สื่อทุกวันนี้ ทั้งสื่อวิทยุโทรทัศน์ ภาพยนตร์ สื่อสิ่งพิมพ์ การ์ตูน ตลอดจนสื่อสมัยใหม่ เกมคอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต โทรศัพท์มือถือ สื่อของเล่นสำหรับเด็ก มีผลกระทบซึ่งสามารถสรุปได้ตามกฎหมายส่งเสริมความก้าวหน้าด้านการวิจัยเด็กกับสื่อของสหรัฐอเมริกา(เด็กไทยในสี่ปีสร้างของรัฐบาลใหม่ กระทรวงวัฒนธรรม หน้า ๑๑) ดังนี้
๑. ผลกระทบทางกายภาพ อาทิ ผลกระทบต่อนิสัยการกิน การออกกำลังกาย การนอน การบริโภค และการพัฒนาทางกายภาพด้านอื่นๆ ซึ่งพบเห็นในปัจจุบันมากที่สุดคือโรคอ้วนในเด็กนั่นเองเพราะมัวแต่นั่งดูทีวีกินขนม ไม่วิ่งเล่นออกกำลังกายตามช่วงวัย
๒. ผลกระทบทางการเรียนรู้ อาทิ ผลกระทบต่อการพัฒนาทางภาษา การมีสมาธิในการเรียนสั้น การเรียนรู้ทักษะการคิดวิเคราะห์และการแก้ไขปัญหา การเรียนรู้ทักษะทางสายตา การเคลื่อนไหวร่างกาย การอ่าน และทักษะการเรียนรู้อื่นๆ
๓. ผลกระทบด้านพฤติกรรมทางสังคม อาทิ ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ในครอบครัว ความสัมพันธ์กับเพื่อน พฤติกรรมทางเพศ ก้าวร้าวรุนแรง และด้านอื่นๆ
ซึ่งจากปัญหาและผลกระทบที่เกิดจากสื่อต่างๆ กระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับสถาบันรามจิตติได้เสนอกรอบคิดสี่เส้าเพื่อการพัฒนาสื่อสำหรับเด็ก ดังนี้
๑. ระบบวิจัยสร้างองค์ความรู้เรื่องสื่อสำหรับเด็ก Media research
๒. นโยบายและกฎระเบียบเพื่อเสริมสื่อดี สกัดสื่อเลว Medie policy
๓. กลไกเฝ้าระวังและส่งสัญญานเตือนเรื่องสื่อที่เป็นอันตรายกับเด็ก Medie watch
๔. สื่อศึกษาเพื่อการรู้เท่าทันสื่อ Medie literacy
การรู้เท่าทันสื่อ คือ การอ่านสื่อให้ออก เพื่อพัฒนาทักษะในการเข้าถึงสื่อ การวิเคราะห์สื่อ การตีความเนื้อหาของสื่อ การประเมินค่าและเข้าใจผลกระทบของสื่อและสามารถใช้สื่อให้เกิดประโยชน์ได้ ดังนั้น การที่ผู้รับสารจะสามารถป้องกันตนเองจากผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการเปิดรับสื่อประเภทต่างๆได้ จึงต้องมีการพัฒนาการรู้เท่าทันสื่ออย่างต่อเนื่อง
การพัฒนาการรู้เท่าทันสื่อ มีขั้นตอน ดังนี้ (คู่มือการรู้เท่าทันสื่อ ผศ.ดร.พรทิพย์ เย็นจะบก และคณะ ศูนย์การเรียนรู้เท่าทันสื่อในประเทศไทย สถาบันวิจัยและพัฒนาแห่งหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์)
๑. การกระตุ้นให้ตระหนักถึงผลกระทบของสื่อ (Awareness) หมายถึง การกระตุ้นหรือเปิดประเด็นให้เกิดแง่คิด เกิดมุมมองในการอ่านสื่อที่พวกเขาไม่เคยคำนึงถึงมาก่อน ว่าการนำเสนอของสื่อแต่ละครั้งอาจส่งผลกระทบต่อผู้รับสื่อได้อย่างไรบ้าง บางครั้งผลกระทบที่เกิดขึ้นอาจรุนแรงและขยายวงกว้างมากขึ้นอย่างที่เรานึกไม่ถึง เช่น พฤติกรรมการเลียนแบบจากสื่อของอเมริกันทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อวัฒนธรรมบริโภคนิยมหรือการที่เยาวชนไทยมีความสัมพันธ์ทางเพศก่อนวัยอันควร หรือการที่โฆษณาสินค้าบางประเภทมุ่งโฆษณาสินค้าจนเกินไป โดยไม่คำนึงถึงการบริโภคที่ผิดหลักสุขอนามัย เช่น อาหารเสริม หรือ ครีมไวท์เทนนิ่ง(Whitening) ที่อาจส่งผลระยะยาวต่อสุขภาพได้แต่เมื่อผู้รับสื่อหลงเชื่อก็ใช้ตามที่โฆษณาชิ้นนั้นบอกโดยขาดความตระหนักรู้ต่างๆ
๒. การวิเคราะห์ความเป็นจริงจากภาพที่สื่อสร้างขึ้น (Analysis)
การวิเคราะห์สื่อหรือการอ่านสื่อ คือ การนำเนื้อหาของสื่อมาผ่านกระบวนการคิดอย่างเป็นขั้นตอนมีระเบียบแบบแผนเพื่อ แยกแยะองค์ประกอบในการนำเสนอของสื่อ เช่น วัตถุประสงค์ของสื่อ กลุ่มเป้าหมายของสื่อ ผลกระทบต่อสังคม เศรษฐกิจและการเมือง โดยอาศัย แนวทางคำถาม ๕ คำถาม ต่อไปนี้
๒.๑ ใครเป็นผู้สร้างเนื้อหาสาระของสื่อขึ้นมา
เนื้อหาสื่อ เช่น ข่าวในหนังสือพิมพ์ รายการโทรทัศน์ มีส่วนประกอบที่ผู้ประกอบการสื่อสร้างขึ้น มีความหลากหลายตามลักษณะของสื่อประเภทต่างๆ เช่น ข่าวหนังสือพิมพ์ใช้คำที่มีขนาดและแบบตัวอักษร ภาพถ่าย สีสัน การจัดหน้าที่แตกต่างกัน รายการโทรทัศน์หรือภาพยนตร์ใช้การตัดต่อ มุมกล้องและแสงสี ไปจนถึงเพลงประกอบและเสียงประกอบเข้ามาช่วยเล่าเรื่อง
ดังนั้นการวิเคราะห์สื่อในประเด็นนี้จึงควรการตอบคำถามว่า
- ใครเป็นผู้สร้างสื่อนี้ขึ้นมา
- มีผู้ที่เกี่ยวข้องกี่คน แต่ละคนมีบทบาทหน้าที่อย่างไร
๒.๒ มีการใช้เทคนิคดึงดูดใจหรือไม่และมีในลักษณะอย่างไร
สื่อแต่ละแขนงไม่ว่าจะเป็น หนังสือพิมพ์ รายการโทรทัศน์หรือภาพยนตร์ มีการใช้เทคนิคที่แตกต่างกันไป เช่น ภาพถ่ายระยะใกล้ๆจะโน้มน้าวใจให้รู้สึกถึงความใกล้ชิด (โทรทัศน์หรือภาพยนตร์) ตัวอักษรขนาดใหญ่ในพาดหัวข่าวเป็นสัญญาณบอกว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ จะเห็นได้ว่าภาษาภาพและเสียงนี้จะทำให้ผู้รับสื่อเข้าใจความหมายได้ลึกซึ้ง เห็นคุณค่าและความน่ารื่นรมย์ของสื่อมากขึ้น
ดังนั้นการวิเคราะห์สื่อในประเด็นนี้จึงควรการตอบคำถามว่า
- มีการใช้สีสันและรูปลักษณ์อย่างไร
- อุปกรณ์ประกอบฉาก การจัดฉาก เสื้อผ้า มีลักษณะอย่างไรสมจริงหรือไม่
- มีการใช้สัญลักษณ์หรือไม่ และสัญลักษณ์นั้นสื่อถึงอะไร
- มุมกล้องที่ใช้แตกต่างกันให้อารมณ์หรือความรู้สึกต่างกันหรือไม่อย่างไร
- เสียงดนตรีประกอบ เพลงประกอบ บทสนทนา การเล่าเรื่อง ความเงียบ
- มีการใช้เทคโนโลยีอะไรบ้างในการผลิต
- มีอะไรขาดหายไปบ้าง
๒.๓ คนอื่นๆ ตีความเนื้อหาสาระของสื่อต่างจากเราอย่างไร
ผู้เปิดรับสื่อเป็นผู้ตีความเนื้อหาสื่อ การตีความจึงแตกต่างกันออกไปตามประสบการณ์ การดำเนินชีวิต อายุ เพศ การศึกษา วัฒนธรรม เช่น ผู้ร่วมอยู่ในเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 2 จะมีความรู้สึกร่วมกับภาพยนตร์เรื่อง คู่กรรม มากกว่าผู้ชมคนอื่นๆ ผู้ปกครองและบุตรหลานที่ชมรายการโทรทัศน์รายการเดียวกัน ก็จะมีมุมมองในการรายการดังกล่าวต่างกัน
ดังนั้นการวิเคราะห์สื่อในประเด็นนี้จึงควรการตอบคำถามว่า
- เนื้อหาสาระของสื่อตรงกับประสบการณ์ของเราอย่างไร
- เราเรียนรู้อะไรจากเนื้อหาสาระสื่อบ้าง
- เราเรียนรู้อะไรบ้างจากการตอบคำถามของคนอื่นที่มีต่อเนื้อหาสาระของสื่อ
- มีมุมมองอื่นใดอีกบ้างมีเหตุผลเท่ากับของเราที่ใช้ในการตีความแต่ละครั้ง
- สาระของสื่อคืออะไร
- ในการนำเสนอรูปแบบเดียวกันแต่ละรายการมีความเหมือนหรือต่างกันอย่างไร
๒.๔ สื่อได้นำเสนอวิถีชีวิต ค่านิยม และมุมมองอะไรบ้าง
สื่อเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นจากบุคคล หรือกลุ่มบุคคล ทำหน้าที่ในการเล่าเรื่อง องค์ประกอบต่างๆที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นสื่อต้องอาศัยการเตรียมการ การศึกษาค้นคว้า โดยกลุ่มผู้ผลิต เพื่อให้สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ของตนเองและผู้ชม เช่น การคัดเลือกตัวแสดง โครงเรื่อง การเดินเรื่อง จะต้องสอดคล้องกับวิถีชีวิต ทัศนคติ และพฤติกรรมทางสังคม โดยผ่านทางภาพ บทสนทนา คำพูด การเลือกใช้สถานที่ การแสดงฐานะ ซึ่งทั้งหมดล้วนแล้วแต่มีส่วนปลูกฝังค่านิยมให้กับผู้รับสื่อ
ดังนั้นการวิเคราะห์สื่อในประเด็นนี้จึงควรตอบคำถามว่า
- เกิดคำถามอะไรขึ้นในใจเราบ้างขณะที่เรารับสื่อ
- สื่อนำเสนอค่านิยมทางสังคม การเมือง หรือเศรษฐกิจอย่างไร
- ความคิดเห็นที่เกิดขึ้นสะท้อนความสัมพันธ์ทางสังคมหรือส่วนบุคคลอย่างไร
- บริบททางสังคมและวัฒนธรรมขณะนั้นเป็นอย่างไร
- สื่อนำเสนอความคิดหรือค่านิยมใดบ้าง สื่อสร้างบุคลิกลักษณะของตัวแสดงต่างๆอย่างไร
- เป้าหมายของสื่อ คือกลุ่มใด เมื่อรับสื่อแล้วน่าจะมีพฤติกรรมหรือผลสืบเนื่องอย่างไร
มีเรื่องใดบ้างในสื่อนั้นที่ไม่ได้นำเสนอออกมา (ทั้งๆที่ควรนำเสนอ)
๒.๕ ใครเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์อย่างแท้จริงจากการนำเสนอของสื่อ
สื่อถูกสร้างขึ้นด้วยเหตุผลหลายๆประการ ประการหนึ่งคือเพื่อธุรกิจ หนังสือพิมพ์และนิตยสารจัดหน้าด้วยโฆษณาเป็นอันดับแรกก่อนการจัดพื้นที่ข่าวหรือเนื้อหาสาระ ในทำนองเดียวกันโฆษณาก็เป็นส่วนหนึ่งของรายการโทรทัศน์ โดยมุ่งที่จะสร้างกลุ่มเป้าหมายของตนเองขึ้นหรือแม้แต่การขยายขนาดของกลุ่มเป้าหมายด้วย สถานีหรือผู้ตีพิมพ์นิตยสารหรือหนังสือพิมพ์ สามารถขยายเวลาหรือพื้นที่ให้กับเจ้าของผลิตภัณฑ์สินค้าที่มีความต้องการทำการตลาดโดยการโฆษณาสินค้าของตน (โดยทั่วไปจะเรียกกันว่าผู้สนับสนุนรายการหรือสปอนเซอร์) ผู้สนับสนุนจะจ่ายค่าเวลาตามจำนวนคนซึ่งสถานีคาดว่ากำลังดูโทรทัศน์อยู่ในช่วงนั้น ซึ่งจะนำมากำหนดอัตราค่าโฆษณาที่สูงต่ำกันตามลำดับ
ดังนั้นการวิเคราะห์สื่อในประเด็นนี้จึงควรตอบคำถามว่า
- ใครคือเจ้าของสื่ออย่างแท้จริง
- สื่อกำลังขายอะไร
- การนำเสนอของสื่อในครั้งนี้ก่อให้เกิดผลประโยชน์ใดบ้าง
- อะไรที่มีอิทธิพลต่อการสร้างหรือการนำเสนอของสื่อ
- ใครได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง บริษัทเจ้าของผลิตภัณฑ์ หรือสาธารณชน ประชาชน
๓. การไตร่ตรองเรื่องค่านิยม มาตรฐานการดำรงชีวิต หรือการยอมรับในสังคม (Reflection)
เป็นการตอบคำถามต่อว่าเราคิดอย่างไรหรือจะทำอะไรเมื่อได้รับสื่อ ผลกระทบของสื่อส่งผลต่อพื้นฐานแนวคิด ปรัชญา ศาสนา ประเพณี ศีลธรรม คุณธรรม กระแสสังคม ตลอดจนแนวทางการดำเนินชีวิตของผู้รับสารหรือไม่อย่างไร เช่น การนำเสนอภาพโฆษณาเหล้าและบุหรี่เหมาะกับบรรทัดฐานสังคมไทยหรือไม่
๔. การกระทำใดๆ เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมส่วนบุคคล หรือเพื่อรณรงค์หรือต่อต้าน กระแสสังคม (Action) เป็นความเคลื่อนไหวเพื่อก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง หรือการโต้ตอบในประเด็น และกระแสสังคม อันเป็นผลจากการนำเสนอของสื่อ หรือการสร้างกระแสสังคมเพื่อก่อให้เกิดการต่อต้านหรือยอมรับหลักการต่างๆ ที่มาจากการนำเสนอของสื่อ เคยมีตัวอย่างความเคลื่อนไหวดังกล่าวมาแล้ว เช่น รายการเกมโชว์บางรายการที่ไม่เหมาะสมกับบรรทัดฐานสังคมไทย เมื่อมีนักจัดรายการทีวีดังนำไปพูดคุย วิเคราะห์ในรายการถึงความไม่เหมาะสมต่างๆ ประกอบกับนักเขียนคอลัมน์นำไปเป็นประเด็นในการวิจารณ์ลงหนังสือพิมพ์ ทำให้รูปแบบรายการเปลี่ยนไปได้ เช่น รายการเรียลิตี้โชว์ กำจัดจุดอ่อนและพรหมลิขิตหมายเลข 1 เป็นต้น
หากภาครัฐภายใต้คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ที่จะมีการเลือกตั้งในวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๐ นี้ ยังไม่สามารถคัดสรรกลั่นกรองหรือเซ็นเซอร์ให้มีเฉพาะรายการดีๆ หรือสื่อดีๆ ผ่านออกมาสู่ยังประชาชนรวมทั้งเด็กและเยาวชนผู้เป็นคนรับสาร ดังนั้น พวกเราผู้รับสารจึงต้องพัฒนาการรู้เท่าทันสื่ออย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะอ่านสื่อให้ออก วิเคราะห์สื่อเป็น ตีความเนื้อหาของสื่อได้ ประเมินค่าและเข้าใจผลกระทบของสื่อรวมทั้งสามารถใช้สื่อให้เกิดประโยชน์ เพื่อป้องกันตนเองจากผลกระทบของสื่อที่จะเกิดขึ้น ทั้งต่อตนเอง ครอบครัว ชุมชนและสังคมไทย ไม่เช่นนั้น ทุกคนจะตกเป็นเหยื่อของสื่อต่อไป
รวบรวมและสรุป โดย สุรพันธ์ เจริญทรัพย์
ศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร
สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร
ไม่มีความเห็น