ปฐมเหตุ สู่ทางรอด จดหมายข่าวกัลยาณมิตร ฉบับที่1


ทางรอด ทางออกของสังคมไทย

 

(สัจจะที่ได้ให้ไว้และงานเขียนของน้องๆก็เป็นเหตุให้เห็นความจำเป็นที่ต้องมีจม.ข่าวฉบับนี้)

ขอบใจมากที่น้องๆทุกคนตั้งใจเขียน  แม้มันจะเป็นเรื่องยากสำหรับนักเขียนมือใหม่ เรียกกันว่าต้องพยามบีบคอเค้นกันออกมาทีเดียว  

ในฐานะคนเบื้องหลังด้วยกัน อ่านแล้วก็รู้สึกชื่นชม 

ความจริงแล้ว หากไม่มีพื้นที่ให้ คนเบื้องหลัง ที่อาสาทำงานกันอย่างเหนื่อยยากลำบาก หนังสือเล่มนี้คงจะขาดอะไรที่สำคัญมากๆไป
เรียกได้ว่า สัมฤทธิ์ผลในการสื่อสารได้เพียง3/4ส่วน   

เพราะคนอ่านจะรับรู้แต่ผลสำเร็จของโครงการ อ่านแล้ว เปิดดูรูปแล้ว ก็บอกว่าดีนะแต่หยุดอยู่แค่นั้น.....  - * - ไม่คิดที่จะเสริมหนุนหรืออาสามาช่วยกันก็คงแย่
  
หากการสื่อสารมีพลังจริง หากผู้อ่านได้กำลังใจแรงบันดาลใจจากความดีที่เด็กๆเขาทำ แล้วคิดทำโครงงานดีๆต่อยอดกันไป ก็จะมีอานิสงค์ให้เกิดความดีกำทอน ต่อเนื่องกันไปไม่สิ้นสุด  

แต่ก็นั่นละ หากผู้อ่านไม่ได้รับรู้ความยากลำบาก หรือสิ่งที่หน่วยตรงกลางขาด ปีต่อๆไปเราก็จะเหนื่อยกันมากขึ้น งานขยายMassขึ้นในระดับประเทศตั้งแต่ปีแรก(ตอนนั้นยังมีแค่ ดร..... , พระอาจารย์และพี่เป้)  ผ่านมาสามปี งานขยายขึ้นๆ แต่คนทำงาน ที่เกาะติดกับโครงการส่วนกลาง ยังมีแค่มีเท่าเดิม  

วันก่อนพระอาจารย์ก็พูดกับพี่ซะ(สสส.) จนพี่ซะเองก็เซวว่า "ก็มีแต่พระผอมๆกับลูกศิษย์ผอมๆสองคนนี่ละ ที่ทำงานกัน" น่าสงสารเจ้ามาสคอตตัวดีไหม? ที่สิ่งที่เรียกว่าโครงงานคุณธรรมสามารถแทรกเข้าไปในระบบการศึกษาโมหะภูมิในสังคมไทยได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นและทำกันตามยะถากรรม แม้แต่ดร..... เองก็ยังแอบระบายความรู้สึกอึดอัดของคนที่ดูแลการศึกษาเมืองไทยว่า ท่านไปเวทีไหน เขาก็จะโยนทุกๆปัญหาของสังคม มาให้การศึกษา มีแต่บอกถึงปัญหาของเยาวชน ปัญหาของบ้านเมืองแต่ไม่มีใครที่จะอาสามาช่วยกันทำ ลำพังระบบราชการที่เทอะทะและเน่าแฟะแบบราชการทั่วๆไปแบบที่คนเล็กคนน้อยอย่างท่านช่วยประทังอยู่ ก็แทบไม่มีกำลังไปทำงานเชิงรุก ให้มีกำลังไปสู้กับกระแสโลกาพิบัติได้         

รัฐมนตรีแต่ละคนเข้ามาก็เปลี่ยนไว เข้ามาทีก็ต้องการงานอีเว้นสร้างภาพ คนระดับล่างลงมาก็ต้องวิ่งกันจัดงานสร้างภาพ(แบบที่อิมเพ็ค) ให้คุณท่าน ถ้าสมัยไหนเจอคนในระดับสูงที่ศรัทธาพุทธศาสนาหน่อยก็จะดีแบบพอประทังไปได้ แต่ถ้าสมัยไหนที่ได้คนที่เรียนโรงเรียนคริสต์ จบนอก(ส่วนใหญ่) หรือเป็นมุสลิมเป็นรัฐมนตรีเข้ามาบริหาร พุทธเราก็จะแย่หนัก

จะมีกี่คนไหมที่รู้ว่า เขาตั้งใจที่จะล้มวิถีพุทธกัน?       

จริงๆแล้วเรื่องนี้ก็พูดไม่ได้ และน้อยคนจะรับรู้ เพราะผู้น้อยในระบบราชการ คนเล็กคนน้อยที่เป็นเฟืองเป็นน๊อตตัวสำคัญก็จะถูกเจ้านายทั้งหลายเล่นงานในฐานเอาความจริงมาพูด ...........น่าสงสารพระพุทธศาสนาและเมืองไทยไหม? 

เรามาดูแนวโน้มบ้านเมืองจากสถานะการณ์ชาวพุทธตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันกันดีกว่า

1 สถานะการณ์ด้านการศึกษา

พระพุทธศาสนาอยู่รอดได้ด้วยการศึกษา เพราะความเป็นพุทธแท้โดยสภาวะ ไม่สามารถมีนักบวชที่ถืออาวุธไปเข่นฆ่าศาสนิกอื่นได้ (แบบคริสต์และอิสลาม) ไม่สามารถใช้กำลังบังคับให้ใครเปลี่ยนศาสนาเป็นพุทธได้  ไม่สามารถนำเงินหรือผลประโยชน์มาเป็นเครื่องมือชักจูงให้คนมานับถือได้(แบบที่คริสต์ อิสลามชื้อชาวเขาให้เปลี่ยนศาสนา และธรรมกายทำกัน) ทั้งนี้จะโทษศาสนาอื่นก็คงไม่ได้ เพราะศาสนิกอื่นทั้งคริสต์และอิสลามหรือแม้แต่พุทธเองเองก็ยากที่จะมีคนที่เข้าถึงหัวใจของศาสนาของตนๆอย่างแท้จริงได้(ธรรมกาย) เราจึงเห็นภาพของสงครามศาสนาที่เกิดจากความหลงผิดที่เรียกว่า Blind Believe 

การล่มสลายของพระพุทธศาสนาในอินเดียหรือที่อื่นๆ ก็เริ่มจาก การที่พุทธ เป็นพุทธแบบธรรมกายกันมากขึ้น นาลันทาคือสัญญาณบอกเหตุแห่งการล่มสลายของพุทธศาสนา และวัดใหญ่ๆอย่างธรรมกายก็กำลังก้าวสู่ภาพนั้นในอดีต 

น้องๆรู้สึกไหมว่า ตั้งแต่เรียนๆกันมา ประถม มัธยม และ มหาลัย ทำไม?.... 
วิชาพระพุทธศาสนา จากที่เคยเป็นวิชาบังคับ มีหลายคาบ ก็มีคาบเรียนน้อยลง และเราก็เรียนและมองว่าวิชาพระพุทธศาสนาน่าเบื่อ ล้าสมัย 
จากคาบเรียนที่มีหลายชั่วโมง ก็ลดลงเหลือชั่วโมงเดียว
จากที่เคยสวดมนต์ใหญ่กันทุกสัปดาห์ ก็เหลือแค่หน้าเสาธง
จากวิชาบังคับก็กลายเป็นวิชาเลือก

คุณครูหมวดสังคม และคุณครูวิชาพุทธศาสนา มักจะโดนรังแกจาก ผู้บริหารหรือครูหมวดอื่น
งบประมาณ การสนับสนุนก็น้อยลงๆ ครูผู้สอนรู้สึกต่ำต้อยด้อยค่า เหี่ยวเฉาอดทนทำหน้าที่ไปวันๆ

ครูดีๆ มักจะทนอยู่ไม่ได้ เออลี่รีไทน์ไปก็มาก.. 
ครูที่หากินกับเด็กด้วยสถาบันกวดวิชาก็ผุดขึ้นราวดอกเห็ด เหมือนหลุมพรางที่ระบบการศึกษาเมืองไทยวางไว้+ค่านิยมของผู้ปกครอง และความหลงผิดของเด็กที่มุ่งพัฒนาความจำระยะสั้น ก็ตกเป็นเหยื่อของสิ่งเหล่านี้ 

สุดท้ายแล้ว วิชาพุทธศาสนาก็จะไม่เหลือแม้วิชาเลือก หากโรงเรียนวิถีพุทธไม่เข้ามา
เรื่องนี้คงต้องถามความรู้สึกและสถานการณ์ของผู้เรียน และครูผู้สอนอย่างครูโต หรือครูชะบาโดยตรง 
  
หากเขาล้มโรงเรียนวิถีพุทธได้หรือแซกซึมเข้ามาทำลายภายใน อย่างที่ธรรมกายทำอยู่ 
ปราการด่านสุดท้าย สุดท้ายของที่สุด แม้วิชาที่ไม่เป็นวิชาในคาบเรียน อย่างโครงงานคุณธรรมที่พระอาจารย์ได้เริ่มขึ้นก็จะถูกกลืนไปหมด

อยากให้ทุกท่านเข้าใจสภาพปัญหาตระหนักรู้และเห็นความสำคัญของเรื่องนี้ 

2 สถานะการณ์ด้านสงฆ์

สถานการณ์ด้านสงฆ์เอง ก็ย่ำแย่ไม่แพ้กัน เราคงเห็นข่าวไม่ดีเกี่ยวกับพระอยู่บ่อยๆ แต่ละครั้งก็กระทบถึงศรัทธาของชาวพุทธ ในเวทีแสดงผลงานทางวิชาการด้านการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมของสถาบันแห่งหนึ่ง ผู้บรรยายออกมาพูด โยนบาปความเสื่อมทรามของสังคมให้พระ กล่าวโทษต่างๆนาๆเกี่ยวกับภาพไม่ดีของพระที่ออกมาทางสื่อต่างๆ  สิ่งไม่ดีต่างๆของพระกลายเป็นเรื่องตลกขบขันของคนในห้องบรรยาย   

ผลงานวิจัยเขาสรุปออกมาข้อหนึ่งที่เห็นตรงกันก็คือ 
ศีลธรรมของสังคมแย่เพราะ วันหยุดราชการเปลี่ยนจากวันโกนวันพระ เป็นเสาร์อาทิตย์ 

ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า สิ่งที่เขาพูดนั้น แม้เป็นภาพจริง แต่ก็มิใช่ความชอบธรรมที่จะมาโยนบาปทั้งหมดให้สงฆ์ได้ เพราะปัจจุบันนั้นหายากที่จะมีพระที่รักษาวินัยเคร่งครัด การที่สมมุติสงฆ์ย่อหย่อนด้านวินัยนั้นเป็นสิ่งบอกเหตุแห่งความเสื่อมได้เช่นกัน 

แต่สิ่งที่นักวิชาการ นักวิชาเกิน ดอกเตอร์เหล่านั้นไม่รู้ก็คือ พวกเขาเองนั่นละเป็นต้นเหตุของความเสื่อม

เรื่องนี้เกิดจาก ปลายสมัยการล่าอณานิคมของประเทศตะวันตก มิชชันนารีผู้เผยแพร่ศาสนาคริสต์ในสมัยนั้น เมื่อมาถึงประเทศไทย ก็ต้องพบกับความชาญฉลาดของพระมหากษัตริย์ไทยที่สามารถรักษาเอกราชของบ้านเมืองไว้ได้ และใช้วิธีโอนอ่อน ยอมงอไม่ยอมหัก ประกอบกับเสรีภาพในการนับถือศาสนาของคนไทยและปราการที่เข้มแข็งของศาสนาพุทธ ทำให้นักปราชญ์นักการศาสนาในสมัยนั้นต้องกลับไปทบทวนวิธีการใหม่ๆในการเผยแพร่ศาสนาของตน 

ต่อมาเมื่อกระแสปฎิวัติและเรียกร้องเสรีภาพกระจายไปทั่วโลก มหาอำนาจจำเป็นต้องปล่อยให้ประเทศต่างๆปกครองตนเองอย่างเสรีภาพ มรดกที่จะปกครองโลกได้ก็คือทำให้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ทั่วโลกสื่อสารกัน 

ต่อมาในสมัยหลังสงครามโลกครั้งที่2 หลังที่สหรัฐบอบช้ำจากสงครามเวียดนาม  พวกเขาเริ่มเรียนรู้ได้ว่า การปกครองโลกนั้นมิอาจเอาชนะได้ด้วยกำลังทหารเพียงอย่างเดียว จึงพยายามคิดค้นหาวิธีเอาชนะโดยการปกครองแบบไม่ปกครอง วิธีการอันลึกซึ้งเช่นนี้ ที่มีชื่อว่า NEW WORLD ORDER  วิธีแยบคายนี้คือการปกครองด้วยสื่อมายาคติและศาสตร์ลับในการสะกดจิตครอบงำผู้คน     

หลังจากนั้นไม่นาน กระแสที่มีชื่อว่าโลกาภิวัฒน์(โลกาพิบัติ) ก็กระจายไปทั่วโลกด้วยแรงผลักของบริโภคนิยม 

เมื่อไทยหันไปนิยมฝรั่ง ก็ไปเข้าทางของพวกเขา การปกครองโดยไม่ปกครองจึงเกิดขึ้น สมัยโบราณแม้พระมหากษัตริย์ไทยจะทรงปรีชาสามารถรักษาเอกราชของชาติไทยไว้ได้ แต่ปัจจุบันเรากลับตกเป็นทาสของต่างชาติ ทาสของระบบทุน และทาสกิเลสตัณหา เป็นทาสที่ไม่รู้ตัวว่าเป็นทาส แม้รู้ตัวว่าเป็นทาส ก็มีความยินดีในสถานะที่ตนเป็นทาสไปเสียแล้ว

เมื่อศาสนาคริสต์เริ่มรุกเข้ามาระลอกใหม่ด้วยการศึกษา ชนชั้นปกครองของไทย ลูกท่านหลานเธอมีค่านิยมเรียนโรงเรียนคริสเตียน จบแล้วก็ไปต่อเมืองนอก เมือกลับมาได้เป็นใหญ่เป็นโตปกครองบ้านเมืองก็หยิ่งผยองพองขน ดูถูกเหยียดหยามความเป็นชาติ ศาสนาของตน การออกกฏหมายหรือนโยบายต่างๆ ก็ค่อยๆถอดความเป็นพุทธออกไปจากการศึกษาไทย
เมื่อพระถูกนักวิชาการตะวันตก แยกพระและการศึกษาไทยออกจากกัน(จากที่ยั่งยืนเคียงคู่สังคมไทยมาได้จนถึงสมัยปฎิรูปการปกครอง)  
เมื่อพระไม่มีหน้าที่สอนอย่างที่เคยเป็นมาในอดีต ไม่มีโอกาศปกครองประเทศโดยไม่ปกครอง(ปกครองบริหารประเทศผ่านการเป็นพระอาจารย์ของกษัตริย์และขุนนาง ข้าราชการชนชั้นปกครอง) พระไม่บทบาทในการศึกษาของสังคมไทย เมื่อท่านอยู่ว่างๆมา60-70ปี ไม่ได้พัฒนาตนเพื่อที่จะสอนลูกศิษย์ พระก็หันไปพัฒนาวัตถุ แข่งกันสร้างวัดใหญ่ๆ แข่งกันสร้างสำนักและพระเครื่องแทน 
เมื่อวิถีชาวพุทธถูกตัดขาดจากการเปลี่ยนวันหยุดจากวันโกนวันพระ คนที่ไม่ได้ทำบุญร่วมกันบ่อยๆ มีแต่จับกลุ่มกันทำบาปร่วมกันบ่อยๆ สังคมเราจึงแตกแยกไม่สิ้นสุด คนไม่ดีสามารถรวมกันได้และเข้มแข็งด้วยทุนและผลประโยชน์ คนดีกลับแตกแยกกันด้วยทิฐิ 
แม้ครั้งนี้ ศริสต์ศาสนาจะไม่สามารถแผ่ขยายเข้ามาในไทยได้อย่างไม่ชัดเจนนักแต่ก็มีกำลังมหาศาลในการเปลี่ยนสังคมไทย เมื่อศาสนาหรือภายในอ่อนแอ ภายนอกก็จะเข้ามาทำลายได้โดยง่าย 
ด้านอิสลามเองนั้นแม้จะมีส่วนน้อยแต่เขาเข้มแข็งมาก มีทุนมหาศาลจากต่างชาติคอยหนุน ทุกครั้งที่พุทธแตกแยกทางการเมือง ส.ส.ของเขาจะสามารถผลักดันกฏหมายสำคัญๆของมุสลิมได้หลายฉบับ เหตุการณ์สำคัญครั้งจะมีการบัญญัติพระพุทธศาสนาให้เป็นศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญนั้น ทั้งชาวพุทธที่ไม่เข้าใจ และศาสนิกอื่นเขาก็ขวางอย่างสุดกำลัง และใช้ความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนใต้ในการกดดันและจิตวิทยามวลชนอีกทาง 
  
เมื่อเหตและผลผลและเหตุวนหมุนเชื่อมโยงประสานซึ่งกันและกัน ปัญหาสังคมที่สลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนที่ปรากฏเป็นภาวะวิกฤติต่างๆในปัจจุบันนั้น เป็นดั่ง หากไม่สามารถหาต้นเหตุของโรคที่แท้จริง เราก็จะรักษาได้แต่อาการของโรคแทรกซ้อนและปลายเหตุ
กว่าจะรู้ตัวว่าเป็นมะเร็งขั้นสุดท้าย ก็ยากจะเยียวยาป้องกันรักษา
พระมหาวิชาญท่านเมตตาบอกว่า  พระสายวัดป่าจะเป็นปราการสุดท้ายของชาวพุทธ บริโภคนิยมที่เป็นดั่งศาสตราวุธเข้ามาสู่ท่าน ก็จะกลายเป็นข้าวตอกดอกไม้มีอาจมีผลต่อท่านได้ ทำให้เราพออุ่นใจได้ขั้นหนึ่ง แต่กระนั้นก็ตาม สภาวะของชาวพุทธมีลักษณะที่ไม่สามารถแยกโยมกับพระหรือแยกโลกออกจากธรรม หากสังคมของฆารวาสไม่เข้มแข็งก็จะส่งผลกระทบถึงการคงอยู่ของสงฆ์ด้วย หากคนหมู่ใหญ่หรือชนชั้นปกครองมิได้นับถือหรือให้ความสำคัญกับพุทธศาสนา ทำนองเดียวกับที่ไม่ต้องการให้บัญญัติคำว่าศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญ การคงอยู่ของปราการด่านสุดท้ายที่เข็มแข็ง ก็มิอาจเกิดขึ้นได้ เช่นเดียวกันกับเหตุการณ์การล่มสลายของพุทธศาสนาในมุมต่างๆของโลกในอดีต  
      
3 สถานะการณ์ด้านการเมืองการปกครอง

เช่นเดียวกันกับวิกติด้านอื่นๆ การโกงกินคอรัปชั่น วิกฤติเหลืองแดง หรือความตั้งใจล้มล้างสถาบันนั้น เป็นการเตือนให้เรารู้ว่า เรากำลัังเป็นมะเร็งขั้นสุดท้าย จากภาพย่อยและภาพรวมเท่าที่เห็นนี้ คงบ่งบอกได้ว่า หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเราจะต้องหายนะในเร็ววันข้างหน้า  

ทางรอดและการฟื้นฟู 

สคส.ปี47 ที่ในหลวงมอบให้พวกเรา พร้อมกับมีคุณทองแดงอีกเจ็ดตัวด้านล่าง ขวาสุดจะตัวเล็กและกำลังหมอบ ซ้ายสุดตัวใหญ่ อยู่ในท่ายืน 

 เป็นปริศนาธรรมที่ท่านตั้งใจจะบอกอะไรคนไทยทั้งประเทศหรือ? 

 2547+7=2554? 
                                         
                  ส.ค.ส. พ.ศ.๒๕๔๗ สวัสดีปีใหม่ 

ใต้ลงมา เป็นภาพแผนที่บริเวณคาบสมุทรอินโดจีน บนพื้นที่เป็นภาพตารางช่องเล็กๆ ด้านบนทั้งสองด้าน มีเสาธงปักอยู่ มีภาพระเบิดและควันล้อมรอบ คาบสมุทรอินโดจีนอยู่ทั้ง 4 ด้าน ด้านบนซ้ายมีข้อความว่า มีระเบิดเกือบทั่วโลก
ใต้ภาพระเบิดลงมาเป็นภาพเรือสำเภาขนาดใหญ่ แล่นมาจากทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ที่ใบเรือ ด้านหลัง มีอักษร ม.ช.ปรากฏอยู่ บนคาบสมุทรอินโดจีนเป็นภาพแผนที่ประเทศไทยสีขาว ที่ขนานกับส่วนที่เป็น ด้ามขวาน เป็นเส้นตรงสามเส้น บนแผนที่ประเทศไทยมีข้อความว่า สามัคคีเป็นพลังค้ำจุนแผ่นดินไทย เส้นตรงทั้งสามเส้นนั้นเปรียบเป็นเสาหลักของประเทศ ขณะที่ความสามัคคีของคนในชาติเป็นพลัง ที่ร่วมกันค้ำจุนให้ประเทศไทยเป็นปึกแผ่นมั่งคง 
ด้านล่างลงมามีข้อความว่า ขอจงมีความสุขความเจริญ
บรรทัดต่อมาเป็นอักษรภาษาอังกฤษว่า Happy New Year และมีภาพสุนัข ขนาบข้างละตัว 
กรอบล่างด้านใน มีข้อความว่า ก.ส. 9 ปรุง 291929 ธันวาคม 2546 มหาวิทยาลัยปูทะเลย์ บ้านเชียง และมีภาพสุนัข ขนาบ 2 ข้างคำว่า ห้าพันปี ตัวหนึ่งไม่มีปลอกคอ อีกตัวหนึ่งมีปลอกคอ
ส่วนกรอบล่างด้านนอกเป็นภาพสุนัขขนาดลดหลั่นกันรวม 7 ตัว ตัวใหญ่สุดยืนเต็มตัวอยู่ด้านซ้าย ตัวถัดไปค่อยๆ ย่อตัวลง และขนาดเล็กลงไปเรื่อยๆ จนถึงตัวสุดท้ายด้านขวาสุดเป็นสุนัขตัวเล็ก นอนหมอบอยู่ 
 
 ซึ่งต่อจากนี้ไปอาจจะมีเวลาเพียง 2-3ปี หรือปี 2555 เกิดอะไรขึ้น? 

 ประเทศชาติจะอยู่รอดด้วยความสามัคคี 

พระองค์ทรงพระราชทานทางออกให้คนไทยทั้งชาติ นั่นคือ การก่อตั้ง ปูทะเลย์มหาวิชชาลัย และ 9วิธีฟื้นฟูชาติ

ทางออกมิใช่การแก้ไข แต่เป็นการฟื้นฟู

มหาลัยเป็น สถาบันเปลี่ยนนิสัย  "กรงขังของวิชาได้ครอบงำความรู้ความคิด แต่เปิดประตูกว้างในการดำเนินชีวิต" 

โครงงานคุณธรรมเป็นเพียงนวัตกรรมแก้ปัญหาเฉพาะหน้า หากยังไม่สามารถก้าวเข้าสู่ระดับมหาวิทยาลัย โมหะภูมิก็ยังคงครอบงำสังคมไทยต่อไป คงน่าเสียดายหากเด็กๆที่ใสๆจากมัธยม ที่โรงเรียนวิถีพุทธและโดยเฉพาะสามประสาน รุ่งอรุณ สยามสามไตร และปัญญาประทีป พยายามบ่มเพาะปลูกฝังต้องกลายเป็นคนที่กร้านชีวิตในระดับมหาลัย

มหาลัยเป็นกลจักรหนึ่งที่ทำให้สังคมเราแย่จนถึงทุกวันนี้ 
เพราะเขาผลิตได้ แค่ 
คนเก่งแต่เห็นแก่ตัว จบไปก็โกงกินบ้านเมือง 
คนธรรมดา ที่จบไปก็หาเลี้ยงปากท้องของตัวเอง ถ้าดีหน่อยก็หาเลี้ยงพ่อแม่ด้วย 

คนสองกลุ่มนี้ มหาลัยจะผลิตได้มากที่สุด 
กลุ่มที่คือคนที่มีอุดมการณ์ เสียสละทำเพื่อสังคมประเทศชาติ 

คนกลุ่มนี้ถูกปล่อยใ้ห้เกิดขึ้นตามยถากรรม โดยที่ไม่มี"เบ้าหลอม" ที่ควรจะเป็นแต่อย่างใด 
กลจักร ที่มีชื่อว่ามหาวิทยาลัย ที่ในอดีตถูกใช้เป็นเครื่องมือดึงคนจากต่างจังหวัดให้เป็นแรงงานราคาถูกในสมัยที่ไทยอยากจะเป็นนิค ปัจจุบันเครื่องมือชิ้นนี้ยังคงทำงาน อย่างเกินประสิทธิภาพ ลูกหลานไทยยังคงทิ้งบ้านเกิดและดูถูกรากเหง้าของตัวเอง
 
หากการศึกษาไทยและมหาวิทยาลัยยังคงเรียนแต่อวิชชา(ที่เข้าใจว่าเป็นวิชา) การศึกษา + เศษฐกิจทุนนิยม + การเมือง +สื่อ  ก็ยังเป็นกลจักรที่ทำร้ายและนำประเทศไทยสู่ความเสื่อมและล่มสลายในที่สุด

หากเรามีเวลาเพียง 2-3 ปีข้างหน้า ทางออกจึงอยู่ที่การเตรียมคน เตรียมพร้อมรับมือเพื่อฝ่าวิกฤติของบ้านเมืองที่จะเกิดขึ้น
เพราะศาสนาพุทธเชื่อในการกระทำ หากไม่เตรียมเหตุสำหรับการฟื้นฟู เราก็จะไม่มีกำลังพอที่จะฝ่าวิกฤติไปได้ 

เปลี่ยนมหาวิทยาลัยปัจจุบันให้กลายเป็น ปูทะเลย์มหาวิชชาลัย
ในเวลาอันสั้นนี้ คำว่ามหาวิชชาลัย จึงไม่ใช่มหาวิทยาลัย ที่มีภาพอย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน

คนไม่ดีรวมตัวกันด้วยง่ายผลประโยชน์ คนดีรวมตัวกันยากแตกแยกกันด้วยทิฐิ 
ขอทุกท่านร่วมมือร่วมใจกัน ลดทิฐิตัวตน ให้คนดีสามารถรวมกลุ่มกันสามัคคีได้ เริ่มบทบาทในเชิงรุก ร่วมคิด ร่วมสร้างก่อตั้งปูทะเลย์มหาวิชชาลัย ตามแนวพระราชนิพนธ์ เพื่อฟื้นฟูแผ่นดินนี้ 

สาธุๆๆ อนุโมทนา


มหาสติจากเหตุการณ์ในอดีต



หมายเลขบันทึก: 278480เขียนเมื่อ 20 กรกฎาคม 2009 20:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 มิถุนายน 2012 09:56 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท