ข้อหนึ่งในการสอบ


ทำไมเมฆถึงหลั่งน้ำตา ทำไมโลกนี้ต้องมีสัตว์ร้าย

           ครั้งหนึ่งที่ข้าพเจ้าได้มีโอกาสได้เรียน "การเขียนเชิงสร้างสรรค์" กับอาจารย์กรเพชร เพชรรุ่ง
มีข้อสอบข้อหนึ่งที่ข้าพเจ้าจดจำฝังแน่นในจิตใจ เป็นหัวข้อที่ใช้บุคลาธิษฐานในการแต่งเรื่องสั้น
โดยที่ตัวเราเป็นอยู่เลือกเรื่องที่จะแต่งเอง ข้าพเจ้าใช้เวลาในการคิดแก่นเรื่องไม่นาน แต่ยากที่สุด
ก็คือการวาดภาพแต่งแต้มสีตามเรื่องราวที่เราเขียน นับว่าข้อสอบข้อนี้ทำให้ข้าพเจ้าเหงื่อแตก
เนื่องจากวาดรูปไม่เป็น แต่อย่างไรข้าพเจ้าขอถ่ายทอดความทรงจำ ในเป็นเรื่องอ่านเล่นสำหรับทุกท่าน
ที่แวะมา

สัตว์ร้าย

ก้อมเมฆมหึมาลอยลำคล้ายนาวีแล่นอยู่กลางมหาสมุทร สีดำทมิฬเจือปนด้วยสีชาวหม่น ๆ  ยิ่งแลยิ่งสยองพองขน แต่ยิ่งเพ่งก้อนเมฆนี้ ยิ่งมีความรู้สึกว่าเมฆนั้นกำลังทุกข์ใจ คล้ายจะรินหลั่งน้ำตาร่วงลงมาเป็นฝอยฝน

“ก้อนเมฆจ๋าไยท่านจึงเศร้าหมองแห่งจิต หากไม่สบายใจร้องไห้ออกมาเถิด” ข้ากระโกนกล่าวขึ้นก้องฟ้า จนนานาสิ่งมีชีวิตทั้งหลายหลับใหลแตกตื่น เสียงนี้คงเหมือนปืนกัมปนาทที่ดังก้องทั่วบริเวณ

“สหายเอ๋ย ที่ข้าทุกข์ใจแลหม่นเศร้า ใช่เหตุเพราะตัวข้า แต่เพราะตัวเจ้า” เมฆก้มหน้า ส่ายไปมาสองสามที

เหตุใดท่านต้องเศร้าเพราะข้า เพื่อนเอ๋ย” ข้าส่งยิ้มขึ้นไป ทั้งโบกมือให้ เพื่อเพื่อนยากไม่เป็นกังกลแก่ใจอีก

“สักวันหนึ่งท่าน สหายเอ๋ย ... ต้องจากข้าไป” เมฆกล่าวด้วยสีหน้าถอดสี

ทุกชีวิตย่อมมีวันดับ สหายข้า ข้าปลงต่อทุกข์สิ่งแล้ว” ข้ากล่าวด้วยสีหน้าปกติ

“แต่มันไม่ไวถึงขนาดนี้” เมฆรีบกล่าวแย้งขึ้นมา

“แต่ท่านต้องยอมรับชะตากรรม” ข้ากล่าวขึ้น

แต่ข้าไม่..เพื่อนเอ๋ย” เมฆก้อนกัดฟันพูด สีหน้าเคร่งเครียด

แต่ท่านต้องทำใจ” ข้ากล่าวเพื่อหวังให้เพื่อนคลายกังวล

ตอนนี้ข้าต้องกลับก่อนะเพื่อนยาก สายลมกำลังพัดพาข้าไปทางทิศอุดร” เมฆก้อนยักษ์โบกมือลา

จ๊ะ..สหายข้า” ข้ายืนอยู่เบื้อล่างโบกมืออำลาเช่นเดียวกัน

                ในขณะที่ข้ากำลังโบกมือลา ข้าเห็นรอยน้ำตาเริ่มอาบหลั่งรอยสู่ปฐพีที่ข้ายืนอยู่

“เจ้าทำท่าจะร้องไห้ไปยังเพื่อนเอ๋ย” ข้าถามตัวข้าเองที่เพื่อนร้องไห้ ยามที่จากข้าไปเพียงชั่วครู่ทางทิศอุดร

“ฉึก...ฉึก” เสียงอะไรบางอย่างดังขึ้น

“ฉับ...ฉับ...ฉับ” เสียงดังขึ้นมาถี่ ๆ

“โครม” เสียงต้นไม้ใหญ่ล้มลงนอนกราบพื้น

“ลากขึ้นรถเร็ว ๆ” เสียงสัตว์ร้ายดังขึ้นอยู่ขณะที่ข้าหลับตา

“นี่ “ค่าตอบแทน” สัตว์ร้ายกลุ่มหนึ่งยื่นกระดาษหลายสิบแผ่นให้อีกกลุ่มหนึ่ง

“คราวหน้าเราต้องจับมือกันอีก” ทั้งสองฝ่ายยื่นมือซ้ายให้กัน

“ครืน...ครืน...ครืน...” เสียงก้อมเมฆเพื่อนเกลอย้อนทิศทางกลับมา

“เปรี้ยง...เปรี้ยง...” เขาเกรี้ยวกราดทำร้ายสัตว์ร้ายที่อยู่เบื้องร่างด้วยความโกรธา

“ครืนๆ...เปรี้ยงๆ...” เขาตะโกนร้องทั่วป่า ทั้งโจนตีเหล่าสัตว์ร้ายจนนอนระเนนอย่างราบคราบ

“สหายข้า...” เขาตะโกนเรียกข้า

อะไรล่ะท่าน”ข้าพยายามแผดเสียงขึ้นฟ้า ด้วยแรงที่ล้าเต็มที

“ข้าช่วยท่านช้าไป” เขาร้องไห้จนน้ำตาตกลงทั่วกายข้า รอยเลือดที่หลั่งก็เจิ่งนองเจือจางปนกับน้ำตาของเพื่อนเกลอ

“ข้าลาก่อนเพื่อนยาก มันคือชะตาที่ข้าต้องรับ” ข้ากล่าวด้วยเสียงสั่นๆ เครือๆในลำคอ

“มันไม่ใช่ชะตาเจ้า แต่มันคือความกร้านหยาบของจิตใจสัตว์ร้ายเหล่านั้น ที่พึ่งพิงเจ้ายามเล็กเท่าฝาหอย แต่กลับย้อนทำร้ายเมื่อได้รับการศึกษา แทนที่จะกลับมาช่วยเจ้า แต่กลับปอกลอกที่ร้ายสิ่งมีค่าอย่างเจ้าไป” เมฆก้อนกล่าวด้วยน้ำตา

ช่างเหอะเพื่อนเกลอแห่งข้า ยังไงเขาก็มองข้าแค่นี้ ปล่อยเขาเถิด” ข้ากล่าวด้วยกำลังเฮือกสุดท้าย ก่อนเดินทางร่วมกับพญายมราชที่รอคอยอยู่ข้างกาย

“ไม่.....................”เสียงดังปืนกัมปนาทดาษดังทั่วแผ่นฟ้า

 

 

เป็นผลงานสมัยยังอยู่ปี 2 อ่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรคือแรงบันดาลใจ แต่ข้าพเจ้าต้องขอขอบคุณ
อาจารย์กรเพชร เพขรรุ่งที่ทำให้ข้าพเจ้ารู้ว่า ไม่มีอะไกนความสามารถมนุษย์

คำสำคัญ (Tags): #เรื่องสั้น
หมายเลขบันทึก: 277918เขียนเมื่อ 18 กรกฎาคม 2009 22:27 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 08:03 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท