การทำลายตัวเองของสังคมโมหะภูมิ จดหมายข่าวกัลยาณมิตร ฉบับที่2


ทางรอด ทางออก

 

 

Matrix Revolutions screen capture

The Kid: After being the first to 'self-substantiate', The Kid volunteers to fight in the war and ends up taking over Captain Mifune's APU when Mifune succumbs. The Kid is then responsible for opening the hanger doors in time for the Hammer to bust through. 

From : The Matrix Revolution
สวัสดีครับ กัลยาณมิตรกัลยาณธรรมทุกๆท่าน 
ก่อนอื่นผู้เขียนต้องขอออกตัวก่อนว่า จมข่าวฉบับนี้ มีทั้ง ภาพจริง(Face)ที่เห็นในสังคม ความเห็นส่วนตัวและความรู้สึกของผู้เขียนปนอยู่มาก ดังนั้นผู้อ่านควรพิจารณาอย่างยิ่ง เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงตามมุมมองของท่านผู้อ่านเอง 
เริ่มต้นจดหมายข่าวฉบับนี้ด้วยภาพ "ความจริงเสมือน" ที่ดูจะเป็นตัวแทนสัญลักษณ์สภาพเหตุการณ์ปัจจุบันของชาวพุทธได้ดี ภาพยนต์อภิปรัชญาเรื่องนี้ แม้จะขายสิ่งที่ Hollywood ขายกันทั่วไปคือ สงคราม ความรุนแรง และความเกินธรรมดา เกินจริง แต่ได้แฝงเนื้อหาสาระมาอย่างแนบเนียน คือใช้บริโภคนิยมเป็นเครื่องนำสาร ไปสู่สังคมวงกว้างชนิดที่ทั้งโลกจับตามอง
ทำนองเดียวกันกับที่ภาพยนต์ ซีรีย์สัญชาติเกาหลี ที่ใช้ ความรัก ความหลง ในวัยสดใสของวัยรุ่น เพื่อแทรกซึมคุณค่าแท้ของความรักและคุณธรรม ให้ไปถึงผู้ชม 
ซึ่งตรงกันข้ามกับสื่อในบ้านเรา ที่ใช้เนื้อหา ทางเพศ ความรุนแรง และบริโภคนิยม (โลภ โกรธ หลง) เป็นจุดขาย โดยไปไม่ถึงแก่นแท้ หรือสารที่จะนำไปสู่การเรียนรู้คุณธรรมของผู้คน เราจึงเห็นภาพที่ "ข่าวชั่วๆลงฟรี ข่าวดีๆเสียตังค์" และ สื่อยั่วยุทางเพศ โดยที่เด็กๆของเราสามารถเสพสื่อเหล่านี้ ง่ายยิ่งกว่าซื้อขนม  หากเราจะเปลี่ยนแปลงฟื้นฟูสังคมที่แย่ๆนี้ "สัมมาวาจา" หรือสื่อจะเป็นห้องเรียนใหญ่ของเยาวชนที่สำคัญ และหากเราไม่สามารถยึดยุทธศาสตร์นี้ให้ได้ "มิจฉาวาจา" ก็จะเป็นกลจักรสำคัญที่ทำร้ายประเทศชาติ ทำร้ายลูกหลานของเราต่อไป     
และก่อนที่เราจะทำลายตัวเอง  the first to 'self-substantiateด้วยพลังสามประสาน  เศรษฐกิจบริโภคนิยม+การเมือง+การศึกษา 
คำถามที่เราควรตระหนักยิ่งก็คือ เราเห็นเหตุการณ์ความเป็นไป ที่ว่าเรากำลังทำลายตัวเองชัดหรือปล่า?

เรามีความสามารถที่ใช้วิชา "มองตามจริง" และ"เห็นภาพรวม"ชัดแค่ไหน?

ทั้งหมดนี้อาจจะอธิบายได้ด้วยทฤษฎีกบ 

[frog_in_pot_of_hot_water.png]

ทฤษฎีกบต้ม นั้น ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับชาวพุทธ ที่เป็น "ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน" แต่มันก็เกิดขึ้น 
การที่สังคมเราค่อยๆเปลี่ยนแปลง การที่พระและวิถีชีวิตชาวพุทธค่อยๆถูกถอดออกจากการศึกษาและสังคมไทย มาเป็นเวลา 50-60ปีนั้น
มันทำให้ชาวพุทธส่วนใหญ่นั้นไม่เป็นพุทธ เป็นผู้ประมาทและผู้หลับไหล ชนิดที่เรียกได้ว่า Sleep now in fire 

พอมีเหตุให้สะดุ้งตื่นจาก the first to 'self-substantiate' ปัญหาที่หมักหมมมา 50-60ปีนั้น จึงทำให้เราจับต้นชนปลายไม่ถูก ปัญหาทุกอย่าง
เชื่อมโยงและมีผลถึงกันหมด ต่างฝ่ายต่างกล่าวโทษกัน ปัจจัยแห่งความแตกแยกก็เร่งให้เกิดการทำลายตัวเองเร็วขึ้น โดยทั้งนักวิทยาศาสตร์และผู้พยากรณ์ ทั้งหลาย ต่างมีความเห็นเดียวกันว่า break event point หรือจุดแตกหักจะมาถึงในอีกไม่ช้านี้  
   
หากเราสามารถเห็นภาพรวม ความเป็นไปของทุกภาคส่วนในสังคม ด้วย Bird eye view อย่างเช่นที่ในหลวงทรงมองเห็นประชาชนของพระองค์และทุกภาคส่วนในสังคม รวมถึงทิศทางกระแสของโลก ก็จะมองเห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้

 

 

                                         เมืองแห่งโมหะภูมิ

 



หรือแม้ว่า เราเองที่เป็นคนเล็กคนน้อย อยู่ในจิ๊กซอชิ้นเล็กๆ มองเห็นเพียงส่วนเดียว ก็สามารถพยากรหรือเห็นทิศทางแนวโน้มของภาพรวมได้เช่นกัน
จากหลักการภาวนา ที่เลือกสุ่มสภาวะจิตขึ้นมาดูและสังเกตุ เพียงคู่สภาวะ หากปฏิบัติจนชำนาญก็ทำให้สามารถรู้ถึงสภาวะจิตอื่นๆได้ด้วย เปรียบดั่ง"ใบไม้เพียงกำมือเดียว" แม้จะไม่ใช่ขั้นปรมัตถ์ แต่เราก็สามารถนำหลักการนี้มาใช้ในขั้นพื้นฐานได้เช่นเดียวกัน

อยากจะให้น้องๆเยาวชนและคุณครูที่ได้อ่านจดหมายข่าวฉบับนี้ได้ทดลอง มองภาพรวมของสังคมจากภาพย่อยดูครับ

หากเปรียบเทียบสภาพสังคมในโรงเรียน>>>เป็นดั่งประเทศไทย 
ผอ.ผู้บริหาร                                >>> เป็นดั่งนายกรัฐมนตรีผู้บริหารประเทศ 
คุณครูและน้องๆที่ทำโครงงานคุณธรรม >>> เป็นเหมือน NGO และหน่วยงานที่ทำงานเพื่อสังคมอย่างแท้จริง 
นักเรียนแต่ละชั้น                           >>> เป็นเหมือนประชาชนทุกภาคส่วน

พวกเราเห็นสังคมของประเทศเป็นเช่นไร?   

แรงเสียดทานที่คนทำงานด้านคุณธรรมได้รับ คำบ่นว่าของครูสายวิชาการ ผอ.ไม่เห้นด้วยไม่สนับสนุน บางโรงเรียนก็ร้ายถึงขั้นขัดขวางกลั่นแกล้ง 
นาๆประการ ไม่เห็นค่า ไม่สนับสนุนให้เด็กๆได้เป็นเจ้าของและลุกขึ้นมาทำความดี พร้อมอ้างเหตุผลนาๆประการ เสียการเรียน เสียเวลา เสียทรัพยากร

นักเรียนกลุ่มเกเร มักจะรวมกลุ่มกันได้ดี หนีเรียน สูบบุหรี่ ติดยาเสพติด มั่วเพศ ฯ  ขาดจิตสำนึก ทิ้งขยะ ทำลาย ขีดเขียนโต๊ะ เก้าอี้เรียน  
ส่วนนักเรียนที่เรียนดีมุ่งวิชาการเพียงอย่างเดียวไม่สนใจอย่างอื่นก็มีมาก เหลือครูและนักเรียนที่ทุ่มแททำอะไรเพื่อโรงเรียนและชุมชนไม่กี่คน  คุณครูหมวดสังคม และคุณครูวิชาพุทธศาสนาที่ทำหน้าที่ของตนอย่างจริงจังมีเพียงไม่กี่คน และมักจะโดนรังแกจาก ผู้บริหารหรือครูหมวดอื่น งบประมาณ การสนับสนุนก็น้อยลงๆ รู้สึกต่ำต้อยด้อยค่า เหี่ยวเฉาอดทนทำหน้าที่ไปวันๆ ครูดีๆ มักจะทนอยู่ไม่ได้ เออลี่รีไทน์ไปก็มาก.. มีข่าวไม่ดีต่างๆเกิดขึ้นกับครูมากมาย ครูใช้ความรุนแรงทำร้ายนักเรียน  ครูที่หากินกับเด็กด้วยสถาบันกวดวิชา ฯลฯ

จากการสุ่มตัวอย่างขึ้นมาดูและเหตุการณ์ต่างๆที่พวกเราได้ประสบด้วยตนเองนั้นเด่นชัด อยู่ในมโนสำนึก เพียงพอที่จะมองเห็นสภาพสังคมโดยรวม


  
  

   การที่ปัจจัยความเสื่อมมีกำลังมาก คนไม่ดีรวมกลุ่มกันด้วยผลประโยชน์ มีทรัพย์ มีสื่อ มีอำนาจ  คนดีแตกแยกด้วยทิฐิ ต่างคนต่างทำ
   ไม่มีพลังไปในทิศทางที่เป็นยุทธศาสตร์เดียวกัน ขาดกำลังทรัพย์ กำลังสื่อ และอำนาจ แนวโน้มของประเทศชาติจึงดิ่งเหวอย่างไม่ต้องสงสัย
 
   ขึ้นอยู่ว่าจะดิ่งลงและล่มสลายแบบ  L- curve   หรือสามารถกลับมาฟื้นฟูได้แบบ  U-curve  
   
   ชาวพุทธเชื่อในเหตุผลและกฏแห่งการกระทำ แม้ไม่มีใครต้องการให้สังคมไทยต้องล่มสลายไปต่อหน้าต่อตา และมีหลายภาคส่วนที่พยายามจะแก้ไขสิ่ง  ที่จะเกิดขึ้น แต่ยิ่งแก้จะยิ่งยุ่ง เช่นเดียวกันกับ ปรากฏการณ์เหลืองแดง  ด้วยกำลังอันน้อยนิดที่มีอยู่ เราจึงมิอาจเปลี่ยนกระแสกรรม หรือแก้ไขเหตุการณ์  ปัจจุบัน ที่เกิดจาก "บาปมวลรวมประชาชาติ" ได้
   
   ดังนั้นจึงจำเป็นที่ต้องมีคนกลุ่มหนึ่งที่คิดต่าง ไม่คิดที่จะแก้ไข แต่ต้องทำให้คนดีรวมกลุ่มกันและทุ่มกำลังที่มีอยู่ช่วยกันสร้างเหตุปัจจัยแห่งการฟื้นฟู  ให้มีปริมาณและคุณภาพเพียงพอที่จะ "ฝ่า กู้ ฟู" ร่วมกันแหวกวงล้อมหายนะและผ่านพ้นช่วงวิกฤติ break event point ไปได้ (อยากจะเรียกว่า break evil point มากกว่า)  เพราะมิเช่นนั้นแล้ว 

   และปัจจัยแห่งการฟื้นฟูที่สำคัญอย่างหนึ่ง นอกจากให้คนดีรวมกลุ่มกันแล้ว นั่นก็คือ " Kid volunteers
   
   ใน จม.ข่าวฉบับต่อไป อยากจะเชิญชวนกัลยาณมิตรทุกท่านช่วยกันคิดช่วยกันส่งวิธี ที่สามารถทำให้คนดีรวมกลุ่มกัน และการสร้างยุวชนอาสา ที่มีกำลังมี  มีสติปัญญา ผนึกกำลังกัน พอที่จะฝ่าวงล้อมวิกฤติของชาติไปได้     
  



  -------------------------------------------------------

  ข่าว ประชาสัมพันธ์และเชิญชวนกัลยาณมิตรมา "เริ่มด้วยช่วยกัน"

  
 
ขอเชิญชวนกัลยาณมิตรทุกท่าน มาร่วมกันชื่นชม เป็นกำลังใจ ให้กับเยาวชน ที่ร่วมกันทำความดีผ่านนวัตกรรมโครงงานคุณธรรม 
 
ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพอาหารและของว่าง ในการเข้าค่ายของคณะครูและเด็กๆนักเรียนกว่า300 ชีวิต จาก 59 โรงเรียนทั่วประเทศ 
  
หรือร่วมให้ทุนการศึกษา ผ้าป่ากองทุนให้เยาวชนกลับไปสร้างศูนย์เรียนรู้โครงงานคุณธรรม ที่จังหวัด ท้องถิ่นในโรงเรียนของตน 
ได้ในวันจัดค่าย  ตามกำลังจิตศรัทธาครับ  

 --------------------------------------------------------
    
สาธุๆๆ
อนุโมทนา
      
หมายเลขบันทึก: 278489เขียนเมื่อ 20 กรกฎาคม 2009 20:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 08:05 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท