ครั้งก่อนได้กล่าวถึงอาการปวดศีรษะด้วยโรคไมเกรนไปพอเป็นสังเขป แต่วันนี้นึกขึ้นได้ว่าไม่ได้เขียนนานแล้ว เนื่องจากมีเวลาน้อย และมาระยะหลังปวดไมเกรนค่อนข้างบ่อย...แม้ว่าจะพยายามหาวิธีต่าง ๆ ดูแลตัวเองโดยใช้แพทย์ทางเลือกไม่ว่าจะเป็น การนวด การทำสมาธิ การออกกำลังกาย การผ่อนคลาย การประคบเย็น การรับประทานอาหารพืช ผัก ผลไม้ แม้กระทั่งกล้วยหอม พยายามไม่กินเนื้อสัตว์ใหญ่ การพักผ่อนที่เพียงพอ พูดง่าย ๆ คือ หลีกเลี่ยงทุกอย่างที่เป็นสิ่งกระตุ้น เริ่มต้นด้วยการรักษาโดยการใช้สมุนไพรจากหมอพื้นบ้าน การรับประทานยาเพื่อป้องกันอย่างสม่ำเสมอโดยแพทย์แผนปัจจุบัน ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอร์ เรียกง่าย ๆ คือ ใช้การรักษาแบบผสมผสาน ดูแลตนเองอย่างสม่ำเสมอ
ระยะหลังไม่ค่อยได้ดูแลตัวเองเพราะ ทำงานไม่เว้นวันเสาร์อาทิตย์ พักผ่อนน้อย นอนไม่เป็นเวลา รับประทานอาหารที่ละเว้นไปเสียนาน เช่น ชีส ถั่ว สะตอ ลูกเนียง และลูกเหลียง (หรือพืชตระกูลถั่วทั้งหลาย) ครั้งแรกก็เริ่มต้นรับประทานทีละน้อยไม่เป็นอะไร จึงเพิ่มปริมาณขึ้นอาการปวดหัวแต่ไม่มากเท่าไร เมื่อเพิ่มปริมาณขึ้นอาการปวดศีรษะก็เป็นบ่อยขึ้น จนกระทั่งต้องไปพบแพทย์บ่อยครั้ง...
การไปพบแพทย์แต่ละครั้งนั่นหมายความว่า...มีอาการปวดที่รุนแรงแล้ว ไม่สามารถรักษาและดูแลตัวเองได้ ถ้าคะแนนของความเจ็บปวดมี 10 คะแนน มันปวดจนไม่สามารถกำหนดเป็นคะแนนได้ ปวดจนอาเจียนและในที่สุดการรับประทานยา และการได้รับยาฉีด ซึ่งกว่าจะหายใช้เวลานานขึ้น นอกจากนี้การได้รับยาฉีดบ่อย ๆ ก็มักถูกมองว่าติดยาฉีด ซึ่งในความเป็นจริงคนไข้มักอดทน และทำทุกวิถีทางเพื่อให้หายเพราะ รู้ว่าอาการปวดจะดีขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อพ้นระยะ 48-72 ชั่วโมง
ในปี พ.ศ. 2541 ผู้เขียนได้ศึกษาเรื่อง ปรากฏการเกี่ยวกับความเจ็บปวด เวลาที่ผ่านมา 11 ปี ก็ได้ศึกษาเรื่อง ความเจ็บปวดมาตลอด (ผู้เขียนเริ่มมีอาการของโรคไมเกรนในปี 2548)
ในปี 2552 นี้ก็ดีใจที่ได้เห็นวารสารเกี่ยวกับการปวด มีแนวทางที่ชัดเจน ให้บุคลากรทางการแพทย์และพยาบาลนำมาใช้ แต่จะมีใครซักกี่คนเล่าได้ใช้และสนใจกับแนวทางนี้อย่างลึกซึ้ง เลิกมองผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บปวดเป็นผู้ป่วยติดยาแก้ปวดซักที...ซึ่งบทเรียนที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วย จนถึงขั้นร้ายแรงมาก็มาก
หากจะเป็นโรงพยาบาลที่พัฒนาแล้วก็ขอให้มองและใส่ใจกับผู้ป่วยเหล่านี้เสียใหม่...
ไม่มีความเห็น