มีโอกาสดีที่ได้เป็นที่ปรึกษาให้กับนักเรียนในโครงการยุววิจัยประวัติศาสตร์กับสถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเพื่อพัฒนาชนบท มหาวิทยาลัยมหิดล โดยการสนับสนุนทุนวิจัยจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.) อยากบอกเล่าให้ฟังว่าเด็ก ๆ ที่ราชบุรีกำลังทำอะไรกันบ้าง
ยุววิจัยประวัติศาสตร์ : ความหลากหลายของเมืองราชบุรี
สายพิน แก้วงามประเสริฐ
ปัจจุบันเด็กและเยาวชนไทยมีปัญหาหลายประการทั้งเรื่องความประพฤติที่ไม่เหมาะสม เช่น การใช้ความรุนแรง การปล่อยเนื้อปล่อยตัว มั่วสุมเรื่องยาเสพติด ไม่เอาใจใส่การเรียน หนีเรียน ติดเกม มีชีวิตแบบบริโภคนิยมทำให้ฟุ้งเฟ้อใช้จ่ายฟุ่มเฟือย และปัญหาอื่น ๆ อีกหลายประการ ปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กเอง และการพัฒนาประเทศชาติไม่น้อย จึงเป็นปัญหาที่ทุกภาคส่วนควรมีส่วนร่วมในการแก้ไข
ขณะที่เด็กส่วนหนึ่งมีพฤติกรรมที่เป็นปัญหาให้สังคมต้องแก้ไข แต่เด็กอีกกลุ่มหนึ่งทั้งมีความตั้งใจเรียน แล้วยังใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ด้วยการเป็นอาสาสมัครเข้าร่วมเป็นยุววิจัยในโครงการ “ยุววิจัยประวัติศาสตร์ ท้องถิ่นพื้นที่ภาคกลาง” ทำวิจัยเกี่ยวกับท้องถิ่นของตนเอง เพื่อกลับไปหารากเหง้าความเป็นมาของท้องถิ่น อันจะทำให้สำนึกรักบ้านเกิด และทำให้คนในท้องถิ่นมีความภูมิใจในท้องถิ่นของตนเอง
โครงการ “ยุววิจัยประวัติศาสตร์ ท้องถิ่นพื้นที่ภาคกลาง” ของเด็ก ๆ ที่ราชบุรี เป็นความร่วมมือระหว่างโรงเรียนในจังหวัดราชบุรี จำนวน 21 โรงเรียน กับสถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเพื่อพัฒนาชนบท มหาวิทยาลัยมหิดล และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ซึ่งให้ทุนแก่โครงการของยุววิจัยโรงเรียนละ 15,000 บาท
ความสนใจของยุววิจัยที่มีต่อท้องถิ่นราชบุรีของตนเอง เนื่องจากเห็นว่าราชบุรีเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาอย่างยาวนาน และมีลักษณะเด่นเป็นอัตลักษณ์ของตนเองคือ เป็นเมืองที่มีคนหลายชาติพันธุ์อยู่ร่วมกันมาเป็นเวลาช้านาน เช่น คนจีน คนมอญ คนลาว ซึ่งมีทั้งคนลาวเวียง ที่อพยพมาจากเวียงจันทน์ คนลาวโซ่ง(ไทยทรงดำ) คนเขมร รวมทั้งคนไทยที่อยู่มาแต่ดั้งเดิม ชาติพันธุ์เหล่านี้อยู่ร่วมกันในราชบุรีอย่างมีความสุข บางหมู่บ้านมีทั้งคนมอญ คนจีน คนไทย และคนลาว อยู่รวมกันโดยมิได้แบ่งแยกเชื้อชาติความเป็นมาของประชากร มีการปะทะสังสรรค์ แลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อก่อให้เกิดความเข้าใจร่วมกัน และยังคงรักษาประเพณีวัฒนธรรม ดำรงชีวิตความเป็นอยู่ตามชาติพันธุ์ของบรรพบุรุษของตนเองมากน้อยแตกต่างกันไป ตามแต่วิถีชีวิตของชุมชนหมู่บ้านที่อยู่อาศัย
บางชุมชนหมู่บ้านในจังหวัดราชบุรีพยายามรื้อฟื้นประเพณีดั้งเดิม บางหมู่บ้านพยายามรักษา อนุรักษ์ประเพณีอันดีงามที่มีค่าควรแก่ความภาคภูมิใจไว้ให้ลูกหลานได้ประพฤติปฏิบัติ เป็นแบบอย่างแก่ชุมชนอื่น ๆ ซึ่งเชื่อว่าเมื่อเกิดความรักความภูมิใจในท้องถิ่น เข้าใจตัวตนของตนเองในความเป็นคนราชบุรี น่าเชื่อว่าเมื่อเด็กเหล่านี้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ย่อมเป็นคนดีมีประโยชน์ต่อสังคมไม่น้อย
โครงการยุววิจัยประวัติศาสตร์เป็นโครงการที่ให้ยุววิจัยน้อยๆ ที่เรียนในระดับชั้นมัธยม ศึกษาตอนปลาย โรงเรียนละ 4 – 5 คน รวมเป็นเยาวชนประมาณ 100 คน เข้าไปสืบค้นรากเหง้าความเป็นมา ชาติพันธุ์ ประเพณีวัฒนธรรม วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนในท้องถิ่นของตนเอง เช่น
ยุววิจัยในเขตโพธารามสนใจเรื่องการปรับเปลี่ยนอัตลักษณ์ของคนลาวเวียง ที่อพยพมาจากเวียงจันทน์ในสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี และคราวศึกเจ้าอนุวงศ์ ในสมัยรัชกาลที่ 3 คนลาวเวียงแม้ว่าจะอพยพมาเป็นเวลาร้อยกว่าปีถึงสองร้อยปีเศษแล้วก็ตาม แต่ยังคงรักษาประเพณีวัฒนธรรมดั้งเดิมของตนเองไว้ได้ และลูกหลานยังคงรับรู้ความเป็นมาของบรรพบุรุษของตนเองอยู่เสมอ ยุววิจัยบางกลุ่มสนใจเรื่องประเพณีการโยนข้าวพันก้อนที่อาจเหลือแห่งเดียวของคนลาวเวียงที่บ้านหนองรี ขณะที่ยุววิจัยที่ช่องพรานสนใจการเก็บมูลค้างคาวที่ถ้ำค้างคาวร้อยล้าน ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของราชบุรี
ยุววิจัยที่บ้านโป่งสนใจวิถีชีวิตของคนมอญที่บ้านม่วง ทั้งเรื่องการรำผีมอญ วิถีชีวิตของคนมอญก่อนและหลังมีพิพิธภัณฑ์มอญที่บ้านม่วง ยุววิจัยอีกกลุ่มหนึ่งสนใจการบวชนาคของคนมอญที่ไม่เหมือนที่อื่น ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งศึกษาเกี่ยวกับวิถีชีวิตคนบ้านโป่งกับสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งเป็นดินแดนต้นทางของเส้นทางรถไฟสายมรณะ
ยุววิจัยที่ดำเนินสะดวกสนใจศึกษาวิถีชีวิตคนคลองดำเนินสะดวก คลองสายประวัติศาสตร์ที่ถูกขุดมาเป็นเวลาร้อยกว่าปี เพื่อการติดต่อระหว่างหัวเมืองกับกรุงเทพมหานคร และเป็นเส้นทางเสด็จประพาสต้นของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 วิถีชีวิตของคนในคลองดำเนินสะดวกจากอดีตสู่ปัจจุบันอาจเปลี่ยนไป แต่สิ่งที่อาจไม่เปลี่ยนคือคลองดำเนินสะดวกยังคงเกื้อกูลเลี้ยงดูผู้คนริมคลองเป็นอย่างดี นอกจากนี้ดำเนินสะดวกไม่ได้มีความน่าสนใจเฉพาะวิถีชีวิตของคนริมคลองเท่านั้น ความน่าสนใจยังอยู่ที่การมีคนหลายชาติพันธุ์ไปอาศัยอยู่รวมกันทั้งคนจีน คนไทย และไทยทรงดำ ดังนั้น ยุววิจัยบางกลุ่มจึงสนใจวิถีชีวิตของไทยทรงดำ ที่มีอัตลักษณ์โดดเด่นเป็นของตนเองทั้งประเพณี และเครื่องแต่งกายที่บ่งบอกความเป็นไทยทรงดำที่ดอนคลัง
ส่วนยุววิจัยที่บางแพศึกษาเรื่องกระบุงอาสา ซึ่งเกี่ยวกับวิถีชีวิตของคนไทยในอดีตที่อาจสืบต่อมาจนปัจจุบัน นอกจากเรื่องที่กล่าวมาแล้วยุววิจัยของราชบุรียังสืบค้นเกี่ยวกับที่มาของ กระเหรี่ยงกลุ่มใหม่ที่สวนผึ้ง กระเหรี่ยงที่บ้านคา ไทยทรงดำที่ชุมชนทุ่งหลวง วิถีชีวิตคนคูบัวเป็นใครมาจากไหน ซึ่งในปัจจุบันเรามักรู้จักคูบัวในนามของผ้าคูบัวผ้าที่มีความสวยงามและเป็นเอกลักษณ์ให้นึกถึงคนราชบุรี ศึกษาแหล่งโบราณคดีของจอมบึง ชื่อบ้านนามเมืองของด่านทับตะโก รวมทั้งการประกอบอาชีพทำปูนแดง และสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นการทำเปลโบราณ เป็นต้น
ในการสืบค้นเรื่องราวเหล่านี้ยุววิจัยต้องเข้าไปตามหมู่บ้านโดยมีอาจารย์ที่ปรึกษายุววิจัยประวัติศาสตร์แต่ละเรื่องร่วมเข้าไปทำวิจัย และคอยดูแลอย่างใกล้ชิด การเข้าไปในหมู่บ้านมีทั้ง การสำรวจสภาพภูมิทัศน์ของหมู่บ้าน พบปะพูดคุยกับคนเฒ่าคนแก่ ผู้รู้ หรือผู้นำชุมชนเพื่อสอบถามวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ประเพณีวัฒนธรรมดั้งเดิม เพื่อเปรียบเทียบกับปัจจุบันว่าประเพณี วิถีชีวิตอะไรในท้องถิ่นที่สูญหายไป สิ่งใดที่ยังอยู่และคงเป็นอัตลักษณ์ที่น่าภาคภูมิใจของท้องถิ่น และสิ่งเหล่านี้เมื่อก่อให้เกิดความภาคภูมิใจในท้องถิ่นของตนเองที่มีความหลากหลายแล้ว ย่อมเห็นว่าสังคมไทยเป็นสังคมที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม แต่ผู้คนหลายชาติพันธุ์สามารถอยู่ร่วมกันได้โดยเกื้อกูลกันเหมือนที่ราชบุรีมีความแตกต่างทางวัฒนธรรมแต่ไม่มีความแตกแยก คนราชบุรีจึงสามารถสื่อสารด้วยภาษาที่หลากหลายแต่เข้าใจกันได้และอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
เป็นโอกาสอันดีที่ยุววิจัยเหล่านี้จะได้สืบค้นร่องรอยความเป็นมาที่บรรพบุรุษของตนเองได้สร้างสรรค์ไว้ นอกจากก่อให้เกิดความภาคภูมิใจในความเป็นคนราชบุรีแล้ว เป็นสิ่งที่ดีที่เยาวชนในวัย 15 – 18 ปี เหล่านี้จะได้นำทฤษฎีที่มีในตำราเรียนที่ว่าด้วยวิธีการทางประวัติศาสตร์ และแนวคิดทางมานุษยวิทยาที่เคยเรียนหรือฟังจากคำบอกเล่าของครูในห้องเรียน มาสู่โลกกว้างในชุมชน ได้รู้จักการวางแผนการทำงาน การสืบค้นข้อมูล การฝึกหัดการเขียนบทความ สารคดี ตลอดจนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับยุววิจัยกลุ่มอื่น ๆ รู้จักนำเสนอเรื่องราวในที่สัมมนา หากเพียงเรียนรู้แค่ในห้องเรียนสี่เหลี่ยมแคบ ๆ ฟังครูเล่าเรื่องราวเพียงอย่างเดียว ไม่แน่ใจเด็กไทยจะคิดอะไรเป็นมากน้อยเพียงใด เมื่อเด็กคิดไม่เป็น ย่อมส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและโอกาสที่จะพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นกว่าเดิม
โครงการยุววิจัยประวัติศาสตร์เป็นโครงการที่ควรได้รับการส่งเสริมให้กว้างขวาง ถือเป็นความโชคดีที่สถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเพื่อพัฒนาชนบท มหาวิทยาลัยมหิดล โดยการสนับสนุนทุนวิจัยจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.)และโรงเรียนมัธยมศึกษาส่วนหนึ่งที่สนับสนุนส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนของตนเองได้เข้าร่วมโครงการวิจัย ซึ่งความร่วมมือเหล่านี้ย่อมส่งผลให้เยาวชนคนราชบุรีได้เกิดความรักและความภาคภูมิใจในท้องถิ่น รู้จักตัวตนของตนเองว่าเป็นใครมาจากไหน จะทำอะไรต่อไป และที่สำคัญเป็นรากฐานให้เด็กรู้จักการนำวิธีการทางประวัติศาสตร์ที่เรียนแต่ในตำราเรียนไปใช้ในการดำรงชีวิตต่อไปได้
ไม่มีความเห็น