โค้ชส้ม Citrus
Miss. ปรีดิ์ฤทัย โค้ชส้ม ตั้งจิตญาณพัฒน์

เปิดใจ ยอมรับความแตกต่าง พูดคุยอย่างสันติลดความขัดแย้ง


เจอโจทย์เองเสียบ้าง จะได้ใคร่ครวญตัวเองให้รอบคอบมากขึ้น

             เวลาคนทำงานร่วมกัน เกิดความขัดแย้ง ตอนที่ถึงจุดสูงสุดจนทนไม่ได้ ต้องพูดออกมา และเผชิญหน้า ก็อาจจะดีกว่าปล่อยให้เป็นฝีกลัดหนองเรื้อรังต่อไป ซึ่งยิ่งฝังลึก จะยิ่งเอาออกยาก และเจ็บปวดไปเรื่อยๆ

           

           ในชีวิตคนทำงาน มีใครบ้างที่จะเป็นที่รักของคนทุกคน ไม่ถูกขวางหู ขวางตา  คำตอบก็คือ ไม่มีหรอก อยู่ที่ว่า เราใส่ใจหรือเปล่า ถ้าอยู่ห่างกัน ไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกันนัก ก็จะไม่เกิดปัญหาให้ร้อนใจ แต่กรณีที่อยู่หน่วยงานเดียวกัน ต้องประสานงานกันใกล้ชิดนี่สิ  เมื่อเกิดความไม่เข้าใจ และไม่ปรับความเข้าใจ ก็มีแต่จะยิ่งหมั่นตับ หมั่นไส้ กันมากขึ้น เรื่อยๆ

           ตอนเรียนเรื่อง Voice Dialogue เขาสอนให้เราดูตัวเอง  เราก็มีหยิน หยาง ด้านมืด และสว่างอยู่ในตัวตนของเรา  ด้านสว่าง คือ สิ่งที่เราได้รับการสั่งสอน บ่มเพาะจากสังคมรอบข้าง หล่อหลอมมาเป็นตัวตนหลัก ส่วนอีกด้านที่เป็นด้านมืด คือ ศักยภาพที่ถูกซ่อนเร้น ไม่ให้เผยอหน้า ออกมาแสดงตัว  เพราะตัวหลัก หรือพระเอกทำให้เราประสบความสำเร็จ ได้รับการยอมรับ  แต่รู้หรือไม่ สิ่งที่เรากดทับ ไม่ยอมรับ เมื่อถึงคราวคับขันอาจช่วยเราได้ดีกว่าตัวหลักก็ได้

          ตัวตนด้านมืด  นี่แหละคือที่มาของตัวจี๊ด ใครที่มีนิสัย หรือ คุณสมบัติที่ตรงกับด้านมืดของเรา เขาผู้นั้นคือตัวที่ทำให้เราเจ็บคันจี๊ดๆ สร้างความรำคาญใจให้กับเราเมื่อต้องมีปฏิสัมพันธ์กัน  เช่น ถ้าเราเป็นคนยิ้มเก่ง เรามักจี๊ดกับคนที่หน้าหงิก หรือพวกเสือยิ้มยาก  หากเราเป็นคนง่ายๆ เราจะรำคาญคนเรื่องมาก

        สำหรับตัวเองยอมรับว่า มีคนอยู่ 2-3 คนที่ทำให้เราเกิดอาการจี๊ด ซึ่งรู้สึกรำคาญใจตัวเองมากกว่า รำคาญต้นตอเสียอีก ทำไมเราต้องไปจี๊ดเขาด้วย เมื่อมาเรียนรู้เรื่อง Voice Dialogue มันช่วยให้เรามีสติมากขึ้น เพระความเข้าใจตัวเองมากขึ้น ฝึกฟังเสียงด้านใน (inner voice) บ่อยๆ  เริ่มเปลี่ยนตัวเองเป็นหลักก่อน

        กลุ่มเพื่อนสนิทที่เป็น Inno FA ด้วยกันรู้เข้า กลับเข้ามาแสดงความยินดี บอกว่า ดีใจด้วยที่มีโจทย์มาให้บริหารความคิด จิตใจตัวเองแล้ว ตอนแรก ได้ยินเพื่อนพูดเช่นนั้น ก็งงๆๆๆ แม้แต่เจ้านายก็บอกว่า สอนคนอื่นมาเยอะแล้ว ลองเอามาใช้กับตัวเองบ้าง

            แน่นอนอยู่แล้ว เรื่องนี้ไม่ต้องห่วงค่ะ จะแก้ได้ต้องขุดให้ถึง root cause ด้วยการเปิดใจคุยกันกับตัวจี๊ดแบบตัวเป็นๆ   หลังจากเผชิญหน้า แคะเอาฝีหนองออกไป ด้วยการพูดคุย  จึงค้นพบว่า ความขัดแย้ง เกิดจากค่านิยมส่วนตัวในการทำงานที่ต่างกัน นอกจากนั้นความแตกต่างระหว่างเพศ ก็เป็นเหตุได้

 คนหนึ่งเป็นหญิง ชอบจิตอาสา อยากช่วย อยากสอน อยากแนะนำ  คนหนึ่งเป็นชาย บอกว่า มีศักดิ์ศรี ชอบคิด และทำด้วยตัวเอง ไม่ชอบยุ่งกับใคร และไม่ต้องการให้คนอื่นมายุ่ง

                กลับมาคิดถึงคำสอนของแม่  เราเอาอะไรไปให้ใคร ต้องดูว่าเขาต้องการหรือเปล่า ถ้ารู้ว่าไม่ใช่ความต้องการของเขา ก็อย่าเอาไปให้ั่นสินะ จิตอาสา ก็ใช่ว่าจะสุ่มสี่สุ่มห้า  ต้องดูว่า ให้เพราะเขาอยากได้ ไม่ใช่แค่เราอยากให้  หรือไปยัดเยียด  เพราะการให้ของเรากลับไปสร้างความทุกข์ให้เขามากกว่าความสุข หรือ ความพึงพอใจ  

 

                 นิทานเรื่องนี้สอนหลายเรื่อง ที่สำคัญคือ เราต้องยอมรับในความแตกต่างของคนที่เรามีปฏิสัมพันธ์ด้วยให้ได้ พร้อมเปิดใจที่จะปรับตัว โดยไม่ต้องคำนึงถึงคำว่า "ทำไมต้องเป็นฉัน ทำไมเธอไม่เป็นฝ่ายปรับ"  ถ้าเราปรับเปลี่ยนตัวเองให้ได้ก่อน คนรอบข้างเราก็จะเปลี่ยนเอง เฝ้ารอดู จนกว่าจะถึงวันนั้น

คำสำคัญ (Tags): #conflict#voice dialogue
หมายเลขบันทึก: 267487เขียนเมื่อ 11 มิถุนายน 2009 20:16 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 เมษายน 2012 22:54 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

เปิดใจยอมรับความแตกต่าง

เราต้องฝึกยอมรับตนเอง ยอมรับผู้อื่นด้วยค่ะ ต้องทำไดอะร็อกบ่อยๆค่ะ

สวัสดีค่ะ มาทักทายน้องสาวคนสวย และเก่งค่ะ

มีความสุขมากๆๆนะคะ

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ

ให้ข้อคิด สะกิดใจได้ดีคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท