วันนี้อยู่บุญ ทำงานมาตั้งแต่7.00 น
เดินไปมาในโรงพยาบาล ยังไม่ได้กลับมา
ขณะหนึ่งของความคิด ความรู้สึก เขาก็คิด รู้สึกขึ้นมาว่า
ทุกข์กายหนอ ๆๆ
เป็นทุกข์ทางกาย
ที่แสดงออกเป็นภาษาว่า เมื่อยว่าล้า ว่าหมดแรง ว่าปวดนั่นนี่
หรือทุกข์ที่หิว หิวๆ
เพราะว่าจิตเขาอยากที่จะสบาย
อยากที่จะพัก อยากที่จะเลิก
อยากที่จะกิน
ความทุกข์ทางกายเหล่านี้คือสภาวะที่เกิดขึ้นตรงข้ามกับความสบาย เบากาย
ลองสังเกตุเพิ่มว่า
เมื่อทุกข์กายมากเข้าๆๆ
ก็จะเห็นความโกรธ รำคาญ หงุดหงิด ซึ่งเป็นโทสะละเอียด โผล่ขึ้นมามากมาย เหมือนเขามาเป็นเพื่อนกัน มาประชุมกัน
แต่ก็มิได้อยู่นาน บางครั้งก็หายไปเอง เมื่อเราไม่ได้สนใจเขา ไม่ได้ใส่ใจเขามาก แค่รู้
แบบที่ครูบาอาจารย์ท่านสอนไว้ในหนังสือ หรือในซีดี(ไม่เคยเจอตัวจริงท่านก็มี เพราะบ้านอยู่บนดอยไกล ^_^)
แต่ก่อนเหมือนเขาจะดับยาก จะดับก็ต่อเมื่อเราทำตามเขา หรือตอบสนอง เช่นไปกิน ไปพัก หรือเเสดงออกทางกาย วาจา(ก่อกรรมเพิ่ม)
มองเข้าตัวเองจิตก็แอบแว๊ปไปดูคนอื่นๆ แต่ดูแบบว่า เขา อื่นๆ ใครๆ ก็คงเหมือนเรา
ทุกคนนั้นล้วนกลัว และไม่อยากพบกับเวทนาทางกาย รวมไปถึงทางใจ(แต่บางทีก็จำเป็นต้องอดทน)
ความอดทน และการแสดงออกหลังต้องเผชิญกับทุกข์ทางกายนั้น แตกต่างหลากหลาย แต่ก็เป้าหมายเดียวกัน คือเพื่อกลับไปสู่ความสบายกาย สบายใจ(ไม่เมือย ๆ อิ่มๆ )
แบ่งปันจากประสบกาณ์จริง ของหนึ่งสภาวะที่เกิดขณะทำงาน.......
ปล. ทุกข์ของบุคคลทั่วไปกับทุกข์ของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ที่ท่านบำเพ็ญปฏิบัตินั้นต่างกันมากมาย
ที่คนทั่วไปทุกนั้นยังไม่มากนัก ยังเเค่ส่วนเสี้ยวหนึ่งของท่าน
อ่านเรื่องเล่าประสบการณ์ภาวนาของท่านแล้วก็ทำให้หายกลัวทุกข์ และมีใจฮึกเหิม เข้มเเข็งขึ้นมาระดับหนึ่ง..
คุณหมอเห็นสภาวะได้บ่อยนะครับ
สาธุในการก้าวหน้าทางธรรมครับ
สวัสดีครับท่าน Phornphon ...
ขอบคุณในการเดินทางครั้งนี้ครับ...
ผมไปกราบหลวงพ่อมาแล้วนะครับ...
26 เมษายน 52
อยู่หลืบมุมท้ายสุดติดประตูเลย คนเยอะมาก
แต่ก็สุขใจครับ
ได้ความรู้สึกอีกแบบ จากการฟังซีดีท่าน