ครั้งที่แล้วผู้เขียนได้เขียนการเตรียมการก่อนทำการศึกษาวิจัยในระดับไร่นา ซึ่งกำหนดสถานที่คือศูนย์เรียนรู้การเกษตรพอเพียงบ้านคลองอ้อม ตำบลเขาน้อย อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยเตรียมทีมงานเพื่อกำหนดหัวข้อตลอดจนวัตถุประสงค์การวิจัย และกำหนดแผนการดำเนินงาน
สำหรับครั้งนี้ ผู้เขียนจะนำกระบวนการจัดเวทีเรียนรู้ในกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรกรผู้ปลูกผักบ้านคลองอ้อมจำนวน 13 คน ซึ่งเป็นผู้ดำเนินงานศูนย์เรียนรู้การเกษตรพอเพียงแห่งนี้ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทีมวิจัยจากอำเภอปราณบุรีและจังหวัดฯ เริ่มจาก
การจัดเวทีเรียนรู้ ครั้งที่1
1) สร้างความรู้ความเข้าใจกับกลุ่ม โดยชี้แจงถึงที่มาและแผนการทำการวิจัยครั้งนี้ เพื่อให้สมาชิกกลุ่มทุกคนมีความเข้าใจและมีส่วนร่วมในการร่วมเรียนรู้ครั้งนี้
เกษตรกรร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเจ้าหน้าที่
2) วิเคราะห์สถานการณ์ของกลุ่ม เพื่อได้ทราบสถานการณ์การดำเนินงานศูนย์เรียนรู้การเกษตรพอเพียง ตลอดจนปัญหาที่พบและความคาดหวังของกลุ่ม ซึ่งผลจากการวิเคราะห์สถานการณ์ สรุปได้ดังนี้
ในอดีต ประชาชนในหมู่บ้านคลองอ้อม ส่วนใหญ่มีอาชีพปลูกผักเนื่องจากสภาพแวดล้อมเอื้ออำนวย เพราะมีลำคลองไหลผ่าน ดินดี การคมนาคมสะดวก และอยู่ไม่ไกลจากตลาดมากนัก แต่เกษตรกรไม่มีการรวมกลุ่ม ต่างคนต่างทำ ใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมีมาก มีแม่ค้าประจำรับซื้อผัก โดยเกษตรกรไม่สามารถกำหนดราคาขายเองได้
ปัจจุบัน เกษตรกรมีการรวมกลุ่ม โดยเริ่มจากเป็นกลุ่มธรรมชาติก่อน โดยมีเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรกรให้ความรู้ และได้จดทะเบียนเป็นวิสาหกิจชุมชนเกษตรกรผู้ปลูกผักบ้านคลองอ้อม เมื่อปี 2550 สมาชิก 17 คน มีนางวาสนา สีพิน เป็นผู้มีอำนาจแทนกลุ่ม จากการส่งเสริมให้ความรู้ของเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตร รวมทั้งการศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเองจากแหล่งความรู้ต่างๆ เช่น โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ประกอบกับการมีผู้นำกลุ่มอย่างนางวาสนา สีพิณ ที่มีการขวนขวยหาความรู้และพร้อมต่อการถ่ายทอดความรู้แก่สมาชิก ทำให้สมาชิกกลุ่มเริ่มมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการปลูกผักแบบใช้สารเคมีมาเป็นการปลูกผักปลอดภัยจากสารพิษ และเข้าสู่ระบบการจัดการพืช GAP ซึ่งขณะนี้มีสมาชิกบางรายได้ผ่านการตรวจประเมินคุณภาพจากกรมวิชาการเกษตรแล้ว นอกจากนี้กลุ่มนี้ยังได้รับเลือกเป็นศูนย์เรียนรู้การเกษตรพอเพียงมาตั้งแต่ปี 2551 เพื่อเป็นแหล่งศึกษาดูงานแก่เกษตรกรและผู้สนใจทั่วไป
ผู้เขียนใช้ mind map ในการถอดบทเรียน
จากประสบการณ์ทำงานของกลุ่ม และจากการสังเกตปัจจัยธรรมชาติ ทำให้กลุ่มเรียนรู้ถึงการวางแผนการผลิตผัก โดยหลีกเลี่ยงการปลูกผักในช่วงฤดูฝน ประมาณเดือนกันยายน ถึง ตุลาคม ของทุกปี และมีการหมุนเวียนชนิดผักให้มีความหลากหลายและไม่ซ้ำกัน ซึ่งสามารถแก้ปัญหาผลผลิตเสียหายหรือล้นตลาดได้ในระดับหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตาม กลุ่มยังพบกับปัญหาเดิมคือ ราคาผลผลิตขึ้นอยู่กับแม่ค้า เกษตรกรไม่มีอำนาจการต่อรองราคา
เกษตรกรร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้
ความหวังของกลุ่ม กลุ่มนี้มีความคาดหวังใหญ่ๆ อยู่ 3 เรื่องก็คือ
(1) การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต โดยการลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มผลผลิตต่อไร่ โดยการลดการพึ่งพาปัจจัยภายนอก ผลิตปุ๋ยหมัก ปุ๋ยชีวภาพ น้ำส้มควันไม้ ใช้เอง และมีการดัดแปลงอุปกรณ์การเกษตรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในฟาร์ม
(2) จำหน่ายผักเอง โดยลดการพึ่งพาแม่ค้าคนกลาง เพราะกลุ่มสามารถกำหนดราคาจำหน่ายได้ตามความเหมาะสมและคุ้มค่าคุ้มราคากับคุณภาพของผลผลิต
(3) พัฒนารูปแบบการถ่ายทอดความรู้ในศูนย์เรียนรู้การเกษตรพอเพียง ให้มีประสิทธิภาพ
3) กำหนดเป้าหมายการดำเนินงาน กลุ่มนำความคาดหวังมากำหนดเป้าหมายการดำเนินงาน ดังนี้
(1) รักษาคุณภาพผลผลิตให้ปลอดภัยจากสารพิษ โดยลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มผลผลิตต่อไร่ ซึ่งต้องอาศัยการประยุกต์ดัดแปลงอุปกรณ์เครื่องใช้ทางการเกษตรให้เหมาะสมด้วย
(2) กลุ่มขอความร่วมมือส่วนราชการ ในการใช้สถานที่จำหน่ายผักปลอดภัยจากสารพิษ โดยต่อแผงข้างรถจักรยานยนต์ (ซาเล้ง) เพื่อบรรจุผักไปจำหน่ายตามสถานที่ต่างๆ
(3) ศึกษาดูงานศูนย์เรียนรู้การเกษตรพอเพียงที่ประสบความสำเร็จ สามารถเป็นต้นแบบที่ดี เพื่อนำมาเป็นแนวทางในการจัดการศูนย์ฯ ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
และสิ่งเหล่านี้คือผลสรุปที่ได้จากเวทีเรียนรู้ ครั้งที่ 1 จากนั้นก็เป็นการนำแนวทางที่กำหนดไว้ไปปฏิบัติ ซึ่งครั้งต่อไปผู้เขียนจะนำกระบวนการต่อไปมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ต่อไปค่ะ
คนภาคการเกษตรยืมตาอ้าปากได้
สวัสดีครับ น้องมุ่ยฮวง