ค้างเอาไว้หลายวัน (จนเกือบลืมไปแล้ว) ว่าเล่าเรื่องที่ไปกลุ่มแม่พริกเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2549 ยังไม่จบเลย (เพิ่มนึกออกเมื่อกี้นี้เองค่ะ เพราะ กำลังจะเขียนบันทึกใหม่เกี่ยวกับกลุ่มแม่พริกซึ่งผู้วิจัยเพิ่งไปมา) งั้นขอเล่าต่อเลยนะคะ
วันนั้นหลังกลับจากกลุ่มพระบาทวังตวงแล้ว ผู้วิจัยได้มาเก็บภาพบรรยากาศในวันออมต่อ (ในช่วงบ่าย ซึ่งสมาชิกค่อยๆทยอยมาเป็นระยะๆ) นอกจากนี้แล้วยังมีการพูดคุยกับคณะกรรมการเกี่ยวกับบันทึกความร่วมมือตำบลละแสนด้วย สำหรับแผนงานที่ต้องปฏิบัติเมื่อได้รับการสนับสนุนงบประมาณลงมา ทุกคนมีความเห็นตรงกันว่าสำหรับพื้นที่แม่พริกนี้คงจะเน้นการดำเนินการใน 2 เรื่องหลัก คือ
1.การขยายสมาชิกในพื้นที่ และการตั้งกลุ่มใหม่ในตำบลต่างๆ เรื่องนี้คณะกรรมการ รวมทั้ง อ.ธวัช ซึ่งเป็นประธาน จะเริ่มดำเนินการไปแล้ว คือ ในส่วนของการตั้งกลุ่มใหม่ ได้มีการไปพูดคุยกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อทำความเข้าใจในเรื่องการออมวันละ 1 บาท และได้นำแผ่นพับที่ทางกลุ่มจัดทำขึ้นไปมอบให้กับพื้นที่ต่างๆแล้ว ในส่วนของการขยายสมาชิกในพื้นที่ จะเปิดรับสมัครสมาชิกใหม่ทุกเดือน แต่ในเดือนมิถุนายน 2549 จะเป็นวาระพิเศษ เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงครองราชย์ครบ 60 ปี ทางกลุ่มจะเปิดรับสมัครสมาชิกที่เป็นผู้สูงอายุ (อายุ 60 ปีขึ้นไป) โดยมีกติกาว่า ผู้ที่มีอายุระหว่าง 60-69 ปี จะต้องนำบุคคลอื่นมาสมัครพ่วงด้วย 1 คน , ผู้ที่มีอายุระหว่าง 70-79 ปี จะต้องนำบุคคลอื่นมาสมัครพ่วงด้วย 2 คน , ผู้ที่มีอายุระหว่าง 80-89 ปี จะต้องนำบุคคลอื่นมาสมัครพ่วงด้วย 3 คน สาเหตุที่ต้องมีการกำหนดเงื่อนไขพิเศษขึ้นมาเช่นนี้ เนื่องจาก ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงในเรื่องการรักษาพยาบาลและการเสียชีวิตสูง ทั้งนี้เพื่อความมั่นคงของกลุ่มจึงต้องมีการกำหนดกติกาพิเศษนี้ขึ้นมา
2.การทำวิสาหกิจชุมชน ซึ่ง๕ระกรรมการกลุ่มมีความเห็นพ้องต้องกันว่าจะทำ "ปุ๋ยอินทรีย์" จากมูลวัว เนื่องจาก อำเภอแม่พริก เป็นพื้นที่ที่มีการเลี้ยงวัวมากที่สุดในจังหวัดลำปาง ทำให้มีมูลวัวเป็นจำนวนมาก ในปัจจุบันจะมีพ่อค้าคนกลางจากจังหวัดลำพูนและเชียงใหม่มารับซื้อมูลวัวเหล่านี้ ทางกลุ่มจึงคิดที่จะทำ "ปุ๋ยอินทรีย์" จากมูลวัว ขณะนี้ได้มีการออกแบบโรงเก็บมูลวัวแล้ว ใช้งบประมาณก่อสร้างประมาณ 150,000 บาท ทางกลุ่มจะขออนุมัติงบประมาณจากทาง อบต.และเทศบาลในการสร้างโรงเก็บมูลวัว หากทำได้เป็นรูปเป็นร่างแล้ว ต่อไปจะมีการขยายการออมจากการออมด้วยเงินเพียงอย่างเดียว เป็นการออมด้วยมูลวัวก็ได้ค่ะ
ก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับบ้าน ในช่วงบ่าย3-4 โมง คณะกรรมการได้เคลียร์เงินและเคลียร์บัญชีการออมเงินของสมาชิก ปรากฎว่าเงินครบตามจำนวนสมาชิกที่มาออม ทุกคนมีความสุขกันมาก ส่วนผู้วิจัยก่อนจะกลับได้ไปหาพ่อหลวงของบ้านแม่พริก เพื่อให้พ่อหลวงทำกระปุกออมสินไม้ไผ่ให้ ตอนแรกก็กลัวว่าพ่อหลวงจะไม่รับทำเหมือนกัน เพราะ เราไม่มีแบบไปให้ (ความจริงมีตั้ง 2 แบบ ค่ะ แบบที่หนึ่งไม่ค่อยถูกใจสักเท่าไหร่ แต่ทำง่าย ส่วนแบบที่สองถูกใจมาก แต่ทำยากมากค่ะ) คุยไปคุยมา ปรากฎว่าพ่อหลวงรับปากว่าจะทำให้ ผู้วิจัยดีใจมาก พ่อหลวงคิดราคากระปุกละ 10 บาท (ถูกมากค่ะเมื่อเทียบกับกระปุกออมสินเซรามิกส์และกระปุกออมสินไม้ไผ่ที่ผู้วิจัยกับอาจารย์พิมพ์ไปสอบถามราคามา) ผู้วิจัยสั่งทำ 100 กระปุกก่อน แล้วจะค่อยๆทยอยสั่งทำอีกค่ะ
วันนั้นเลยกลับที่พักด้วยความ Happy ค่ะ
ไม่มีความเห็น