"ทำอย่างไรเมื่อลูกน้องขัดแย้งกันเอง"
ดิฉันมีโอกาสได้อ่านข้อเขียน เรื่อง ทำอย่างไรเมื่อลูกน้องขัดแย้งกัน จาก www.hrcenter.or.th เห็นว่าเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ เพราะปัญหาความขัดแย้งย่อมไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ สามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา และหากความขัดแย้งเกิดขึ้น โดยไม่รีบแก้ไข ปัญหาอาจจะเรื้อรังนำไปสู่ผลกระทบอื่นตามมา ในการทำงานก็เช่นเดียวกัน ความขัดแย้งย่อมเกิดขึ้นได้
ไม่ว่าด้วยสาเหตุใดก็ตาม ความขัดแย้งระหว่างหัวหน้าและลูกน้อง ระหว่างหัวหน้าและเพื่อนร่วมงาน รวมถึงระหว่าง
ลูกน้องด้วยกันเอง จึงขอยกตัวอย่างเหตุการณ์หนึ่งให้เพื่อน ๆ นักบริหารได้ลองขบคิดดู
“หากท่านเป็นหัวหน้างานที่จะต้องปกครองดูแลลูกน้องที่ไม่ถูกกัน ชอบทะเลากัน ขัดแย้งกันเองอยู่เสมอ ท่านจะทำอย่างไร” คำถามนี้เป็นของหัวหน้างานคนหนึ่งที่ต้องดูแลลูกน้องที่อายุงานมากกว่า ปัญหาก็คือลูกน้องคนนี้ไม่ถูกกับ
เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งที่เพิ่งจะโอนย้ายงานมาจากหน่วยงานอื่นที่มีอายุไล่เลี่ยกัน และจากความขัดแย้งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้
หัวหน้างานหนักอกหนักใจ ไม่รู้จะหาทางแก้ไขอย่างไรดี
ในมุมมองของผู้เขียนคิดว่า หากความขัดแย้งที่เกิดขึ้นนี้ไม่ส่งผลต่องานก็แล้วกันไป แต่หากส่งผลกระทบต่อการ
ทำงานย่อมไม่ดีแน่นอน จากกรณีความขัดแย้งของลูกน้องที่กล่าวถึงนั้น หัวหน้างานคนนั้นเล่าให้ฟังว่า ปัญหาเกิดขึ้น
กับงานอย่างแน่นอน พวกเขาไม่พูดคุยกัน ไม่ช่วยเหลือกัน อย่างเช่น เมื่อคนหนึ่งไม่มาทำงาน เพื่อนร่วมงานอีกคนไม่สนใจที่จะทำงานแทน ไม่สนใจที่จะรับสายโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมาจากโต๊ะของเพื่อนคนนั้น เวลามีลูกค้ามาติดต่อแทนที่จะรับเรื่องจากลูกค้า กลับตอบลูกค้าไปว่า “วันนี้เค้าไม่มา ให้มาติดต่อใหม่ในวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน”
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เป็นสัญญาณบอกเหตุว่า ผลงานของหัวหน้างานและของหน่วยงานย่อมไม่ดีขึ้น เพราะงาน
ที่มอบหมายให้ไม่มีความคืบหน้า แถมลูกค้าที่มาติดต่อด้วยก็เกิดความ ไม่พอใจเสียอีก และหากปล่อยไว้ นานเข้าบรรยากาศการทำงานจะไม่ดี และอาจเกิดการแบ่งพรรค แบ่งพวก ขึ้นมาก็ได้
สิ่งที่หัวหน้างานพึงตระหนักเป็นอย่างมากในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ก็คือ หลีกเลี่ยงการพูดชมหรือตำหนิเรื่องของ
คนหนึ่งให้อีกคนฟัง เพราะหากพวกเขาเอาไปพูดต่อ หัวหน้างานนั่นแหละจะพลอยได้รับความเสียหายด้วยอีกคน
แนวทางแก้ไขอยู่ที่หัวหน้างานว่าจะใช้วิธีการใด และมีเทคนิควิธีการในการจัดการกับสถานการณ์ความขัดแย้งของลูกน้องอย่างไร ท่านในฐานะหัวหน้างานจะต้องหาวิธีการให้ลูกน้องทั้งสองคนมีความเข้าใจกัน ทำงานร่วมกันเป็นทีม
เกิดความสมานสามัคคีกัน ด้วยการจัดกิจกรรมที่จะต้องทำร่วมกัน เช่น การเข้าร่วมกิจกรรม Team Building ในลักษณะ
Walk Rally หรือการจัดประชุมพูดคุยกันแบบไม่เป็นทางการ เพื่อร่วมกันหาวิธีการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ
หน่วยงานให้ดีขึ้น เป็นต้น
นอกจากนี้หัวหน้างานควรจะหาแนวทางให้ลูกน้องทั้งสองคนมีเป้าหมายการทำงานร่วมกัน ด้วยการกำหนดตัวชี้วัดผลงานร่วม เป็นผลงานของหน่วยงานซึ่งต้องร่วมกันทำงานอันนำไปสู่ประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยงาน โดยหัวหน้างานเองควรจะส่งเสริม สนับสนุน และกระตุ้นจูงใจให้ลูกน้องในหน่วยงานตระหนักถึงการทำงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามตัวชี้วัดร่วมที่กำหนดขึ้นนี้ ซึ่งหัวหน้างานเองควรจะให้เวลาและพูดคุยกับลูกน้องบ่อยขึ้น ไม่ควรกล่าวโทษใครหากว่าเป้าหมายร่วมที่กำหนดขึ้นไม่เป็นไปตามความคาดหวัง ในทางกลับกันหัวหน้างานควรถือโอกาสนี้ปลูกจิตสำนึกให้ลูกน้องในหน่วยงานตระหนักถึงข้อเสียที่อาจจะเกิดขึ้นตามมา หากเป้าหมายของหน่วยงานไม่เป็นไปตามที่กำหนด
ดังนั้น ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างลูกน้องด้วยกันเองจึงไม่ใช่เรื่องหนักใจที่ไม่สามารถแก้ไขได้ ปัญหานี้มีคำตอบ ขึ้นอยู่กับว่าหัวหน้างานจะใส่ใจ และให้เวลากับลูกน้องในการหาวิธีการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นนี้หรือไม่ การปล่อยปะละเลยเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของลูกน้อง ย่อมไม่เกิดผลดี โดยเฉพาะผลกระทบที่มีต่อเรื่องงานอย่างในกรณีนี้
เป็นอย่างไรบ้างคะ ถ้าเป็นท่านจะเลือกวิธีการใดมาใช้แก้ปัญหา แต่สำหรับดิฉันแล้วคงต้องใช้วิธีผสมผสาน เพราะใช้วิธีเดียวคงจะสำเร็จยาก เนื่องจากคนเรามักมีมิจฉาทิฐิอยู่ในตนเอง ยิ่งเป็นผู้มีอาวุโสด้วยยิ่งแล้วใหญ่ เพราะเขามักจะกลัวเสียหน้า กลัวเสียศักดิ์ศรี เรื่องที่จะยอมลงให้กันง่าย ๆ นั้นเห็นจะยาก การแก้ปัญหาโดยจัดให้มีกิจกรรมที่สนุกสนานและจำเป็นต้องทำร่วมกัน ต้องพูดคุยปรึกษาหารือกัน รับผิดชอบร่วมกัน น่าจะเป็นวิธีการที่เหมาะสม แต่ในขณะเดียวกัน ผู้เป็นหัวหน้าต้องมีความยุติธรรม ไม่โน้มเอียงเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ให้ความสำคัญกับบุคคลทั้งคู่เท่า ๆ กัน ประกอบกับใช้วาทศิลป์ และจิตวิทยาในการครองใจคนอีกนิดหน่อย การทำหน้าที่เป็นกาวใจในครั้งนี้ก็น่าจะประสบผลสำเร็จ
ดีเหมือนกันเอาผู้เฒ่าไป....ละเลงพฤติกรรมเสียบ้าง กลับมา...จะได้รักกันๆๆๆๆๆๆๆ
เคยได้ยินไหมค่ะว่าโรงเรียนหนึ่งมี ครูอยู่ 4 คน แต่แบ่งออกเป็นก๊กเป็นกลุ่มตั้ง 5 กล่มแน่ะ สงสัยใช่ไหมค่ะว่าอีกกลุ่มมาจากไหน? อ้อ ! ลืมบอกไปว่าโรงเรียนนี้นักการอีก 1 คน ค่ะ ฮ้า ฮ้า ฮ้า
มาเยี่ยมชมผลงานครับ
ขอบคุณมากค่ะ เป็นเรื่องท้าทายของหัวหน้ามากๆค่ะ
ผมแบ่งความขัดแย้งเป็นสองอย่างครับ
- ขัดแย้งที่วิธีการ
- ขัดแย้งที่เป้าหมาย
ขัดแย้งที่วิธีการ แก้ได้ไม่ยากครับ
แต่ถ้าขัดแย้งที่เป้าหมาย แก้ยากมากครับ จนถึงอาจจะแก้ไม่ได้เลย หากจะแก้จริงๆ ก็คงต้องนำข้อมูลมาว่ากันครับ
ปัญหาความขัดแย้งนี้ยอมรับว่าเป็นเรื่องที่แก้ได้ค่อนข้างยาก และท้าทายความสามารถของผู้บริหารมาก ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมและร่วมแสดงความคิดเห็น
บางครั้งคนเราก็ต้องยอมกันบ้างเพื่อสันติและความสงบสุข.....
อยากให้ทุกคนคิดอย่างพี่แจ๋นค่ะ ประเทศชาติของเราคงจะได้สงบสุขเสียที
ถ้าผมเป็นคนกลางและต้องเจอปัญหาของเพื่อนร่วมงานแบบนี้ผมควรจะปล่อยให้เป็นเรื่องอึมครึมแบบนี้หรือรอให้เวลาปรับเขาเอง การทำงานในที่ใดๆ เวลาที่จะทำความเข้าใจกับเพื่อนร่วมงานควรเป็นเท่าไหร่ครับ
ค่ะต่างคนก็ต่างวิธีการ ต่างความคิดเห็น แล้วแต่สถานการณ์ และประสบการณ์ของแต่ละคน เวลาที่จะทำความเข้าใจกับเพื่อนร่วมงาน คงกำหนดแน่นอนไม่ได้ แล้วแต่โอกาส แต่ก็ควรจะเร็วที่สุด ทิ้งไว้นานสนิมเกาะกินใจ กลายเป็นบาดทะยักได้นะคะ
แสดงว่าบทความของอาจารย์ดี ดีทั้งนั้นเลยมีคนสนใจเยอะ