น้ำหอมกลิ่นแมลง


แมกกาซีนแปลก วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม 2552

ที่เดียวในโลก... น้ำหอมกลิ่นดอกกล้วยไม้ หญ้าตูบมูบ และแมลง!

คำขวัญประจำจังหวัดอุดรธานี มีว่า น้ำตกจากสันภูพาน อุทยานแห่งธรรมะ อารยธรรมห้าพันปี ธานีผ้าหมี่-ขิต แดนเนรมิตรหนองประจักษ์ เลิศลักษณ์กล้วยไม้หอมอุดรซันไฌน์

กล้วยไม้หรือเอื้องเป็นพืชดอกที่มีความหลากหลายมากที่สุดกลุ่มหนึ่ง มีประมาณ 880 สกุล และประมาณ 22,000 ชนิดที่ได้รับการยอมรับ สายพันธุ์ของกล้วยไม้ที่ขึ้นและเติบโตในป่าเรียกว่า กล้วยไม้ป่า และยังมีกล้วยไม้อากาศที่ขึ้นเกาะอาศัยอยู่บนต้นไม้อื่นโดยมีรากเกาะอยู่กับกิ่งไม้หรือลำต้น และกล้วยไม้ดินหรือกล้วยไม้ที่ขึ้นอยู่ตามพื้นดินที่ปกคลุมด้วยอินทรีย์วัตถุ กล้วยไม้นั้นสามารถพบได้ทั่วโลก มีถิ่นอาศัยในหลายๆภูมิประเทศยกเว้นในทะเลทรายและธารน้ำแข็ง โดยส่วนใหญ่มักพบในเขตร้อนของโลก ได้แก่ ในแถบเอเชีย อเมริกาใต้ และอเมริกากลาง และที่จังหวัดอุดรธานีนั้นก็มีกล้วยไม้หอมชนิดหนึ่งที่สร้างชื่อเสียงระบือนามให้แก่จังหวัด ชื่อของมันถูกนำไปเป็นส่วนหนึ่งของคำขวัญประจำจังหวัด และยังสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมากนั่นคือ "กล้วยไม้หอมอุดรซันไฌน์"

"กล้วยไม้หอมอุดรซันไฌน์" เป็นกล้วยไม้ลูกผสม ที่ ดร.ประดิษฐ์ คำเพิ่มพูล อายุ 57 ปี เกษตรกรเจ้าของสายพันธุ์ชาวจังหวัดอุดรธานี คิดค้นพัฒนาปรังปรุงสายพันธุ์กว่า 11 ปี จัดเป็นกล้วยไม้ในสกุลแวนด้าลูกผสม ที่เกิดจากการผสมพันธุ์ของ แวนด้า โจเซฟิน แวนเบอโร่ (ใบร่อง) ใช้เป็นต้นแม่ซึ่งไม่มีกลิ่นหอมกับกล้วยไม้ป่าของไทย คือ แวนด้า สามปอยดง (ใบแบน) ใช้เป็นต้นพ่อ ในวงการไม้ดอกของโลกถือว่าการค้นพบกล้วยไม้อุดรซันไฌน์เป็นความสำเร็จสูงสุด เทียบได้กับครั้งหนึ่งที่นักปรับปรุงพันธุ์ชาวฮอลแลนด์ เคยสร้างทิวลิปดำขึ้นมาได้สำเร็จในศตวรรษที่ 17

กล้วยไม้หอมอุดรซันไฌน์ เริ่มผสมเกสรเมื่อปี พ.ศ. 2520 และเริ่มให้ดอกราวปี พ.ศ. ๒๕๓๐ ได้รับ

การยกย่องในวงการกล้วยไม้ของไทย ว่าเป็นกล้วยไม้ลูกผสมที่มีกลิ่นหอมที่สุดสายพันธุ์หนึ่ง เมื่อดอกออกมาจะให้กลิ่นหอมรัญจวนแบบไทยๆ นับว่าเป็นความแปลกใหม่ที่ไม่เคยพบมาก่อนในโลกนี้ ดอกของกล้วยไม้ชนิดนี้จะให้ดอกมากในช่วงระหว่างเดือนกันยายน-เมษายน ประมาณ 8 เดือน จะส่งกลิ่นหอมตั้งแต่เช้าตรู่ไปจนกระทั่งถึงบ่าย ๒โมง จนกว่าดอกจะเหี่ยว

             นอกจากดอกจะให้ความหอมเป็นกรณีพิเศษแล้ว อุดรซันไฌน์ยังสามารถเปลี่ยนสีได้ถึง 3 สี 3 ฤดู คือ ดอกจะเป็นสีแดงสดใสในช่วงฤดูหนาวเมื่อมีอุณหภูมิระหว่าง 10-15 C ซึ่งในช่วงเวลานี้ดอกกล้วยไม้จะส่งกลิ่นหอมในช่วงเวลา 09.30-15.30 น. แต่เมื่อถึงในช่วงฤดูร้อนและฤดูฝน ดอกจะเป็นสีทอง และจะส่งกลิ่นหอมในช่วงเวลา 06.00-13.00 น. และถ้าอุณหภูมิสูงขึ้นมากกว่านี้ดอกจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองสด แต่กลิ่นยังคงที่เหมือนเดิม ดอกมีความทนนานคาต้นโดยที่ไม่ต้องตัดอยู่ได้ราว ๖๐ วัน ถ้าตัดออกจากต้นจะอยู่ได้ ๑๕ วัน แต่ถ้าอากาศเย็นจัดจะสามารถอยู่ได้ถึง ๒๕ วัน ส่วนกลิ่นถ้าตัดแล้วจะให้ความหอมประมาณ ๑๐ วัน หลังจากนั้นกลิ่นจะค่อยจางหายไปเรื่อยๆ จนกว่าดอกจะแห้งในที่สุด กล้วยไม้หอมอุดรซันไฌน์ได้จดทะเบียนลิขสิทธิ์แล้วที่สมาคมกล้วยไม้โลก ประเทศอังกฤษ เมื่อปี  2531  ชื่อพันธุ์  Udon Sun Shine  Orchid  หรือพันธุ์นางสาวอุดรซันไฌน์ 

และไม่ใช่มีแค่กล้วยไม้หอมเท่านั้นที่ ดร.ประดิษฐ์คิดค้นขึ้น แต่สิ่งที่แปลกและไม่มีที่ไหนในโลกนั่นก็คือน้ำหอมกลิ่นดอกกล้วยไม้ กลิ่นหญ้าตูบมูบ และกลิ่นแมลง!

เริ่มต้นตั้งแต่ในปีพ.ศ.2533 ดร.ประดิษฐ์ได้คิดนำกล้วยไม้หอมมาสกัดเป็นน้ำหอมและออกจำหน่ายภายใต้ชื่อว่า “Miss Udorn Sunshine” การันตีด้วยรางวัลสินค้าโอทอป 5 ดาว ในปี 2004 และช่างเป็นความน่าภูมิใจเพราะเป็นน้ำหอมจากกล้วยไม้แท้ ๆ ชนิดเดียวของโลก น้ำหอมกลิ่นดอกกล้วยไม้ได้ถูกนำมาบรรจุขวดและใส่ในแพคเกจ made in Thailand สีสัน รูปลักษณ์ สวยงามส่งขายทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีขนาดตั้งแต่ขนาดเล็ก 15 มล. ขนาดกลาง 19 มล. และขนาดใหญ่ 49 มล. โดยได้แสดงสินค้าผ่านทางเว็บไซต์ http://www.udorn-sunshine.com/ ซึ่งได้รับความสนใจจากนักลงทุนชาวต่างชาติอย่างมาก แต่ไม่ได้ทำระบบรองรับการขายออนไลน์ เนื่องจากลูกค้าพอใจสั่งซื้อด้วยตนเองถึงร้านมากกว่า และแม้จะอยากทำให้เว็บมีความโดดเด่น เพื่อดึงดูดลูกค้าให้มากขึ้น แต่ก็เกรงว่าจะเกิดปัญหา เพราะอาจผลิตไม่ทัน เนื่องจากวัตถุดิบจากธรรมชาติมีจำกัด หากเร่งทำอาจจะทำให้ได้กลิ่นไม่ตรงกับมาตรฐานที่วางไว้ ครั้นจะผลิตวัตถุดิบเพิ่ม ก็ทำได้ยากเพราะต้นทุนสูง

ส่วนตูบมูบนั้น ในท้องถิ่นจะรู้จักกันดีว่าเป็นพืชที่ผู้คนนิยมใช้ในงานพิธีต่างๆในวัดและงานแต่งงาน เป็นพืชที่ขจัดสิ่งชั่วร้ายและนำความสุขมาให้กับครอบครัว ดร.ประดิษฐ์ได้ใช้เวลาร่วม 4 ปีในการคิดค้นสูตรน้ำหอมจากหญ้าตูบมูบซึ่งใช้ส่วนของใบและรากมาทำน้ำหอมสูตรพิเศษนี้ เชื่อได้ว่ากลิ่นของตูบมูบจะสามารถขับไล่สิ่งชั่วร้าย จิตใจที่กระสับกระส่าย และช่วยลดความขัดแย้ง ประสานรอยแตกร้าวระหว่างคู่รักเพียงแค่สัมผัสกลิ่นอ่อนๆคู่ของคุณก็จะมาสยบแทบเท้าคุณ ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า แต่ดร.ประดิษฐ์กล่าวอ้างไว้เช่นนั้น ถ้าใครสนใจก็คงต้องไปลองซื้อหามาใช้ดู

และสุดท้ายน่าทึ่งกับน้ำหอมจากแมลง เรียกว่าเป็นน้ำหอมกลิ่นที่ไม่เหมือนใครจริงๆ คงไม่มีใครคิดว่าแมลงที่มีกลิ่นเหม็นๆจะนำมาทำเป็นน้ำหอมได้ แต่ที่สวนดอกกล้วยไม้ของ ดร.ประดิษฐ์นั้นมีแน่นอน

สำหรับคนที่ยังไม่รู้จักแมงแคงขอแนะนำกันสักนิดหนึ่งว่าแมงแคงหรือบางคนเรียกเพี้ยนไปว่าเป็นแมงแกงนั้นเป็นแมลงตระกูลมวน เรียกว่ามวนลำไย มีหลายชนิด ใช้เป็นอาหารพื้นเมืองของชาวอีสาน จะปรุงกินกันในต้นฤดูฝนตามฤดูกาล มีรสชาติมัน ปัสสาวะของแมงแคงอาจทำให้บริเวณผิวหนังอ่อนระคายเคืองและอักเสบ ดังนั้นก่อนจะทำกินต้องบีบให้น้ำทะลักออกมาก่อน โดยบีบในอ่างน้ำพร้อมแกะปีกและเด็ดขาออกให้หมด นำมาล้างจนสะอาด สะเด็ดน้ำให้แห้งก่อนนำมาคั่วกับไฟอ่อน ๆ โรยเกลือให้มีรสเค็มจนสุกหอมส่งกลิ่นประมาณ 10 นาที แมงแคงที่สุกแล้วจะปรุงเป็นแกง แกงเปรอะหรือต้มเปรอะก็ได้ หรือนำมาแกงใส่บุกป่า นำมาตำน้ำพริกแทนแมงดา (แมลงดานาตัวผู้) ไม่ควรกินดิบเพราะอาจมีพยาธิ และต้องไม่เผลอจับมวนเขียวที่มีกลิ่นเหม็นซึ่งมีลักษณะคล้ายแมงแคงมากิน อีกข้อที่ควรระวังคือ สารกำจัดศัตรูพืชที่ติดมากับแมง

น้ำหอมกลิ่นแมงแคงนั้นเชื่อว่าการที่ตามธรรมชาติแมลงจะมีฟรีโลโมนหรือกลิ่นเฉพาะที่ช่วยดึงดูดแมลงเพศตรงข้ามได้ในระยะหลายกิโลเมตรเลยทีเดียว เมื่อนำมาทำน้ำหอมใช้กับคน ก็จะทำให้เป็นที่หลงรักหรือดึงดูดเพศตรงข้ามได้เช่นกัน ไม่ว่าจะชายหรือหญิง

นอกจากน้ำหอมกลิ่นแปลกๆแล้ว ที่นี่ยังมีของดีอีกอย่างหนึ่งคือ สาวน้อยอุดรเริงระบำ ต้นไม้ที่มีสายพันธุ์เดิมมาจาก "ต้นช้อยนางรำ" ต้นไม้นี้มีความอัศจรรย์คือสามารถเต้นระบำตามเสียงปรบมือ หรือเสียงดนตรีได้ ซึ่งสันนิษฐานว่าคงเป็นเพราะต้นไม้นี้มีปุ่มที่สามารถรับคลื่นเสียงและคลื่นเสียงคงไปกระทบต่อสารภายในของต้นไม้ แล้วส่งผลให้หูใบกระดิก หรือเคลื่อนไหวได้ในลักษณะเหมือนนางรำละคร
ต้นไม้ชนิดนี้มีสรรพคุณในทางยาด้วย เนื่องจากต้นพันธุ์เดิมคือ ต้นช้อยนางรำ ถือเป็นสมุนไพรไทยชั้นยอด ใช้ใบ ลำต้น และราก ต้มดื่มรักษาอาการเจ็บป่วย ขับปัสสาวะ แก้ประสาทพิการ แก้ฝีในท้อง ขับล้างสารพิษออกจากร่างกาย ต่อต้านการอักเสบและชะลอความเสื่อมสภาพร่างกาย ซึ่งคุณประโยชน์ดังกล่าวคล้ายกับชาเขียวญี่ปุ่นแต่มีระดับที่สูงกว่ามาก คุณสมบัติดังกล่าวต้นสาวน้อยอุดรเริงระบำจึงได้แปรรูปเป็น ใบชาในชื่อ "ชาชะลอชรา" สินค้าภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เชิดหน้าชูตาของจังหวัดอุดรธานี       
           ใครสนใจเยี่ยมชมและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์กล้วยไม้ฝีมือคนไทย ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ บ้านเลขที่ 127 หมู่ที่ 5 ตำบลบ้านเลื่อม อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี เปิดให้เข้าชมเวลา 07.00-18.00น.ค่าชมคนละ 20 บาท
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  โทร. 0 4424  2475

 

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 269888เขียนเมื่อ 22 มิถุนายน 2009 00:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:56 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)
  • ขอบคุณ สาระ ดีดีที่นำมาให้ครับ
  • สุขกายสบายใจครับ

ขอบคุณ สีสันทูยู นะครับ .. .. ที่ส่งเรื่องราวดีๆ มาให้อ่าน ..

ฟาร์มกล้วยไม้ ผมเคยไปถ่ายรูปครั้งนึง ..

ก็พอได้รูปสวยๆ ของนาวสาวแสงตะวันอยู่บ้างอ่ะ ..

ใครอะค่ะ สีสันทูยู งง+

ไม่แน่ใจว่านางสาวแสงตะวันเป็นชื่อเรียกกล้วยไม้ที่นี่หรือเปล่า

ช่วยบอกด้วยน่ะค่ะ

สีสันทูยู .. ---->

ความคิดเห็นที่ 99

http://gotoknow.org/blog/garnna/269888

เอาน้ำหอมตูบหมูบมาฝาก Spycam เด้อค่ะเนี่ย

จากคุณ : season_2u

เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 52 21:21:40

จากพันทิป และ http://www.udonphoto.com

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท