เล่าเรื่องดวงไฟประหลาด.........เมื่อ 50 ปี ก่อนที่บ้านคลองเรียน หาดใหญ่
เคยเห็นกันมาบ้างรึเปล่าครับ กลุ่มดวงไฟประหลาดสีแดงขุ่น ลอยไปลอยมาอยู่บนต้นไม้ใหญ่เวลาค่ำคืน(โดยเฉพาะในคืนเดือนมืด) หลายคนอาจจะนึกหรือจินตภาพเป็นรูปของดวงไฟขนาดเท่าลูกฟุตบอล สีแดงๆ เข้มๆ กำลังลอยไหลเวียนอยู่บนกิ่งก้านต้นไม้อย่างน่าพิศวงงงงวยว่ามันคืออะไร มันเป็นสัตว์ มันเป็นผี หรือมันเป็นตัวอะไรกันแน่ อย่ามัวรอช้าอยู่เลยขยับเข้ามาใกล้ๆสิผมจะเล่าให้ฟัง...........จากประสบการณ์ออกเดินทางทั้งเพื่อท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆ ทั้งเพื่อออกเก็บเสาะแสวงหาข้อมูลทางไทยศึกษา หรือแหล่งองค์ความรู้ใหม่ๆอันนำพามาซึ่งการทราบถึงประวัติความเป็นมาของแหล่งประวัติศาสตร์ ความเชื่อที่แตกต่างกันไป จนครั้งหนึ่งผู้เขียนได้มีโอกาสออกเก็บข้อมูล ออกเก็บประวัติความเป็นมาของอำเภอเหนือ(อำเภอหาดใหญ่)จึงทำให้พอที่จะทราบถึงเรื่องราวทางความเชื่อเกี่ยวกับลูกไฟประหลาด หรือดวงไฟประหลาดจำนวนหนึ่งที่คนในบ้านคลองเรียน อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาในอดีตล่วงเลยผ่านมากว่า 50 ปี แล้วต่างขนานนามให้ว่า......“ชิน” ชินมีรูปร่างลักษณะยังไง จากการสอบถามคนเฒ่าคนแก่ภายในพื้นที่ที่อายุเกิน 60 ปี ทำให้พอที่จะทราบได้ว่า ชิน มีรูปลักษณะเป็นดวงไฟสีแดงขุ่นเข้ม บ้างก็ว่าเป็นสีแดงมากๆ มีปลายหางยาวประมาณ 50 เซนติเมตร ชินมีอยู่หลายขนาด อย่างเล็กๆว่ากันว่ามีขนาดเท่ากับลูกฟุตบอล แต่ถ้าใหญ่ขึ้นมาหน่อยน่าจะมีขนาดเท่ากับตะแกรง หรือฝาครอบพัดลมเลยก็ว่า ชินจะล่องลอยอยู่บนต้นไม้ใหญ่อย่างช้าๆคล้ายกับฝูงงูเขียวต้นไม้ที่เลื้อยไหลไปมาระหว่างกิ่งก้านใบของไม้ใหญ่อย่างละมุนนุ่ม เคลื่อนไหวไปมาจากต้นหนึ่งไปสู่อีกต้นหนึ่ง
ซึ่งในเรื่องนี้คุณพ่อระนอง ไชยโรจน์(อายุ 62 ปี)ได้เล่าถึงประสบการณ์ในอดีตที่ผ่านเลยมากว่า 50 ปีเอาไว้ว่า “สมัยเมื่อ 50 ปีก่อนเมืองหาดใหญ่ยังไม่สู้เจริญนักเหมือนในปัจจุบัน วัดคลองเรียนบ้างก็ว่าคลองเวียน เนื่องจากเคยมีคลองเวียนล้อมรอบวัดมาก่อน(คำบอกเล่าของพ่อท่านแก้ว เจ้าอาวาสวัดคลองเรียนรูปปัจจุบัน) ถนนสายคลองเรียน 2 ยังเป็นเพียงถนนสายดินลูกรังที่สมัยก่อนมีสัตว์จำพวกกวาง เสือ หรืองูบองหลา(งูจงอาง)เที่ยวเลื้อยเพ่นพานเป็นจำนวนมาก บริเวณเปิดท้ายกรีนเวย์ยังเป็นแอ่งน้ำขนาดย่อมๆที่เรียกกันว่า “วังน้ำดำ” ซึ่งมีเหล่าสัตว์ร้ายนานาพันธุ์อาศัยอยู่ บริเวณวัดคลองเรียนก็เช่นกันยังไม่มีตัวอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างในแบบปัจจุบันมากนัก กำแพงวัดก็ยังไม่มีแต่ชาวบ้านก็ยังคงให้ความเคารพและศรัทธาหลวงพ่อปาน(ลิ้นดำ)อันถือเป็นศูนย์รวมทางจิตวิญญาณของชาวบ้านที่นี่กันอย่างยึดมั่นถือมั่น โดยเฉพาะเมื่อใดก็ตามที่มีกิจกรรมของทางวัด อาทิ งานเวียนเทียน จะมีชาวบ้านราว 300-400 คนมาร่วมงานเป็นประจำ โดยเฉพาะเวลามาเวียนเทียนในยามพลบค่ำนี่เองทำให้หลายๆคนที่มาร่วมงานภายในวัดได้มีโอกาสเห็นดวงไฟประหลาดเหล่านั้น ดวงไฟ หรือลำแสงสีแดงขุ่นราว 3-4 ดวง ขนาดเท่ากับลูกฟุตบอล ลอยอยู่หลังวัดคลองเรียน ห่างจากวัดไปทางหมู่บ้านร่มเย็น(ปัจจุบัน)ราว 700 เมตร ดวงไฟเหล่านั้นลอยอยู่บนต้นยางใหญ่ขนาดสูงเท่าตึก 4 ชั้น เหล่าดวงไฟ หรือลูกไฟก็ว่า ลอยไปลอยมาอยู่บนต้นยางจากต้นหนึ่งไปยังอีกต้นหนึ่งอย่างช้าๆ หลายคนเรียกมันว่า “ชิน” และไม่แน่ใจว่ามันเป็นผี หรือเป็นสัตว์กันแน่ แต่ผู้คนที่มาร่วมงานเวียนเทียนภายในวัดคลองเรียนก็เห็นมันแทบทุกปี”
จากที่มีการกล่าวอ้างถึงต้นยางใหญ่ในอดีต(เข้าใจว่าน่าจะเป็นต้นยางป่า) ผู้เขียนจึงทำการค้นคว้าหาข้อมูลถึงสถานที่ตั้งของต้นยางใหญ่ว่าอยู่ที่ไหน จึงทำให้พอที่จะได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าต้นยางใหญ่ที่ว่านั้นมีกันอยู่หลายต้น กระจุกตัวกันเป็นป่ารก แต่ที่จัดว่ามีลำต้นใหญ่กว่าเพื่อนนั้นมีอยู่ต้นหนึ่ง เป็นต้นยางที่ยืนต้นอย่างสง่าในผืนดินของทวดปาน พัฒโน และทวดแดง ทวีรัตน์ซึ่งในขณะนั้นสถานที่ดังกล่าวยังมีสภาพเป็นทุ่งร้าง และรกชัน ต้นยางใหญ่ที่เป็นที่อยู่ของดวงไฟประหลาด(ชิน) เชื่อกันว่าเป็นต้นยางที่ยืนต้นกลางดินของทวดทั้งสอง ปัจจุบันน่าจะเป็นสถานที่ตั้งของหมู่บ้านร่มเย็น ซึ่งไม่สามารถระบุ หรือกำหนดพิกัดที่ตายตัวได้เสียแล้ว อนึ่ง ใกล้กับต้นยางใหญ่ดังกล่าว ว่ากันว่ามีบ้านปลูกสร้างอยู่เพียงหลังเดียวเท่านั้น คือ บ้านของ “หมอเวียง” ซึ่งเป็นครูหมอตั้งศาลพระภูมิ หมอเวียงมีน้องชายอยู่คนหนึ่งมีชื่อว่า “หมอสิน” ปลูกบ้านอยู่แถวที่ดินถนนสามสิบเมตร ชาวบ้านเชื่อกันว่าทั้งหมอเวียง และหมอสิน ต่างเป็นลูกศิษย์ของครูโนราห์ยาน อินสุวรรณโน แห่งบ้านทุ่งเสา ผู้ชำนาญคาถาอาคม จึงไม่แปลกที่หมอเวียง จะมาปลูกสร้างบ้านภายในบริเวณป่ายางดังกล่าวอย่างไม่เกรงกลัวเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับดวงไฟประหลาดแต่ประการใด ยังมีชาวบ้านอีกหลายคนเชื่อว่าดวงไฟประหลาด หรือชิน นั้นเป็นผีที่หมอเวียงเลี้ยงเอาไว้เฝ้าบ้านก็ว่า จึงเป็นความเชื่อของคนอีกกลุ่มหนึ่งว่า ชิน นั้นจัดเป็นผีประเภทหนึ่ง พูดถึงเรื่องชิน แล้วผู้เขียนจึงลองจินตนาการดูเอาว่ามันเป็นไปได้รึเปล่าที่จะมีฝูงหิงห้อยฝูงใหญ่ๆสัก 3-4 ฝูง ออกหากิน เปล่งแสงพร้อมกัน ในเวลาเดียวกัน ปรากฏว่าคนเฒ่าคนแก่หลายคนท้วงมาว่า หิงห้อยมันสีขาวขุ่น แต่ที่พวกเขาเห็นเมื่อราว 50 ปีก่อนนั้นมันเป็นดวงไฟสีแดงขุ่นขนาดใหญ่ ที่สำคัญไม่ได้เห็นคนเดียวแต่เห็นกันหลายร้อยคน ข้อสันนิษฐานว่าชินเป็นหิงห้อยนี่เลยตกไป หรือถ้าจะสันนิษฐานเอาไว้แบบพิสดารว่ามีคนคิดอุตริปีนต้นไม้แล้วเอาคบเพลิงไปโบกเล่น 3-4 อันในยามค่ำมืดก็คงเป็นความคิดที่สู้จะไม่ปกติดีนัก บริเวณดังกล่าวเป็นป่ายางรกมาก แถมต้นยางป่าก็สูงราวตึก 4 ชั้น คงจะมีแต่คนบ้าเท่านั้นแหล่ะที่จะกล้าปีนแล้วเอาคบเพลิง หรือคบไฟขึ้นไปโบกเล่น ดีไม่ดีปีนพลาดตกลงมาคอหักตายมันจะคุ้มหรือเปล่านี่ยังคงเป็นข้อสงสัยกันอยู่
คราวนี้เลยไปถามคุณปู่ไข่ ไชยโรจน์(อายุราว 92 ปี)ท่านเล่าให้ฟังเกี่ยวกับเรื่องชินว่า “เมื่อราว 80 ปีก่อนต้นตระกูลของคุณปู่และคุณย่าคือ คุณทวดเอี้ยง ทวีรัตน์ และทวดแดง ทวีรัตน์(บุญโชติ)ทั้งสองท่านนี้เป็นต้นตระกูลของผู้เขียน ครั้งหนึ่งท่านทวดทั้งสองได้ออกเดินทางไปซื้อที่ดินของ “ลุงเจี้ยน” ซึ่งเป็นดินที่อยู่ในบริเวณป่าข้างทางขึ้นควนเจดีย์(เขาคอหงส์) ปัจจุบันคาดว่าที่ดินดังกล่าวคือบริเวณใดบริเวณหนึ่งตรงส่วนหน้าของบ้านทุ่งรี หลังจากซื้อที่ดินเสร็จแล้วท่านทั้งสองก็ได้ออกสำรวจที่ดังกล่าวจนถึงเวลาพลบค่ำ ปรากฏมีฝูงชิน หรือลูกไฟประหลาดราว 2-3 ดวงลอยไปลอยมาระหว่างยอดต้นมะพร้าวจากต้นหนึ่งไปยังอีกต้นหนึ่ง ลักษณะเป็นดวงไฟมีสีแดงขุ่นขนาดเท่ากับลูกฟุตบอล มีหางยาวราวครึ่งเมตร ยืนมองชินเหล่านั้นอยู่ได้สักครู่จนลูกไฟกลุ่มนั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับว่ามันไม่มีตัวตนอยู่ในอากาศธาตุ เห็นกันทั้งสองคนในแบบเดียวกัน”
นอกจากนี้คนโบราณล้วนเชื่อว่าเวลาเจอชิน แล้วอย่าชี้นิ้วมือไปทางที่มันลอยอยู่ เพราะมีคติโบราณว่าชินจะนำพาสิ่งไม่ดี หรือความซวยมาเข้าตัวผู้ชี้ได้ แต่ก็มีความเชื่อของชนอีกกลุ่มหนึ่ง คือ ชาวบ้านบริเวณเขาชนไก่ จังหวัดกาญจนบุรี ที่เชื่อเกี่ยวกับเรื่องดวงไฟประหลาดว่าหากเจอดวงไฟดังกล่าวบนต้นไม้ แล้วปรากฏว่าดวงไฟนั้นเลื้อยลงมาสู่พื้นดิน หรือดวงไฟลอยอยู่เหนือพื้นดินเพียงเล็กน้อย หมายถึงจะมีความโชคดีเข้ามาเยือน ให้วิ่งตามดวงไฟ(ชิน)ให้ทันว่าดวงไฟเหล่านั้นจะไปหยุด หรือหายไปในบริเวณใด.......คนโบราณเขาเชื่อกันว่ามักจะมีทรัพย์สมบัติฝังซ่อนอยู่ภายในบริเวณนั้น ผู้เขียนเคยมีประสบการณ์ออกเดินทางเก็บข้อมูลทางวัฒนธรรม ไทยคดีศึกษา และคติชาวบ้านภาคใต้ในจังหวัดต่างๆ และในรัฐทางตอนเหนือของประเทศมาเลเซีย ในหมู่ชาวมาเลเซียเชื้อสายไทยอันเรียกตนว่า “ไทยสยาม” (ไทรบุรี กลันตัน และปะลิต) จึงได้เก็บข้อมูล และเรื่องเล่าอีกเรื่องหนึ่งว่า หลายคนเชื่อกันว่า ชิน เป็นดวงวิญญาณชั้นต่ำอีกประเภทหนึ่งที่พวกหมอเข้าทรงโนราห์ โนราห์โรงครู หมอไสยศาสตร์ และหมอตั้งศาลมักนิยมเลี้ยงเอาไว้เพื่อเฝ้าบ้าน บ้างก็ว่าชิน จะเสริมดวงชะตาราศีให้แก่ผู้เลี้ยงได้ลาภ ยศ สรรเสริญ โดยมากนิยมเลี้ยงชิน เอาไว้ภายนอกบ้าน บ้างก็ว่าใครที่มีบ้านยกพื้นสูงมักนิยมเลี้ยงไว้ใต้ถุนเรือนต่างหมาเฝ้าบ้าน ให้อาหารหรือเครื่องเซ่นวันละครั้ง แต่ชินก็ใช่จะมีแต่ข้อดีเพียงอย่างเดียว ว่ากันว่าหากใครเลี้ยงไม่ดี หรือควบคุมชินเอาไว้ไม่อยู่ ชินจะกลับมากินเจ้าของหรือคนเลี้ยงให้ถึงแก่ความตายได้ เป็นต้น
เขียนบันทึกมาจนถึงตรงนี้คงทำให้หลายคนรู้จักกับ “ชิน” หรือผีชนิดหนึ่ง(สันนิษฐานของผู้เขียน)ได้ในระดับหนึ่ง ชิน ถือเป็นความเชื่อโบราณที่มีมาคู่กับชาวบ้านคลองเรียน มาเป็นเวลาช้านานแล้ว เมื่อ 80 ปีก่อน หรือเมื่อ 50 ปีก่อน ไม่ว่าสิ่งที่ชาวบ้านคลองเรียนในอดีตเห็นจะเป็นอะไร จริงหรือเท็จประการใด แต่มันก็กลายเป็นตำนานประจำถิ่นไปเสียแล้ว
เขียน/เรียบเรียง : คุณาพร ไชยโรจน์
ถ่ายภาพประกอบ : กิตติพร ไชยโรจน์
12 กันยายน 2551/9.13 น./ www.siamsouth.com
ห้องคุยกับคุณาพร/ศิลปวัฒนธรรมไทยภาคใต้/สงขลา http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0
แวะมาอ่านเรื่องแปลกค่ะ
ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณสำหรับคำติชมครับ......^ - ^
เคยอยู่บ่อยๆค่ะ แถวบ้านที่นครศรี ก็สงสัยว่ามันคืออะไร !!!! ขอบคุณผู้เขียนทำให้รู้เรื่องราวข้างต้น :)