การสร้างทีม อย่างชาญฉลาด


รากฐานดี มีชัย ไปกว่าครึ่ง

สร้างทีมงาน อย่างชาญฉลาด

โลกแห่งการทำงานในปัจจุบัน คงไม่มีใครปฏิเสธการทำงานแบบ "เป็นทีม" เพราะการทำงานแบบนี้ จะนำเอาทักษะการทำงานของแต่ละบุคคลที่แตกต่างกัน มาเสริมซึ่งกันและกัน ดังนั้น ทีมงาน จึงหมายถึงกลุ่มของผู้ซึ่งทำงานร่วมกันรับผลกระทบของงานที่ทำร่วมกัน มีวัตถุประสงค์ร่วมกัน และพึ่งพากันในการทำงาน ทีมงานจะประสบความสำเร็จได้ ต้องขึ้นอยู่กับการวางรากฐาน หรือการสร้างทีมนั่นเอง บวกกับการใช้เทคนิคบางประการ เพื่อบริหารทีมให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

เมื่อรากฐานดีก็มีชัยไปกว่าครึ่ง

บ้านที่มั่นคงแข็งแรงเป็นเพราะการลงเสาที่ดี และทีมงานที่แข็งแกร่งนั้น ก็ขึ้นกับการวางรากฐานเช่นกัน แล้วการปูรากฐานเพื่อสร้างทีมงานที่ดีควรทำอย่างไร ?


1. เริ่มต้นจากการวางแผนทีมงาน การวางแผนทีมงานที่ดีจะต้องกำหนดจุดมุ่งหมาย และแนวทางสู่จุดมุ่งหมายนั้นๆ โดยหาคำตอบให้กับตัวเองว่า เราต้องการอะไร ต้องการมากน้อยเพียงใด ต้องการเมื่อใด จะได้มาอย่างไร และใครเป็นผู้ดำเนินการ ดังนั้น การวางแผนที่ดีจึงต้องศึกษาถึงสภาพการณ์ภายในองค์กร อันได้แก่ โครงสร้างองค์กร ปริมาณและคุณภาพของบุคลากร กระบวนการทำงาน ฯลฯ รวมถึงสภาพภายนอกองค์กร เช่น เหตุการณ์บ้านเมือง เศรษฐกิจ สภาพสังคม การพัฒนาเทคโนโลยี เป็นต้น สิ่งเหล่านี้จะเป็นแนวทางให้ผู้บริหารสามารถกำหนดกลยุทธ์การทำงานของทีมงานได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

2. การจัดโครงสร้างของทีมงาน โดยระบุกิจกรรมที่จำเป็นต่อการดำเนินการตามวัตถุ ประสงค์ที่ตั้งไว้ กำหนดขอบเขตหน้าที่ความรับผิดชอบของงาน รวมถึงการแบ่งหน้าที่ และประสานงานภายในอย่างมีประสิทธิภาพ

3. เลือกบุคลากรเข้าร่วมทีม ทั้งนี้ ผู้บริหารควรคำนึงถึงคุณสมบัติที่มีความเหมาะสมของบุคลากร โดยพิจารณาจากลักษณะงาน หน้าที่ความรับผิดชอบต่องานนั้นๆ และถ้าผู้บริหารต้องการให้ทีมมีความแข็งแกร่ง ก็ต้องดึงเอาคนที่มีความแตกต่างกัน มีจุดแข็งเฉพาะตัวที่ต่างกัน เพราะคนแต่ละคนมีความรู้ความสามารถ ความถนัดและพรสวรรค์ที่ต่างกันไป หากผู้บริหารสามารถนำคนเหล่านี้มาทำงานร่วมกัน เท่ากับเป็นการสกัดเอาสิ่งที่ดีที่สุดของแต่ละคน มาใช้เพื่อเสริมซึ่งกันและกัน เช่น การจัดทีมเฉพาะกิจ เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของสินค้าชนิดใหม่ โดยบุคลากรที่เข้าร่วมนั้น ควรจะเลือกตัวแทนจากทุกฝ่ายงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ฝ่ายการผลิตสินค้ามีความโดดเด่นด้านสร้างสรรค์คิดค้นผลิตภัณฑ์ ฝ่ายการตลาดมีความเชี่ยวชาญทางด้านวิจัยผู้บริโภค ฝ่ายกระจายสินค้าเองก็รู้ซึ้งถึงช่องทางการจัดจำหน่าย รวมถึงฝ่ายการเงินจะสามารถวิเคราะห์ผลกำไรขาดทุน

4. การควบคุมและติดตามผล การควบคุมการปฏิบัติงานควรกำหนดในช่วงของการวางแผนงาน เพื่อรวบรวมข้อมูลและติดตามความคืบหน้าของการทำงาน การติดตามผลงานอาจใช้วิธีกำหนดตารางเวลาการทำงานที่ชัดเจน แล้วตรวจสอบกับผลงานที่ได้ การรายงานผลการปฏิบัติงานเป็นระยะๆ มีข้อดี คือ ผู้บริหารสามารถช่วยปรับปรุงแก้ไขได้ทันท่วงที หากการดำเนินงานของทีมผิดพลาดไป รวมถึงผู้บริหารสามารถกำหนดระยะเวลาที่จะเสร็จได้อย่างคร่าวๆ

5. การประเมินผล เป็นเกณฑ์มาตรฐานที่ใช้ตัดสินว่า การทำงานประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว โดยอาจพิจารณาจากการทำงานของทีมงานในภายหลัง 6 เดือนว่า ทีมงานสามารถทำได้ดีในเรื่องใดบ้าง และสิ่งใดยังเป็นจุดด้อยอยู่ ผลการทำงานของแต่ละคนน่าพอใจมากน้อยเพียงใด การประเมินผลที่ดีนั้น ควรกระทำอย่างตรงไปตรงมา เพื่อประโยชน์สูงสุดในการวิเคราะห์ และหาหนทางปรับปรุงแก้ไขข้อผิดพลาดต่อไป


วิธีบริหารเพื่อสร้างพลัง "ทีมงาน"

•  จัดการประชุม เป็นวิธีที่ผู้บริหารจะได้พูดคุยกับทีมงาน และสมาชิกในทีมเองก็ได้ปรึกษาหารือกันด้วยทั้งการประชุมอย่างเป็นทางการ หรือไม่เป็นทางการ การจัดการประชุมมักทำให้ทีมทำงานประสานกันได้ดี เพราะมีการถ่ายทอดข้อมูลระหว่างกัน นั่นคือ ข้อมูลจากหัวหน้าสู่ทีม และข้อมูลจากทีมสู่หัวหน้า (สื่อสารแบบสองทาง) ข้อมูลที่ได้จะถูกกลั่นกรองเพื่อหาข้อสรุปให้กับทีมงานได้ง่ายขึ้น

•  สร้างความท้าทายให้กับงาน โดยหลักการแล้ว "คน" มักชอบฝ่าฟันสิ่งที่ยาก เพราะท้าทายความสามารถ ดังนั้น "เป้าหมาย" ของทีมที่ตั้งไว้ต้องน่าสนใจ และสามารถดำเนินการได้จริง เพื่อกระตุ้นให้ทีมเกิดแรงจูงใจในการทำงาน

•  การสื่อความหมาย เป็นปัจจัยเบื้องต้นที่ช่วยให้การดำเนินงานราบรื่น หากว่าการสื่อความหมายระหว่างผู้บริหารสู่ทีม หรือจากสมาชิกของทีมไปยังผู้บริหารผิดเพี้ยน ก็จะเป็นอุปสรรคต่อการทำงาน ฉะนั้น ทั้งสองฝ่ายควรสื่อสารให้ชัดเจนและตรงไปตรงมา จากนั้นทบทวนเพื่อตรวจสอบความเข้าใจตรงกันของทั้งสองฝ่าย

•  
การบริหารความสัมพันธ์ ขึ้นกับ "ความไว้วางใจกัน" ในการทำงาน หากผู้บริหารไม่ไว้ใจสมาชิกในทีม หรือสมาชิกไม่ไว้ใจกันเอง ก็อาจก่อให้เกิดความลังเล ไม่เชื่อมั่นในความสามารถซึ่งกันและกัน ความสัมพันธ์ในทีมจะแย่ลงและจะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการทำงาน การจะสร้างความไว้วางใจในงานให้เกิดขึ้น เพียงแค่มีความตั้งใจและทุ่มเทกับการทำงาน เพื่อแสดงให้ทุกคนรู้ว่าเราสามารถปฎิบัติงานได้ลุล่วง สิ่งนี้จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ และความมั่นใจแก่ทีมงาน เมื่อสมาชิกทีมเชื่อมั่นในความสามารถของกันและกัน มีความสามัคคีแล้ว การประสานงานก็จะง่ายขึ้น

 

            ข้อคิดเห็นจากบทความ  ด้านความสามารถ และทักษะที่แตกต่างกันของบุคลากร ไม่จัดเป็นอุปสรรคต่อการทำงานเป็นทีม ถ้าผู้บริหารสามารถกลั่นกรองเอาจุดแข็งของแต่ละบุคคล ฝ่ายงาน แผนก กรม หรือกอง มาร่วมสร้างแนวคิดที่หลากหลาย และร่วมวิเคราะห์หาหนทางกลยุทธ์ที่เหมาะสมที่สุด เพื่อก้าวไปสู่เป้าหมายขององค์กรที่ตั้งไว้

 

ที่มา : http://www.nationejobs.com/content/manage/concept/template.asp?conno=200

หมายเลขบันทึก: 277191เขียนเมื่อ 17 กรกฎาคม 2009 00:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 พฤษภาคม 2012 21:22 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (19)

โดยนิสัยคนไทยชอบ one man show ทำงานเป็กลุ่มทีไรมักจะ fail เกือบทุกครั้งหรือผ่านไปได้แบบกระท่อนกระแท่น เพราะฉะนั้นในการปลูกฝังการทำงานเป็นทีมควรได้รับตั้งแต่เด็กๆ ทั้งจากครอบครัว โรงเรียน และการอยู่ร่วมกันในสังคม 

                                      

เห็นด้วยกับน้องโอ๋ ..การทำงานเป็นทีมที่มีระบบย่อมคุ้มค่ากว่าต่างคนต่างทำ ..เพราะองค์กรจะก้าวหน้าเพียงไร ย่อมขึ้นอยู่กับบุคลากรทุกคน ที่ร่วมมือร่วมใจพัฒนาให้ก้าวเข้าสู่ความสำเร็จ

สวัสดีท่านอาจารย์ ดร.ดิสกุล สวัสดีค่ะน้องนางบ้านนา สวัสดีค่ะพี่เอกและพี่เหงี่ยม ดีใจมากเลยค่ะที่เห็นทุกท่านเข้ามาเยี่ยม ไม่ได้เข้ามา GTK ตั้งหลายวันเนื่องจากติดภาระกิจงานด่วน ตอนนี้กำลังจัดสรรเวลาที่มีอยู่น้อยนิดให้เกิดประโยชน์สูงสุด สุดท้ายคงไม่พ้นการตัดสินใจที่ต้องบอกลา เพื่อนร่วมรุ่น ด้วยความอาลัย ไม่ว่าจะเรื่องงาน ภาระลูกและหลานที่ต้องคอยเติมเต็มให้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพตัวเอง เลยต้องตัดใจในสิ่งที่ฝันอันใกล้ ให้ทุกอย่างลงตัวแล้วจะก้าวตามฝันใหม่อีกครั้ง ขอเป็นกำลังใจและเอาใจช่วยเพื่อนร่วมรุ่นที่ 2 นี้ด้วยความรักและเคารพยิ่ง รวมถึงอาจารย์ ดร.ดิสกุล ที่สร้างฝันให้ความรู้มากมายกับนักศึกษา ได้เรียนรู้การหาประสบการณ์เพิ่มจาก GTK ศิษย์ซาบซึ่งและจะสานต่อความรู้ที่อาจารย์ได้สั่งสอนต่อไป สัญญาจะแวะมาหาเพื่อนๆ พี่ๆ และน้องๆ ในบล็อกเป็นประจำ คิดถึงก็แวะมาหาที่บล็อกได้นะค่ะ จะแวะไปเยี่ยมเยือนเสมอ

ด้วยความรัก เคารพ และคิดถึง

ครูโอ๋ค่ะ

โอ๋ จะอย่างไรก็ตาม....ทุกคนมีเหตุผลเป็นของตนเอง พี่และเพื่อนๆทุกคนเคารพในการตัดสินใจของน้อง หากมีสิ่งใดที่พี่และเพื่อนรุ่น 2ช่วยได้ขออย่าได้เกรงใจ ทุกเวลา.......เราทุกคนรัก และคิดถึงกันเสมอ โอกาสหน้ายังมี..ปีนี้ ปีหน้า ปีต่อไป เมื่อทุกอย่างลงตัว......กลับมานะน้องโอ๋ ด้วยรัก.....( 081 8334255) พี่แอ๊ว

พี่เพิ่งจะหาบล็อกของโอ๋เจอ ใจหายนะที่ได้อ่านข้อความการตัดสินใจ แต่เมื่อโอ๋พร้อมเมื่อไรฝันนี้ก็ไม่ไกลเกินไป พี่เชื่อว่าโอ๋ทำได้เมื่อทุกอย่างลงตัว รักษาสุขภาพนะ

โอ๋ .....พวกพี่ๆ ทุกคนจะเป็นกำลังใจให้ พยายามสู้ต่อไปอย่าได้ถอย แม้สุขภาพจะไม่ดี แต่น้องทำได้ขนาดนี้ถือว่า " สุดยอด "

มีความเห็นด้วยกับพี่ๆทั้ง 3  ใจหายเหมือนกันนะน้องรัก  สู้ๆนะน้องโอ๋พี่จะคอยเป็นกำลังใจให้น้องโอ๋ตลอดไปนะคะ  คิดถึงก็โทรมาได้เลยจ๊ะ

ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจ ให้พี่สู้เพื่อความฝัน อยู่เพื่อสร้างสิ่งดีๆให้กับตนเองและสังคมตลอดไป

กลับมาดูบล็อกเจอความห่วงใยและความหวังดีเยอะแยะมากมาย

ซาบซึ่งที่สุด เกินคำบรรยาย

คือกำลังใจ และพลัง ที่จะขับเคลื่อนต่อไป

ขอบพระคุณ ผอ.ประจักษ์ ปานอินทร์ และน้องม่อน มากค่ะ

ร่วมถึงน้องนางบ้านนาด้วยนะค่ะ

ดีครับ อ่านแล้วจะนำไปใช้ในการทำงาน มีกระบวนการที่ชัดเจน เป็นกรอบการพัฒนาทีมงาน

ขอบคุณครับ

ขอบพระคุณมากค่ะที่ ผอ.แวะมาเยี่ยมชมบทความในบล็อก

สวัสดีครับ ทุ่งทานตะวัน

  • ขอบพระคุณคุณครูมากที่ให้เกียรติเสมอมา
  • ชื่นชมคุณครูมากที่มาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้
  • สิ่งเหล่านี้คงจะเป็นประโยชน์กับเด็กๆ
  • ขอให้มีความสุข ความสำเร็จครับ
  • การมอบหมายงานให้ตรงตามความสามารถ
  • การกำกับติดตาม-
  • การประมินผล
  • ผมถือเป็นเรื่องสำคัญมาก  ส่วนใหญ่ใช้คนไม่ตรงกับงาน ก็ได้งานมาแบบไม่เต็มสูบ ซ้ำร้ายก็ไม่ค่อยมีการติดตาม ประเมินผล และถอดบทเรียนเป็นระยะๆ  สิ่งเหล่านี้เป็นโจทย์สำคัญที่ผมเองก็กำลังศึกษา และหากลวิธีใหม่ๆ และฟื้นกลวิธีเก่าๆ มาประยุกต์ใช้-หนักมากครับ

การมอบหมายงานที่ไม่ตรงกับความสามารถส่งผล ทำให้งานล้าช้าและไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรจริงๆค่ะ เห็นด้วยกับคุณแผ่นดินค่ะ

ขอบคุณอาจารย์ที่เข้ามาให้แง่คิดอีกมุมที่หน้าสนใจมากค่ะ

สุขสันต์วันแม่ครับ..

http://gotoknow.org/blog/pandin/322248

ฉันรักเธอ
เธอเลิศเลอกว่าใครอื่น
เธอเป็นโมงยามอันหวานชื่น
ปลุกให้ฉันระริกรื่นเสมอมา


เธอก็รักฉัน
แม้บางครั้งดูเหมือนว่า
ฉันละเลยและเฉยชา
แต่เธอกลับยิ้มร่าต่อความรัก


 

ขอขอบคุณ อาจารย์มากค่ะที่แวะมาเยี่ยมและนำภาพสวยงามของแม่ผู้เสียสละตนคนหนึ่งมาฝาก ตอนนี้ไม่สามารถเข้าิบล็อคของตัวเองได้ค่ะเนื่องจากว่าลืม รหัส เข้าบล็อคแล้วหรืิอใครช่วยได้รบกวนแนะนำด้วยค่ะเพราะอยากเข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้อมูลต่างๆ กับผู้รู้ทุกท่าน ขอบพระคุณ อาจารย์พนัสมากค่ึุะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท