แปลก....ทำไมเหมือนมาจังหันที่ศาลาวัดตอนเย็น


ความอบอุ่นที่ผมไม่ได้เห็นมานาน

เมื่อปลายๆ เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ผมได้ไปออกค่ายที่ บ้านหนองบัวแปะ ต.ขามเรียน อ.ยางสีสุราช จ.มหาสารคาม

ในคืนแรกที่พี่น้องชาวค่ายมาถึง ในตอนเย็นชาวบ้านบอกว่าให้มากินข้าวร่วมกันเพื่อทำความรู้จักกันก่อนในคืนแรกที่มาถึง ความแปลกใหม่ที่ผมเห็นคือเหมือนกับการมาจังหัน หรือมาเพลที่วัด ในตอนกลางคืน ชาวบ้านได้ข้าวของ กะต่า ก่องข้าวเหนียว อาหาร แล้วเดินตามกันมาที่ศาลาที่พัก มีคนแก่ คนหนุ่ม (แตว่าบ้านนั้นไม่ค่อยมีคนหนุ่มคนสาว พวกเราเข้าไปเสมือนว่าเป็นคนหนุ่มสาวของหมู่บ้านนั้นไปเลย) เด็กก็มากับยายมากับแม่ ดูแล้วบรรยากาศมาวัดดีๆนี่เอง

                                    เหมือนมาวัดตอนเย็น

เมื่อมาถึงก็จัดหาอาหารออกกันยกใหญ่ ชาวค่ายกับชาวบ้านต่างช่วยกันจัดอาหาร ไม่นานกับข้าวก็พร้อมเมื่อทุกคนมาพร้อมกัน ก็ได้เวลากินข้าว ทุกคนกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันความอบอุ่นเกิดขึ้นมาในใจผมทันที นานแค่ไหนที่ผมไม่ได้กินข้าวร่วมกันมากขนาดนี้ ไม่ได้เห็นพ่อแม่ป้อนข้าวลูกที่นั่งอยู่ในตัก ไม่เห็นคนแก่ที่คุยเก่งๆมาพูดกันให้หัวเราะ ในรั้วมหาวิทยาลัยไม่มีโอกาศได้กินข้าวแบบนี้แน่นอนเว้นแต่ตอนกลับบ้านจะได้กินกับ พ่อ แม่ และญาติๆ แต่ก็นานๆครั้ง

ผมดีใจที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการออกค่ายคร้งนี้ และนี่เป็นคืนแรกที่ได้เจอบรรยากาศที่อบอุ่นอย่างนี้

                              ความอบอุ่นที่ไม่เห็นมานานแล้ว

วงข้าวแลงในวันนั้นผมรู้สึกว่าตัวเองกินข้าวได้แซบกว่าทุกๆวัน อาหารธรรมดาๆ ไม่มีชาวค่ายคนไหนที่กินไม่ได้ กับข้าวที่พอจะจำได้ก็มี แกงเห็ดปลวก (เห็ดโคน) แกงหน่อไม้  หมกอวก หมกหน่อไม้ ป่นปลา แจ่ว ผักหลวกมากมาย ฯลฯ ผมคงพูดไม่ได้หมดครับ อาหารทั้งหลายล้วนแต่เป็นอาหารที่ง่ายกินตามฤดู หน้าฝน มีปลา มีฮวก (ลูกอ็อด) หน่อไม้ เห็ด ธรรมชาติได้ให้อาหารมากมาย มีกล้วยที่ปลูกไว้ข้างบ้านโดยไม่ได้ซื้อหา ผมบอกได้เลยว่าอาหารทุกอย่างที่มีในวันนั้นไม่ได้ซื้อหาแม้แต่บาทเดียว

ความเรียบง่ายของที่นี่เป็นความสุขที่ทุกคนรอคอยมานาน แล้วก็ช่วยเติมความอบอุ่นในหัวใจผมได้อย่างเต็มที่ เมื่อทุกคนกินข้าวเสร็จก็ได้เวลาสนทนา คุยกันสร้างความสัมพันระหว่างชาวค่ายกับชาวบ้านกันต่อหลังจากการสนทนาในพาแลงคุยไม่เต็มที่เท่าไร (ข้าวติดคอคุยไม่เติมที่)

                                             กะต่าไปวัด

เราคุยกันสนุกสนานถามไถ่บ้านอยู่ไหน พ่อแม่พี่น้องความเป็นมาทำให้ทุกคนสนิทกันเร็วมากและรู้จักชื่อกันได้เร็ว เชื่อว่าพ่อแม่ที่บ้านหนองบัวแปะจำชื่อพวกเราชาวค่ายได้ทุกคน เพราะชาวค่ายทุกคนมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนกันเลยเห็นจำได้ทันที เราคุยกันได้ประมาณชั่วโมงก็เลิกคุย เพราะดึกมาแล้วชาวบ้านต้องนอนเร็วมีงานต้องทำในตอนเช้า

                    ยายสัว

เป็นความสุขที่เกิดขึ้นกับผม ความสุขที่มีค่ามากและผมก็โชคดีกว่าทุกคนที่ได้ร่วมออกค่ายในครั้งนี้ และอยากฝากไปยังเพื่อนๆที่ไม่ได้ไปว่า นอกรั้วมหาลัยมีอะไรให้เรียนรู้และค้นหาอีกมากมาย

หมายเลขบันทึก: 277799เขียนเมื่อ 18 กรกฎาคม 2009 15:39 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:06 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)
  • สวัสดีค่ะ
  • สังคมอิสานเป็นสังคมที่น่ารักค่ะ

สวัสดีครับ

1. pa_daeng

เมื่อ ส. 18 ก.ค. 2552 @ 15:44

1418813 [ลบ] [แจ้งลบ]

สังคมอีสานเป็นสังคมที่อบอุ่นครับ เวลากินข้าวต้องกินพร้อมกันขาดใครไม่ได้ต้องตามมาให้ครบ กินไปพูดคุยไป มีปัญหาอะไรก็คุยกันอบอุ่นๆครับ

อ่านแล้วคิดฮอดบ้านหลาย ๆ ครับ  ขอบคุณที่เข้าไปทักทายกันนะครับ   ขอบคุณด้วยใจจริง

 

สวัสดีครับ นายก้ามกุ้ง

ดีใจที่มีคนคิดถึงบ้านเหมือนกัน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท