21.13 น. พุธ 20 พ.ค.2552
วันนี้เป็นวันแรกที่เข้ามาฝังตัวกับชาวบ้าน บ้านหนองบัวแปะ เดินทางมากับรถตู้กองกิจการนิสิต พอรถถึงบ้านหนองบัวแปะ สายฝนก็ได้มาทักทายห่าใหญ่ นำความชุ่มชื่นมาสู่หัวใจนัก พลันคิดถึงบ้านเกิดของตนเองว่าฝนตกหรือเปล่าหนอ
ที่ศาลาพอเพียงทางคณะเดินทางได้หยุดพักกัน พร้อมกับใช้เป็นที่หลบฝน ฟังเสียงเม็ดฝนตกกระทบกับหลังคาศาลาที่มุงด้วยใบตองซาด เป็นเสียงที่แตกต่างจากเสียงเม็ดฝนที่ตกลงหลังคาสังกะสีมาก สัมผัสได้ถึงความนุ่มนวลของเม็ดฝนยิ่งนัก พอลมพัดมาทำให้พาความเย็นของฝนเข้ามาภายในศาลาพร้อมกับหลังคาที่มีรอยรั่วทำให้พวกเราต้องขยับเข้ามานั่งติดกันมากขึ้นเป็นความอบอุ่นที่ผมไม่ได้รับมานานแล้ว
“ หยับมาทางพี่ หม่องหั่นมันหั่ว” เสียงจากชาวบ้านพูดบอกพวกเราพร้อมกับเขยิบเสื่อที่ผมนั่งอยู่ไปที่ ที่ฝนไม่รั่วผมรู้สึกว่าไม่ได้พบเห็นบรรยากาศเช่นนี้มานานแล้ว
เมื่อฝนหยุดตกอากาศก็เย็นมาก ลมได้พัดเอาความชุ่มเย็นของท้องนามายังศาลาที่พักของเรา ทำให้สัมผัสได้ถึงไอเย็นที่กระทบกับใบหน้า ชดชื่นเป็นที่สุด ผมยืนรับความเย็นที่นอกศาลา พร้อมกับทอดสายตาไปยังท้องนาที่มีน้ำขังอยู่ทั่ว รู้สึกสบายและผ่อนคลายที่สุดและเป็นความรู้สึกที่หาไม่ได้ในเมืองใหญ่
การประชุมของหมู่บ้านได้สิ้นสุดหลงในเวลาประมาณ 4โมงเย็น ผมยังไม่รู้เลยว่าพ่อสำรวยอยู่ที่ไหน ซึ่งเป็นคนที่จะพาผมและนิกไปยังบ้านพัก (เถียงนาน้อย) ทันใดนั้นก็เห็นคุณแม่สายทองกับพ่อสำรวยเดินทางมาทางผม จากนั้นก็ได้พูดคุยกันและพาผมไปยังเถียงนาน้อย
สวัสดีครับ คุณแผ่นดิน
พี่พนัสของน้องๆนักกิจกรรม
เป็นความรู้สึกแรกที่เข้าไปฝังตัวอยู่ที่บ้านหนองบัวแปะครับ มาถึงก็ฝนตกเลยครับ
เมื่อไปถึงที่พักเถียงนาของพ่อสำรวย บรรยากาศอย่างที่เห็นครับเงียบและสงบจริงๆ