เกือบเสียฟอร์มหมอใหญ่เพราะความขี้เกียจและรำคาญใจ


8-7-52

เมื่อ2เดือนที่ผ่านมาดิฉันออกตรวจคลินิค นรีเวชที่สถาบันบำราศนราดูร      ผู้ป่วยค่อนข้างเยอะและไม่ได้พักเลย         มีผู้หญิงที่มีบัตรประกันสังคมที่หน้าท้องค่อนข้างโตมีประวัติรักษากับโรงพยาบาลเอกชน           เธอแจ้งว่าอยากทำUltrasound            ดิฉันซักระเอียดทราบว่าลูก3คน       คนไข้บอกว่าหมอบอกว่าเป็นก้อนเนื้อในท้อง   ไม่มีเด็ก   x-rayแล้วไม่ต้องทำอะไร    ผู้ป่วยอยากทำUSที่บำราศอีกครั้งเพื่อดูว่าเป็นโรคอะไรกันแน่ ท้องหรือเปล่า      หมอเคยเจาะท้องไปตรวจ           ดิฉันพยายามแนะนำให้ไปที่เดิม   เธอยืนยันจะจ่ายเงินเอง  ขอทำ Ultrasound อย่างเดียว

ดิฉันรำคาญใจมาก        อยากจะส่งUSให้ตามที่ต้องการ    จิตดิฉันสั่งว่า     ถ้าเราไม่ตรวจภายในจะส่งUSไม่ได้เพราะเราไม่ใช่หมอทั่วไป         หลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้วก็ฉีกยิ้มพร้อมบอกว่าไปขึ้นขาหยั่งหมอจะตรวจให้ก่อนส่ง US    เธอรีบกระวีกระวาด           หลังจากตรวจแล้วก็พบว่าเป็นมะเร็งปากมดลูกที่ลามไปทำให้เกิดมีน้ำในท้อง

ดิฉันขอบคุณการดูจิตที่ทำให้ดิฉันมีสติก่อนที่จะส่งให้คนไข้เสียเงินโดยไม่ได้ประโยชน์          เมื่อทราบการวินิจฉัยแล้วจึงเรียกสามีมาคุยก็ทราบว่า   คนไข้และญาติรู้แล้วว่าเป็นมะเร็งแต่ไม่แน่ใจเพราะดูสบายดี   ท้องโตเฉยๆไม่มีอาการ   ดิฉันจึงเชิญผู้ป่วยมาคุย            อธิบายและแนะนำด้วยความเห็นใจให้ไปโรงพยาบาลเดิมและ รักษาตามหมอแนะนำเพื่อลดการเสียเงินทอง     ดูเธอเชื่อดืฉันมากขึ้น

ผู้ป่วยรายนี้อาจรับการสื่อสารไม่ถูกต้องหรือผู้ป่วยเองไม่ยอมรับโรคมะเร็ง   ถ้าดิฉันใช้อารมณ์ ในการดูแล   คงเสียฟอร์มแย่   น้องๆคงต่อว่าทำให้เพิ่มงานหมอรังสีโดยไม่จำเป็น

การดูจิตทำให้มีสติและทำอะไรด้วยเหตุผลมากขึ้นค่ะ   

 

ขอเล่าอีกราย  ระยะนี้ผู้ป่วยได้รับการกระตุ้นจากรัฐในการตรวจมะเร็งปากมดลูกทำให้คนมาตรวจมากขึ้นทั้งคนมีครอบครัวและคนโสด        บางคนโสดแต่ขยันมาตรวจ          หมอตรวจยากเพราะใส่เครื่องมือลำบากและเจ็บมาก

ดิฉันมีคนไข้มาตรวจมะเร็งปากมดลูก   หลังตรวจแล้ว  ระหว่างแต่งตัวเธอรีบบอกดิฉันว่าอยากให้ดูก้อนที่ท้องด้านซ้าย       เวลานอนไม่เห็น   ต้องยืนตรง   บางครั้งเห็น บางครั้งหายไป

ดิฉันหน้าเริ่มเปลี่ยนสีเล็กน้อยเพราะมีคนไข้เยอะมากๆที่ไม่ยอมบอกอาการครั้งเดียว        เมื่อเราตรวจเสร็จเธอจะเพิ่มอาการให้เราที่ละอย่างทำให้เราตรวจไม่เสร็จเนื่องจากเสียเวลาต้องมาตรวจหลายครั้ง   

 คนไข้ดูเป็นคนฉลาดพอควร       พอเห็นหมอชักเงียบค้วยความรำคาญคุณเธอก็ง้อดิฉันพร้อมยกมือไหว้ตรวจให้ฉันหน่อยนะ   อยากรู้จริงๆ  

จิตดิฉันตอบโต้ไปว่าเธอทำไมไม่บอกตั้งแต่ก่อนตรวจ      แต่งตัวแล้วต้องไปถอดเสื่อผ้าอีกทำให้เสียเวลามาก           แต่ด้วยความมีสติดิฉันฝืนพยักหน้าและนำคุณเธอไปตรวจอีกครั้ง           ดิฉันสงสัยว่าเป็นไส้เลื่อนในสตรีซึ่งเราพบน้อย   ดิฉันส่งให้ศัลยกรรมวินิจฉัยอีกครั้งและมาตามดูการวินิจฉัยก็ทราบว่าเป็นไส้เลื่อนในสตรีซึ่งตัวดิฉันเองก็พบน้อยค่ะ

ขอบคุณคนไข้ที่ทำให้มีความรู้และขอบคุณหลวงพ่อที่ทำให้มีสติและเห็นใจผู้ป่วยมากขึ้น          ทุกข์น้อยลงจากความไม่คาดหวังผู้อื่น           มีชีวิตเป้นอิสระมากขึ้น       อดทนผู้ป่วยมากขึ้นค่ะ 

 

 ส่วนนี้นำมาจากผู้ป่วยที่มาคุยกันค่ะ

 

เราเคยเป็นนะคะ

อย่าเพิ่งวิตก เราแนะนำให้ไปหาหมอดีกว่า
ถ้าหมอเค้าสงสัย เค้าจะส่งไปตรวจกับศัลยแพทย์อีกที
ปรึกษาพ่อแม่ดูน้า

อาการที่เราเป็นเนี้ย
คือเวลาคลำจะมีก้อนเนื้อ ถ้ากดไปมาจะรุสึกเจ็บ
มันจะอยู่บริเวณหัวเหน่า ถ้ามีอาการเจ็บข้างใดข้างหนึ่ง
รึเวลาที่ไอ รึเบ่งแรงๆแล้วก้อนตรงนั้นมันแข็งตัว
อีกอย่างคือ เวลานอนมันจะราบไปไม่เห็นก้อน แต่เวลายืนจะเห็น

แนะนำให้ไปหาหมอนะคะ
เชื่อเรานะ อย่าเพิ่งตกใจ
โชคดีนะคะ ^^

 

หมายเลขบันทึก: 274493เขียนเมื่อ 8 กรกฎาคม 2009 15:45 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 07:47 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)
  • ดิฉันชื่นชมคุณหมอเสมอค่ะ ที่กรุณาเสียสละเวลาที่ควรจะพักผ่อนแล้ว (ก็เกษียนแล้วนี่ค่ะ) มาให้บริการกับสังคมอีก
  • มือของคุณหมอ เป็นมือคุณภาพ มาจากใจที่เมตตา ... ช่วยปัดเป่าให้ผู้คนพ้นทุกข์ค่ะ
  • ขอให้คุณหมอมีพลังกาย ใจ มีความสุขมากๆ นะคะ

ขอบคุณคุณ Bright Lily ที่เข้ามาเยี่ยมค่ะ

  • อาการคล้าย ๆ กัน เคยเป็นแล้ว ผ่าตัดออกแล้วค่ะ เป็นก้อนเนื้องอก...เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผ่าตัดใหญ่ค่ะ...
  • จากนั้นมา ก็ไปตรวจทุกครึ่งปีค่ะ เห็นใจคุณหมอมากค่ะ ต้องคลำบ่อย ๆ ...
  • ถือว่าเป็นส่วนที่ลึกลับที่สุดของภายในที่ทำให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ภายในไปด้วยเช่นกันค่ะ  ศิลาเชื่อว่าเป็นบุญของเรานะคะที่ได้ฟังธรรมเหมือนน้ำรดใจที่แห้งผากค่ะ
  • ขอบพระคุณคุณหมอที่แบ่งปันประสบการณ์ที่หายากที่จะมีท่านใดมาเล่าให้ฟังค่ะ  มุมมองชองศิลาก็คือมุมมองของผู้ป่วย ไม่เคยเห็นมุมมองของคุณหมอมาก่อนค่ะ...

ขอบคุณคุณศิลาที่มาเติมเต็มให้หมอค่ะ

การรักษาผู้ป่วยต้องอดทนเหมือนงานบริการทั่วไปซึ่งถ้าขาดสติก็จะเกิดการโต้เถียง ฟ้องรอง ซึ่งส่วนใหญ่คนจะเห็นใจผู้ป่วยมากกว่าหมอเพราะถูกกำหนดให้เป็นหน้าที่

อาชีพแพทย์น่าจะต้องมีหลักสูตรการฝึกสติจะได้อดทนต่อความคาดหวังของผู้อื่นและสื่อสารผู้ป่วยด้วยความเมตตาค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท