลาละมุนละม่อมเสมอสมานเป็นอันหนึ่งอันเดียว และหลังจากนั้นพระปัญจสิงขรจึงทูลขอโอกาสให้พระอินทร์ และพระพุทธองค์ก็ทรงพุทธานุญาต พระอินทร์และบริวารจึงได้เข้าเฝ้าและทูลถามปัญหาต่อพระพุทธองค์

หลังจากที่พระอินทร์ได้ทูลถามปัญหา รวมถึงฟังพระธรรมเทศนาแล้ว ได้ทราบซึ้งถึงคุณูปการต่อพระปัญจสิงขร จึงได้ประทาน นางสุริยวัจฉสา ซึ่งเป็น เทวธิดา ให้เป็นมเหสี รวมถึงตัวของท่านก็เป็น สมเด็จพระเจ้าปัญจสิขคนธรรพเทพบุตรราช

พิณของพระปัญจสิงขร จะมีพรรณเลื่อมเหลืองดุจ ผลมะตูมสุกสะอาด คันของพิณก็จะเป็น แก้วอินทนิลมณี มีทั้งหมด 50 สาย (ทำด้วยเงิน) ส่วน ลูกบิด (เวทกะ) ที่สำหรับสอดสายพิณก็จะทำด้วย แก้วประพาฬ พระปัญจสิงขรถือว่าเป็น 1 ใน 3 เทพเจ้าแห่งดุริยางคศิลป์ ซึ่งจะประกอบไปด้วย พระวิษณุกรรม...ซึ่งถือว่าเป็นเทพที่สร้างเครื่องดนตรีทุกชนิด พระปรคนธรรพ...เทพที่มีความชำนาญในดนตรีมีหน้าที่ขับกล่อมให้เทพยดาและพวกเราจะนับถือเป็น ครูแห่งตะโพน และสุดท้ายก็คือ พระปัญจสิงขร...เทพแห่งเครื่องสายนั่นเอง

ที่มา พระปัญจสีขร หรือ พระปัญจสิงขร ซึ่งก็จะมีข้อถกเถียงกันอยู่บ่อยๆ ว่า ที่จริงควรจะเป็นชื่อใดที่ถูกต้อง สำหรับผมคิดว่าสามารถเป็นชื่อท่านได้ทั้ง 2 ชื่อ เพราะความจริงแล้วชื่อของท่านมาจาก ภาษาบาลี เรียกว่า “ปัญจสิข” ฉะนั้นใครศรัทธาชื่อใดก็สามารถเรียกได้ทั้ง 2 ชื่อ สำหรับตัวผมนั้นจะคุ้นเคยกับคำว่า “พระปัญจสิงขร” และผมคิดว่า...นักดนตรีไทยส่วนใหญ่ ก็จะเรียกชื่อของท่านเหมือนกับผม เหตุผลก็คือ...ใน โองการไหว้ครู ที่พวกเราจะกระทำพิธีในทุกๆ ปี ก็จะอัญเชิญท่านเสด็จลงมาสู่ยังพิธีในนามของท่านว่า “พระปัญจสิงขร” แต่ต้องปฏิเสธไม่ได้ว่ามีหลายที่หลายสำนักเรียกท่านว่า “พระปัญจสีขร”

พระปัญจสิงขร...ซึ่งในบรรดานักดนตรีไทยจะยกให้ท่านเป็น “เทพแห่งเครื่องสาย” ดังนั้นนักดนตรีไทยที่เล่นอยู่ใน วงเครื่องสาย โดยเฉพาะผู้ที่สี ซอด้วง ซออู้ ซอสามสาย จะนับถือพระปัญจสิงขร มากเป็นพิเศษกว่าเทพองค์อื่นๆ โดยแต่เดิมพระปัญจสิงขร เป็นมนุษย์ธรรมดา เป็นเด็กเลี้ยงโค และได้เสียชีวิตตั้งแต่วัยหนุ่ม แต่ด้วยคุณความดีของท่านสร้างเอาไว้ในตอนมีชีวิต ด้วยการสร้างสิ่งที่เป็นสาธารณประโยชน์หลายต่อหลายอย่าง จึงทำให้ท่านบังเกิดเป็น เทพบุตร ใน ชั้นจาตุมหาราช นามว่า “ปัญจสิขคนธรรพเทพบุตร” โดยบนเศียรของท่านจะมี 5 ยอด เนื่องจากตอนที่เป็นมนุษย์ในวัยเด็กจะไว้ ผม 5 แหยม หรือ 5 ปอย ร่างกายจะเป็นสีทอง ทรงภูษาเป็นสีแดง ซึ่งเราจะเห็นท่านในลักษณะของ...หัวโขน จะมีหน้าเป็น มนุษย์สีขาว เนื่องจากท่านเคยเป็นมนุษย์มาก่อน จะมีความสามารถในการบรรเลงพิณหรือดีดพิณ รวมทั้ง ขับลำนำ กล่าวโดยว่าเมื่อ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จจากสวรรค์ลงมายังโลกมนุษย์ จะต้องมี ปัญจดุริยางค์ หรือ ดนตรีของสรวงสวรรค์ บรรเลงนำลงมา และพระปัญจสิงขรก็จะเป็นผู้ดีดพิณ รวมถึง ไกวบัณเฑาะว์ นำอยู่ใน วงเครื่องสูง ในการนำเสด็จของพระพุทธเจ้าในทุกๆ ครั้ง

พระปัญจสิงขรจะเป็นเทพที่มีความสนิทสนมกับพระพุทธเจ้ามากกว่าเทพองค์อื่นๆ หรือที่เรียกว่า “พระพุทธอุปัฎฐาก” แม้แต่พระอินทร์ ก่อนเมื่อจะทูลถามปัญหาถึงพระพุทธเจ้า เมื่อครั้งเสด็จประทับอยู่ ณ อินทสาลคูหา กรุงราชคฤห์ ก็ต้องให้พระปัญจสิงขรเป็นผู้นำเข้าเฝ้า ทูลขอโอกาสให้ก่อน และในครั้งนั้น พระปัญจสิงขรได้บรรเลงพิณและขับลำนำพรรณนา ในเรื่องของ...พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นข้ออุปมา ซึ่งพระพุทธองค์ก็ทรงชมเชยว่า...เสียงพิณและเสียงขับกล่อมของพระปัญจสิงขร มีความกลมกล่อมไม่ต่างกัน เสียงพิณก็มีลีลาละมุนละม่อมเสมอสมานเป็นอันหนึ่งอันเดียว และหลังจากนั้นพระปัญจสิงขรจึงทูลขอโอกาสให้พระอินทร์ และพระพุทธองค์ก็ทรงพุทธานุญาต พระอินทร์และบริวารจึงได้เข้าเฝ้าและทูลถามปัญหาต่อพระพุทธองค์

หลังจากที่พระอินทร์ได้ทูลถามปัญหา รวมถึงฟังพระธรรมเทศนาแล้ว ได้ทราบซึ้งถึงคุณูปการต่อพระปัญจสิงขร จึงได้ประทาน นางสุริยวัจฉสา ซึ่งเป็น เทวธิดา ให้เป็นมเหสี รวมถึงตัวของท่านก็เป็น สมเด็จพระเจ้าปัญจสิขคนธรรพเทพบุตรราช

พิณของพระปัญจสิงขร จะมีพรรณเลื่อมเหลืองดุจ ผลมะตูมสุกสะอาด คันของพิณก็จะเป็น แก้วอินทนิลมณี มีทั้งหมด 50 สาย (ทำด้วยเงิน) ส่วน ลูกบิด (เวทกะ) ที่สำหรับสอดสายพิณก็จะทำด้วย แก้วประพาฬ พระปัญจสิงขรถือว่าเป็น 1 ใน 3 เทพเจ้าแห่งดุริยางคศิลป์ ซึ่งจะประกอบไปด้วย พระวิษณุกรรม...ซึ่งถือว่าเป็นเทพที่สร้างเครื่องดนตรีทุกชนิด พระปรคนธรรพ...เทพที่มีความชำนาญในดนตรีมีหน้าที่ขับกล่อมให้เทพยดาและพวกเราจะนับถือเป็น ครูแห่งตะโพน และสุดท้ายก็คือ พระปัญจสิงขร...เทพแห่งเครื่องสายนั่นเอง

พระปัญจสีขร หรือ พระปัญจสิงขร ซึ่งก็จะมีข้อถกเถียงกันอยู่บ่อยๆ ว่า ที่จริงควรจะเป็นชื่อใดที่ถูกต้อง สำหรับผมคิดว่าสามารถเป็นชื่อท่านได้ทั้ง 2 ชื่อ เพราะความจริงแล้วชื่อของท่านมาจาก ภาษาบาลี เรียกว่า “ปัญจสิข” ฉะนั้นใครศรัทธาชื่อใดก็สามารถเรียกได้ทั้ง 2 ชื่อ สำหรับตัวผมนั้นจะคุ้นเคยกับคำว่า “พระปัญจสิงขร” และผมคิดว่า...นักดนตรีไทยส่วนใหญ่ ก็จะเรียกชื่อของท่านเหมือนกับผม เหตุผลก็คือ...ใน โองการไหว้ครู ที่พวกเราจะกระทำพิธีในทุกๆ ปี ก็จะอัญเชิญท่านเสด็จลงมาสู่ยังพิธีในนามของท่านว่า “พระปัญจสิงขร” แต่ต้องปฏิเสธไม่ได้ว่ามีหลายที่หลายสำนักเรียกท่านว่า “พระปัญจสีขร”

พระปัญจสิงขร...ซึ่งในบรรดานักดนตรีไทยจะยกให้ท่านเป็น “เทพแห่งเครื่องสาย” ดังนั้นนักดนตรีไทยที่เล่นอยู่ใน วงเครื่องสาย โดยเฉพาะผู้ที่สี ซอด้วง ซออู้ ซอสามสาย จะนับถือพระปัญจสิงขร มากเป็นพิเศษกว่าเทพองค์อื่นๆ โดยแต่เดิมพระปัญจสิงขร เป็นมนุษย์ธรรมดา เป็นเด็กเลี้ยงโค และได้เสียชีวิตตั้งแต่วัยหนุ่ม แต่ด้วยคุณความดีของท่านสร้างเอาไว้ในตอนมีชีวิต ด้วยการสร้างสิ่งที่เป็นสาธารณประโยชน์หลายต่อหลายอย่าง จึงทำให้ท่านบังเกิดเป็น เทพบุตร ใน ชั้นจาตุมหาราช นามว่า “ปัญจสิขคนธรรพเทพบุตร” โดยบนเศียรของท่านจะมี 5 ยอด เนื่องจากตอนที่เป็นมนุษย์ในวัยเด็กจะไว้ ผม 5 แหยม หรือ 5 ปอย ร่างกายจะเป็นสีทอง ทรงภูษาเป็นสีแดง ซึ่งเราจะเห็นท่านในลักษณะของ...หัวโขน จะมีหน้าเป็น มนุษย์สีขาว เนื่องจากท่านเคยเป็นมนุษย์มาก่อน จะมีความสามารถในการบรรเลงพิณหรือดีดพิณ รวมทั้ง ขับลำนำ กล่าวโดยว่าเมื่อ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จจากสวรรค์ลงมายังโลกมนุษย์ จะต้องมี ปัญจดุริยางค์ หรือ ดนตรีของสรวงสวรรค์ บรรเลงนำลงมา และพระปัญจสิงขรก็จะเป็นผู้ดีดพิณ รวมถึง ไกวบัณเฑาะว์ นำอยู่ใน วงเครื่องสูง ในการนำเสด็จของพระพุทธเจ้าในทุกๆ ครั้ง

พระปัญจสิงขรจะเป็นเทพที่มีความสนิทสนมกับพระพุทธเจ้ามากกว่าเทพองค์อื่นๆ หรือที่เรียกว่า “พระพุทธอุปัฎฐาก” แม้แต่พระอินทร์ ก่อนเมื่อจะทูลถามปัญหาถึงพระพุทธเจ้า เมื่อครั้งเสด็จประทับอยู่ ณ อินทสาลคูหา กรุงราชคฤห์ ก็ต้องให้พระปัญจสิงขรเป็นผู้นำเข้าเฝ้า ทูลขอโอกาสให้ก่อน และในครั้งนั้น พระปัญจสิงขรได้บรรเลงพิณและขับลำนำพรรณนา ในเรื่องของ...พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นข้ออุปมา ซึ่งพระพุทธองค์ก็ทรงชมเชยว่า...เสียงพิณและเสียงขับกล่อมของพระปัญจสิงขร มีความกลมกล่อมไม่ต่างกัน เสียงพิณก็มีลีลาละมุนละม่อมเสมอสมานเป็นอันหนึ่งอันเดียว และหลังจากนั้นพระปัญจสิงขรจึงทูลขอโอกาสให้พระอินทร์ และพระพุทธองค์ก็ทรงพุทธานุญาต พระอินทร์และบริวารจึงได้เข้าเฝ้าและทูลถามปัญหาต่อพระพุทธองค์

หลังจากที่พระอินทร์ได้ทูลถามปัญหา รวมถึงฟังพระธรรมเทศนาแล้ว ได้ทราบซึ้งถึงคุณูปการต่อพระปัญจสิงขร จึงได้ประทาน นางสุริยวัจฉสา ซึ่งเป็น เทวธิดา ให้เป็นมเหสี รวมถึงตัวของท่านก็เป็น สมเด็จพระเจ้าปัญจสิขคนธรรพเทพบุตรราช

พิณของพระปัญจสิงขร จะมีพรรณเลื่อมเหลืองดุจ ผลมะตูมสุกสะอาด คันของพิณก็จะเป็น แก้วอินทนิลมณี มีทั้งหมด 50 สาย (ทำด้วยเงิน) ส่วน ลูกบิด (เวทกะ) ที่สำหรับสอดสายพิณก็จะทำด้วย แก้วประพาฬ พระปัญจสิงขรถือว่าเป็น 1 ใน 3 เทพเจ้าแห่งดุริยางคศิลป์ ซึ่งจะประกอบไปด้วย พระวิษณุกรรม...ซึ่งถือว่าเป็นเทพที่สร้างเครื่องดนตรีทุกชนิด พระปรคนธรรพ...เทพที่มีความชำนาญในดนตรีมีหน้าที่ขับกล่อมให้เทพยดาและพวกเราจะนับถือเป็น ครูแห่งตะโพน และสุดท้ายก็คือ พระปัญจสิงขร...เทพแห่งเครื่องสายนั่นเอง

ที่มา  http://www.komchadluek.net/detail/20090721/21098/พระปัญจสิงขร.html หนังสือพิมพ์คม-ชัด-ลึก 21 ก.ค. 52

คำสำคัญ (Tags): #พระปัญจสีขร
หมายเลขบันทึก: 280069เขียนเมื่อ 25 กรกฎาคม 2009 15:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:08 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

อืม

ได้ความรูไปอีกแบบบบบบบ

ดีมากๆเลยคับ

ได้ความรู้ดี

โอเคเลย .... ดีมากเลย ก๊าบบ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท