ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญศ์ศักดิ์นักวิชาการอาวุโสศูนย์ศึกษาธุกกิรแลรัฐบาลมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
การกำหนดทิศทางและการศึกษาไทยจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องจัดทำฐานข้อมูลโดยวิเคราะห์แลเสนอปัจจัยภายนอก 5 ประการดังนี้
1.ปัจจัยด้านเทคโนโลยีความก้สวหน้าที่มีผลต่อคุณสมบัติและคุณภาพของแรงงานในอนาคต มีความก้าวหน้าต่อเนื่อง ดังนั้นการจัดการศึกษาจึงต้องเพิ่มความรูเกี่ยวกับเทโนโลยีในหลักสูตรการเรียนการสอน
2.ปัจจัยเศรษฐกิจ มีผลต่อตลาดแรงงานและตลาดการศึกษาเนื่องจากลักษณะของเศรษฐกิจใหม่แข่งขันด้านนวัตกรรมใหม่ๆ ต้องอาศัยการวิจัยและพัฒนาดังนั้นการศึกษาต้องพัฒนาคนให้มีทักษาะการทำวิจัยสามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ๆมีคุณค่าต่อระบบฌศรษฐกิจ การเปิดการค้าเสรีการลงทุนค้องแข่งขันด้านคุณภาพต้องอาศัยแรงงานฝีมือ ทักษะควาสามารถที่หลากหลายเช่น ด้านเทคโนโลยี ภาษาต่างประเทศ การบริหารที่มีคุณภาพ
3.ปัจจัยด้านระบบราชการ การปฏิรูปการศึกษาที่ผ่านมาเป็นระบบที่ล้าช้าในการประสานงาน มักทำงานแบบต่างคนต่างทำ มีกฎระเบียบตายตัว และการไม่ยอมปรับตัวของผู้บริการสถานศึกษาและตัวครูผู้สอน
4.ปัจจัยด้านการเมือง การปฎิรูปการศึกษขึ้นอยู่กับการเมืองเป็นส่วนใหญ่แต่ถ้าระบบการเมืองมีเงื่อนไขที่เป็ยอปสรรค์ก็จะทำใหการเมืองไทยไม่ก้าวหน้า เช่นการเปลี่ยนแปลงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการบ่อย ๆ ความไม่สอดคล้องของเป้าหมายของการจัดการศึกษากับเป้สหมายทางการเมือง
5.ปัจจัยด้านวัฒนธรรม สังคมทัยมีเงื่อนไขวัฒนธรรมหลายประการที่เป็นอุปสรรค์ต่อการพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาเช่นขาดวัฒนธรรมการมีส่วนร่วม ขาดการเปิดโอกาศทางความคิดและรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น รักความสนุกและสบาย
จากปัจจัยดังกล่างของท่าดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ได้กล่าวมา คิดว่าปัจจัยดังกล่าวล้วนเป้นสิ่งสำคัญในการนำไปวิเคราะห์วางแผนกำหนดทิศทางและนโยบาย โดยเฉพาะปัจจัยด้านการเมืองที่มีอิทธิพลมากต่อการพัฒนาการศึกษาไทย ตัวนายกต้องมองปัญหาจากบริบทต่างๆ ของสังคมให้ออกและกำหนดวัตถูประสงค์ให้ตรงและสอดคล้องกับปัญหา ควรกำหนดแนวทางการปฏิบัติ มาตรการ กระบวนการขั้นตอนที่ขัดเจน จะทำให้การพัฒนาการศึกษาไทยดีขึ้นกว่านึ้สักที มองให้ออก บอกให้ได้ ใช้ให้เป็น
จบไม่ลง การบริหารบ้านเมืองที่ดียึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง รักสามัคคี ไมโกงกิน ประเทศไทยเจริญ
ก่อนเผยแพร่ควรมีการตรวจสอบการเขียนสะกดคำให้ถูกต้องด้วยจะดีมาก