ปลายศตวรรษที่ 15 หลังโคลัมบัสพบดินแดนใหม่ในทวีปอเมริกา นักล่าอาณานิคมต่างพากันยก/กล่าวอ้างหลักกม.โรมันที่ว่า ผู้ใดเข้าถือทรัพย์ไ่ม่มีเจ้าของ ผู้นั้นย่อมได้เป็นเจ้าของทรัพย์
และต่างพากันอ้างว่า ชนพื้นเมืองไม่ใช่ชาวคริสต์ จึงไม่มีสภาพบุคคลเหมือนคนตะวันตก จึงไม่ไ้ด้รับการคุ้มครองตามกม.
ผู้ัคัดค้าน
นับแต่นั้น หลักการว่า มนุษย์ทุกคนย่อมมีสภาพบุคคล (personality) และย่อมมีสิทธิต่างๆ ได้ (Subject of Rights) โดยเสมอกัน ก็แพร่ออกไปทั่วโลก และได้รับการรับรองไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งของประเทศต่างๆ ตลอดจนกม.รัฐธรรมนูญของปท.เหล่านั้น
เทียบเวลากับประวัติศาสตร์ไทย
หลักการที่แทรกซึมในบทบัญญัติแห่งรธน. ในฐานะที่เป็นกม.แม่บทนี้ ย่อมมีผลแผ่นไปยังระบบกม.ทั้งระบบ โดยนัยนี้ การใช้และการตีความกม.แพ่งและพาณิชย์ จึงต้องเป็นไปโดยสอดคล้องกับหลักการในกม.รธน.
อย่างไรก็ดี ตามรธน. มุ่งประกันสิทธิของบุคคลสัญชาติไทยโดยเฉพาะ ดังนั้น คนต่างด้าวจึงไม่อาจอ้างว่าตนมีสิทธิเสรีภาพตามรธน. ได้
แต่ไม่ได้หมายความว่า คนต่างด้าวจะไม่ได้รับการคุ้มครองใดๆ เลย เพราะตราบเท่าที่เขาเป็นมนุษย์ไม่ว่าเขาจะถือสัญชาติไทยหรือไม่ เขาย่อมได้รับความคุ้มครองในศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษญ์ของเขาตามม.4 และโดยที่มนุษย์ทุกคนต่างมีสภาพบุคคลตามปพพ. และย่อมได้รับความคุ้มครองจากปพพ. ให้สามารถมีสิทธิและหน้าที่ได้ตามกม. ซึ่งเท่ากับว่า ตราบเท่าที่ไม่มีกม.พิเศษ มาจำกัดสิทธิคนต่างด้าวไ้ว้เป็นการเฉพาะ คนต่างด้าวย่อมมีสิทธิหน้าที่ได้เช่นเดียวกับบุคคลสัญชาติไทยอื่นๆ โดยทั่วไป
เพิ่งรู้จักมาตรา 12 แห่งรธน. 2475
แต่ไม่ค่อยเห็นด้วยว่า กฎหมายรัฐธรรมนูญประกันสิทธิเฉพาะคนชาติ
ชาตินิยมเพิ่งรุนแรงสมัยจอมพล
และหากเราว่า กฎหมายระหว่างประเทศผูกพันรัฐ และกฎหมายสิทธิมนุษยชนผูกพันรัฐไทย แล้วกฎหมายไทยจะประกันสิทธิเฉพาะคนสัญชาติไทย ไม่ประกันคนต่างด้าวน่ะหรือ ? ก็เลือกปฏิบัตินะคะ
คนในสถานการณ์เดียวกันไม่น่าต่างกัน
เห็นต่างกันได้ค่ะ มันเป็นความเห็น
อืมม
ลืม code น่ะค่ะ ว่า code มา
เดี๋ยวขอไปค้น source มาแปะก่อนนะคะ
ขออภัยค่ะ