อำนาจเหนือธรรมชาติ


อำนาจเหนือธรรมชาติจะนำพาสังคมไทยไปถึงไหน

"อำนาจเหนือธรรมชาติจะนำพาสังคมไทยไปถึงไหน?" คงไม่มีคำตอบที่ถูกต้องที่สุด เนื่องจากความรู้ของเราในด้านวิทยาศาสตร์และอำนาจเหนือธรรมชาติที่โยงเกี่ยวกับจักรวาล ยังอยู่ในระดับอนุบาล การพยายามหาคำตอบ 'ที่ถูกต้อง' จากข้อมูลที่เรารู้เพียงนิดเดียว จึงไม่ต่างจากคนตาบอดคลำช้าง

ก่อนอื่น ขอทำความเข้าใจกับคำว่า 'วิทยาศาสตร์' ให้ตรงกันเสียก่อน คนส่วนมากมักใช้คำว่าวิทยาศาสตร์ในความหมายเดียวกับ 'เทคโนโลยี' ทั้งที่ความจริงแล้ว วิทยาศาสตร์มิใช่เทคโนโลยี วิทยาศาสตร์เป็นเพียงเครื่องมือและกระบวนการคิดแบบหนึ่งเท่านั้น โดยมีผลพลอยได้เป็นเทคโนโลยี พูดง่ายๆ คือ เทคโนโลยีมาจากวิทยาศาสตร์ แต่วิทยาศาสตร์ไม่ใช่เทคโนโลยี

วิทยาศาสตร์ใช้วิธีการคิดแบบเหตุผล โดยมีเครื่องมือสำคัญคือ การพิสูจน์ และเมื่อความเชื่อใดถูกพิสูจน์ด้วยหลักฐานที่ดีกว่าว่าผิด ความเชื่อนั้นก็ถูกล้มล้างไป และความเชื่อใหม่ก็รอวันถูกล้มล้างต่อไปเรื่อยๆ เมื่อมองในมุมนี้ เราจะพบว่า พุทธศาสนานั้นใช้หลักวิทยาศาสตร์อย่างเต็มที่ นั่นคือ สอนให้คนรู้จักคิด รู้จักหาเหตุผล เช่น เมื่อเกิดทุกข์ ก็หาสาเหตุของทุกขที่รากเหง้าของมัน เป็นต้น

เป็นความจริงที่คนจำนวนมากบอกว่า ความเชื่อในอำนาจเหนือธรรมชาติมิได้เกิดขึ้นแต่ในสังคมไทย หากเป็นทั้งโลก และเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมานานนม อันมีความนัยว่า "หากของไม่ดี ก็คงอยู่ไม่ได้นานขนาดนี้) แต่ประเด็นก็คือ สิ่งใดที่อยู่ยั้งยืนยงมาตั้งแต่วันแรกของอารยธรรมมนุษย์และใช้กันทั่วโลก มิได้แปลถึงว่าสิ่งนั้นมีคุณค่า ตรงกันข้าม มีเรื่องที่ไร้คุณค่าหลายเรื่องที่อยู่มานานเป็นพันๆ ปี

การมองเรื่องที่แตกต่างหรือสวนทางกับสิ่งที่เราได้รับการสั่งสอนหรือคลุกคลีมาแต่เด็ก อาจทำให้เราไม่สามารถเปิดใจได้กว้างพอ (ด้วยประโยคฮิตคือ "ไม่เชื่ออย่าลบหลู่") การคุยกันในประเด็นนี้จึงต้องวางทิฐิหรือความเชื่อเดิมๆ ลงชั่วคราวเสียก่อน

โลกเราแคบลงทุกวัน การแข่งขันสูงขึ้นทุกวัน ไม่ว่าจะชอบใจหรือไม่ก็ตาม ข้อมูลในปัจจุบันเผยว่า ระบบการศึกษาของไทยเราอ่อนกว่าของหลายๆ ประเทศ คุณภาพทางปัญญาของเราก็อ่อนแอลง ดังนั้นหากเรายังนั่งเฉยโดยไม่ทำอะไร ช้าหรือเร็วเราจะพบว่า เราไม่อาจอยู่รอดในสังคมโลก และหากเราไร้วิสัยทัศน์มองไปในอนาคต เราอาจอยู่ไม่รอดทั้งที่มีทรัพยากรธรรมชาติทั้งแผ่นดินเป็นต้นทุน ความจริงก็คือ สังคมที่แกร่งกว่า มีวิธีการคิด การวางแผนที่ดีกว่า จะกลืนกินสังคมที่อ่อนแอกว่า พูดง่ายๆ คือ ผู้ที่สร้างโอกาสจะกลืนกินผู้ที่รอโอกาส

ก็กลับมาสู่คำถามที่ว่า ความเชื่อในอำนาจเหนือธรรมชาติส่งผลบวกหรือผลลบต่อสังคมของเรา?

ความเชื่อในอำนาจเหนือธรรมชาตินั้นแบ่งการใช้ออกเป็นสองทาง หนึ่งคือพวกที่ใช้ความเชื่อในอำนาจเหนือธรรมชาติเพื่อเสริมความเข้มแข็งทางใจ สองคือพวกที่ใช้อำนาจเหนือธรรมชาติเพื่อหวังรวยทางลัด

กรณีแรกนั้นไม่ต่างจากการขอพรจากพ่อ แม่ พระ เพื่อทำให้จิตเข้มแข็งขึ้น หรือเพื่อความเป็นมงคล ไม่มีผลลบต่อสังคม ทว่าเราก็ต้องตั้งคำถามว่า มีทางอื่นอีกหรือไม่ที่เราสามารถหาความมั่นคงทางใจนอกเหนือจากความเชื่อในอำนาจเหนือธรรมชาติ? เป็นไปได้หรือไม่ว่าความเชื่อในอำนาจเหนือธรรมชาติอาจมีสิ่งทดแทนได้ เช่น การมีสติ ปัญญา การรู้จริง ดังเช่นผู้ที่เข้าใจกลไกของปรากฏการณ์ฟ้าร้องย่อมไม่กลัวฟ้าร้อง เป็นไปได้หรือไม่ที่ปัญญาที่ดี นอกจากจะแก้ปัญหาแล้ว ยังสามารถใช้แทนความเชื่อได้ด้วย?

ส่วนในกรณีหลังเป็นส่วนผสมของความขี้เกียจบวกความโลภ ส่งผลลบต่อสังคมในระยะยาว เนื่องจากไม่มีการสร้างสรรค์งานเกิดขึ้น ไม่ก่อให้เกิดการพัฒนาคน เศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากธุรกิจอำนาจเหนือธรรมชาติเป็นเพียงภาพลวงตาของอุปสงค์อุปทานปลอมๆ

ในสังคมที่เป็นส่วนผสมของ 'ความเชื่อ' กับ 'ปัญญา' เราต้องให้ปัญญานำทาง แยกแยะให้ออกว่าอะไรเป็นเปลือก อะไรเป็นแก่น การบอกว่ามนุษย์เราก็เช่นบัวสี่ประเภทในความหมายว่า "ก็ยอมรับมันเถอะ" จะไม่นำพาเราก้าวออกจากบัวชั้นล่าง

ถ้าเช่นนั้นปัญญาเกิดจากอะไร? คำตอบก็คือเกิดจากความรู้และความสันโดษ ทว่าความรู้มิได้เกิดจากในห้องเรียนเสมอไป ความรู้เกิดจากการรู้จักคิดหาเหตุผลและตั้งคำถามต่อทุกสิ่งในสังคม เช่นที่พระพุทธเจ้าเคยทรงสอนให้เรารู้จักตั้งคำถามตามหลักกาลามสูตร

เราต้องกล้าถาม กล้าซัก กล้าที่จะไม่ยอมรับอะไรง่ายๆ ไม่ว่าความคิดนั้นจะดำรงอยู่ในโลกมากี่พันปีก็ตาม เพราะนี่เป็นทางเดียวในการเสริมสร้างปัญญาให้สังคม และเพราะแม้ว่าเราจะเป็น 'คนตาบอด' แต่การใช้ปัญญาในการคลำ เรามิเพียงสามารถแยกแยะช้างออกจากแรดได้ ยังอาจสามารถแยกแยะช้างแอฟริกาออกจากช้างเอเชียได้ด้วย

หมายเลขบันทึก: 272845เขียนเมื่อ 2 กรกฎาคม 2009 16:12 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 เมษายน 2012 13:44 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

ถึงจะเยอะไปหน่อย แต่ก็ดีสำหรับทุกๆๆคนที่เข้มาอ่าน

เยอะมากโทดทีเราอ่านไม่หมด

บ้าการเมืองนร้ามึงอ่ะ จริงหรอเขียนมาซะยาวเลยที่แท้ก้อก็อปของเค้ามา

กรูล้อเล่นนร้า กรูก้อว่างั้นแหละเดวนี้บ้านเมืองมีปัญหามากเนาะย่างที่เมิงพูดจิงๆ

P ชอบรูปแทนตัวค่ะ

ใช่หลินฮุยหรือป่าวค่ะ

  • แวะมาชมและเพิ่มเติมสติปัญญาครับ

คลิกที่รูป เพื่อเอาโค้ดรูปนี้ไปแปะ

[ของตกแต่งโดนๆคลิกเลย]เอากล้วยบัวมาฝากด้วยค่ะ.ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ....

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท