มีเรื่องเล่าน่ารัก ๆ ของครูสอนภาษาอังกฤษท่านหนึ่ง...จากรั้ว มอ.ปัตตานี มาบอกเล่าสู่กันฟัง จากศิษย์รุ่นหนึ่งสู่รุ่นหนึ่งเมื่อเอ่ยถึงชื่อครูท่านนี้ นักศึกษาทุกคณะวิชาจะขยาด!!! กลัว!!! จนตัวสั่น!!! แต่แปลกดี...
"23 ชีวิต ว่าที่มหาบัณฑิตจิตวิทยา...ว่ายน้ำหนีความตายกลางมหาสมุทร...สุดแสนจะเหนื่อย"
วิชาภาษาอังกฤษเป็นวิชาที่ฉันเกลียดมากที่สุดในบรรดาวิชาที่มีอยู่ในหลักสูตรการเรียนการสอน ไม่ว่ายุคใดสมัยใด อนุบาล ประถม มัธยม อุดมศึกษา ไม่ขอพบพาภาษาอังกฤษ และขอมีอคติกับครูสอนภาษาอังกฤษทุกท่านด้วย
วันแรก...ที่รู้ว่าจะได้เรียนภาษาอังกฤษกับครู ขาหนูก็แทบสั่น เข่าแทบอ่อน ไม่รู้ว่าเรี่ยวแรงมันหายไปไหนหมด เพราะกิตติศัพท์ลือกระฉ่อนว่าการสอนเข้มข้นเหนือใครเทียม อีกทั้งเสียงล่ำลือหนาหนูแสนเหนื่อย แล้วครูจะรู้บ้างใหม? หัวใจพวกหนูแทบวาย ความฝันมหาบัณฑิตจิตวิทยาแทบแตกสลาย จิตใจไม่เคยเป็นสุข ภาวนาขอให้เปลี่ยนตัวครูโดยทันควัน สาธุ! สาธุ! ยิ่งนับวันรุ่นพี่ตัวดีคอยพูดให้กำลังใจอยู่ด้านหลังว่า "ตายแน่ ๆ...พวกแก" มันเป็นคำพูดที่กระชากใจให้หล่นตุ๊บไปอยู่ที่ตาตุ่มซ๊ะเหลือเกิน และไม่รู้ว่าอาการหน้าซีดเข่าอ่อน เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร แต่สิ่งที่ประสาทรับรู้ คือ "ติด F แน่เรา" เก็บตังค์ไว้ลงทะเบียนเทอมหน้าท่าจะดี
ชั่วโมงแรกของการเรียนการสอนวิชา "ENGLISH FOR EDUCATIONAL PSYCHOLOGY STUDENTS" พวกเราว่าที่มหาบัณฑิตจิตวิทยานั่งตัวสั่นกันทั้งห้อง ส่วนตัวฉันขอก้มหน้าก้มตาอย่าได้เห็นได้ประสานสายตากันเลย ในใจก็คิดถึงเพลงคุณอิทธิ ขึ้นมาทันที "อย่าเธออย่าสบตาฉัน เพราะว่ามันอาจทำให้ฉันเข้าใจเธอผิด" ต่อด้วยเพลง "ยิ่งใกล้ยิ่งเจ็บ" ของวง IN CAR และนี่คือสิ่งที่คิดไว้ในใจ "อย่าจำชื่อฉันได้เป็นดีที่สุด" ฉันภาวนา!!!
วันเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก
สิ่งที่พวกเราพานพบ คือ ความรักความผูกพันธ์อันยิ่งใหญ่
นี่หรือคือครูที่ใคร ๆ ต่างขยาด ขลาด กลัว
จนตัวสั่น NO!! NO!! NO!! ฉันไม่เชื่อใครอีกต่อไป
ฉันเริ่มนึกถึงหลักธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ชาวกาลามะในกาลามสูตร
ที่แสดงถึงการไม่ให้เราเชื่ออะไรง่าย ๆ ประกอบด้วย 10
ข้อ คือ
1.
อย่าเชื่อ เพียงเพราะได้ฟังตามกันมา
2. อย่าเชื่อ
เพียงเพราะได้ยึดถือสืบ ๆ กันมา
3.
อย่าเชื่อ เพียงเพราะคำเล่าลือ
4. อย่าเชื่อ
เพียงเพราะอ้างตำราหรือคัมภีร์
5.
อย่าเชื่อ เพียงเพราะตรรกะ
6.
อย่าเชื่อ เพียงเพราะอนุมานเอา
7.
อย่าเชื่อ เพียงเพราะคิดตริตรองตามเหตุการณ์
8. อย่าเชื่อ เพียงเพราะเข้ากันได้บทฤษฎีของตน
9.
อย่าเชื่อ เพียงเพราะผู้พูดมีลักษณะน่าเชื่อถือ
10.
อย่าเชื่อ เพียงเพราะเห็นว่าผู้พูดเป็นครูอาจารย์ของเรา
หลักธรรมเป็นการแสดงให้เห็นถึงความเชื่อที่ต้องใช้ปัญญาหรือเหตุผลก่อน ไม่ใช่เชื่องมงายไร้สาระ ฉะนั้นฉันขอพิสูจน์ความจริงด้วยตัวเองต่อไป
และแล้วสิ่งที่ฉันภาวนาก็เป็นจริง ครูจำชื่อฉันไม่ได้ แต่ครูกลับจำนามสกุลฉันได้แม่นยำ และเรียกฉันทุกครั้งว่า "สายอ๋อง"
ครูสอนด้วยความสนุกสนาน จัดกิจกรรมที่หลากหลายช่วยให้เราคลายเครียดได้บ้างบางเวลาและยิ่งนับวันก็รู้สึกอยากจะเรียนกับครูมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่สิ่งที่พวกเรารับไม่ค่อยไหวคือครูให้พูดคุยเป็นภาษาอังกฤษตลอดชั่วโมงสอนไม่ว่ากับเพื่อนหรือกับครู ทำให้ห้องเรียนเงียบและวังเวงมาก มีแต่เสียงครูสอนหน้าชั้นเรียน ครูไม่ยอมให้เราปริปากพูดภาษาพ่อภาษาแม่เราเลยซึ่งเป็นภาษาที่เราถนัดมาก แรก ๆ ก็อึดอัดดีมิใช่น้อย แต่ครั้นเมื่อหมดชั่วโมงเรียนพวกเราก็เริ่มแหก!!! ปากพูดภาษาต้นตระกูลไทยกันยกใหญ่ ตั้งแต่สมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช สมัยสุโขทัย อยุธยา ธนบุรี ยุคสมัยนี้เป็น กทม. แต่การจัดการเรียนการสอนในช่วงหลัง ๆ ครูก็เริ่มให้พวกเราได้พูดภาษาที่เราใฝ่ฝันมานานแสนนาน ทำให้หายเครียดเป็นปริดทิ้ง เพื่อนคนหนึ่งพูดว่า "หนูคิดว่าชาตินี้หนูคงไม่ได้พูดกับครูซ๊ะแล้ว"
โดยปกติครูไม่เคยเข้าสอน!! สายเลยแม้แต่วินาทีเดียว ไม่เคยเกเร ไม่เคยเอาเปรียบศิษย์ ไม่เคยให้เราได้เสียสิทธิ์ในการที่จะได้รับความรู้หลังจากที่เราได้จ่ายเงินค่าหน่วยกิตเรียนวิชาภาษาอังกฤษที่แพงพอประมาณ (ซึ่งบางครั้งพวกเราก็อยากเสียสิทธ์บ้าง...สัก 5 นาที ก็ยังดี)
ยกเว้นวันนั้นวันเดียว เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นหัวหน้าห้องรับสาย "ครูบอกว่าให้คอยประมาณ 10 นาที อย่าไปไหนเดี๋ยวครูมา" เสียงแหกปากของหัวหน้าห้องดังไปถึงชั้นใต้ดิน ฉันจำได้มันเป็นวันปีใหม่ เป็นวันที่ทำให้ฉันยิ้มได้ตลอดเป็นระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา รถแวนคันสีแดงแถบขาวมาจอดเทียบชานชลา ครูมาสาย 10 นาที พร้อมกับเหตุผลง่าย ๆ ที่ทุกคนให้อภัยด้วยความน่ารักของครู ในมือของครูหอบหิ้วของพรุงพรัง "ครูซื้อนมและขนมมาฝาก...สวัสดีปีใหม่จ๊ะทุกคน เวียนหาร้านขนมอยู่นานไม่มีที่จอดรถ ขอโทษทีที่ครูมาสาย" แค่นี่แหละที่ศิษย์ต้องการ แต่มันไม่ใช่นมและขนมในมือครู แล้วมันคืออะไร ?
ฉันไม่เคยถามครูว่าทำไมครูถึงซื้อนมและขนมคุ๊กกี้มาฝากพวกเรา เพียงคำพูดที่รื่นหูซึ่งแฝงไว้ด้วยความจริงใจ ของฝากบางสิ่งบางอย่างผู้รับสามารถยิ้มและตื้นตันเมื่อได้รับ แม้ราคามันจะไม่มากมายนัก แค่นมเพียงขวดเดียวทำให้ฉันคิดอะไรได้มากมาย อย่างน้อยเมื่อฉันนึกถึงคุณค่าคุณประโยชน์ของนมโดยเฉพาะนมขวดนั้น "มันก็ทำให้ฉันไม่ติด F" และคงจะเป็น "นม" ขวดนั้นกระมังที่ทำให้ฉันจบ ป.โท และคงจะเป็น "นม" ขวดนั้นอีกนั้นแหละที่ทำให้ฉันเป็นครูที่ดีได้ในวันนี้ และตลอดไป "คุณค่าของน้ำนม" ยังบ่งบอกถึงอะไรหลาย ๆ อย่างที่คุณก็สามารถรับรู้ได้ตั้งแต่คุณเกิดจนกระทั่งตาย คุณค่าของ "นม" ก็คือ "นม" ซึ่งมีสารที่ให้คุณค่าแก่ร่างกายมากมายเหลือเกินและคุณค่าของ "น้ำนม" ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
ถามว่าทำไม ? ณ วันนี้ ฉันถึงรักและปรารถที่จะเรียนรู้ภาษาอังกฤษ คำตอบง่าย ๆ อยู่ที่คำถามที่ฉันมีคำตอบอยู่ในใจว่า
"ครูทำอย่างไรถึงกำหัวใจของศิษย์มหาบัณฑิตจิตวิทยาได้ทั้งห้อง"
ครูค่ะหนูได้พิสูจน์ความจริงตามหลักธรรมของพระพุทธองค์แล้วค่ะ และหนูอยากจะบอกครูว่า
"ครูค่ะครูเป็นครูที่ดีที่สุดของหนูค่ะ"
ประสบการณ์ชีวิตที่น่าจดจำเรื่องนี้สอนอะไรให้ฉันได้มากมาย อย่างน้อยฉันก็ได้สะท้อนดูตัวเองว่าฉันก็สามารถเป็นครูที่ดีได้ ตราบใดที่คุณค่าของน้ำนมยังมีสารที่ให้ประโยชน์แก่ผู้บริโภค ตราบใดที่ฉันยังมีความรักความศรัทธาในอาชีพครู ไม่เอารัดเอาเปรียบ หรือเห็นแต่จะกอบโกยผลประโยชน์จากศิษย์ ตราบนั้นฉันก็ยังมีคุณค่าของความเป็นครู ขอแค่เสี้ยวหนึ่งของจิตวิญญาณของความเป็นครูที่ท่านมีจงอุทิศกายอุทิศใจให้สมกับที่ศิษย์เรียกท่านว่า "คุณครู"
ขอขอบคุณ "คุณแดจังกึม" ที่เป็นแรงบันดาลใจให้ฉันหวนนึกถึงคุณค่าของความเป็นครู ทำให้ฉันนึกถึงครูผู้ให้กำเนิดภาษาอังกฤษที่ดีแก่ฉัน ทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจให้ฉันเขียนบทความเรื่องนี่ขึ้นมา อย่างน้อยฉันก็เป็นครูที่ยังมีจิตวิญญาณของความเป็นครูอยู่เต็มหัวใจ อาจจะยังไม่เต็มเปี่ยมเหมือนครูต้นแบบ แต่ฉันก็จะพยายามเดินตามรอยเท้าของต้นแบบที่ดี ที่ฉันรัก และศรัทธา "ดร.วิธาดา"
บทความเรื่องนี้เขียนขึ้นด้วยความรักและเคารพในพระคุณครู มิได้เป็นการพาดพิงหรือให้ร้ายบุคคลหนึ่งบุคคลใด หากศิษย์ใช้กริยาหรือถ้อยคำที่ไม่เหมาะสมประการใดโปรดอภัยให้ศิษย์ด้วย
"คุณค่าของคำว่า "ครู" นับหนึ่งจนถึงร้อยก็ไม่มีวันจบสิ้น"
ได้อ่านบทความแล้วทั้งปลื้มทั้งขนลุกแทน เนี้ยถ้าไม่รู้จักว่าครูวิจิตรา สายอ๋องเนี้ยคือใครก็คงจะไม่รู้สึกอย่างนี้เท่าไหร่อาจจะอ่านแล้วก็เฉย ๆ แต่เนี้ยเห็นกันอยู่ว่าครูวิจิตรตราเนี้ยออกจะกระโดกกระเดก (ในสายตาผม..นะ) เออไม่นึกนะว่าอ่านไปอ่านมามันทำให้ผมต้องมองครูอีกแบบหนึ่ง ... แปลกดี
อยากเป็นลูกศิษย์ของ ดร.วิธาดา บ้างจัง
ขอเสนอแนะให้ อ. เอกองค์ (จินจัง..ที่น่ารัก) ไปเรียนต่อ ป.โท มอ.ตานี หากโชคดีคงได้เป็นศิษย์ ดร.วิธาดา แล้วจะรู้ถึงคุณค่าน้ำนมที่ ดร.มอบให้ศิษย์ทุกคน เห็นใหมค่ะว่าหลักกาลมสูตรใช้ได้จริง อย่าเพิ่งเชื่อในสิ่งที่เห็น เรามีเวลาพิสูจน์คนชั่วชีวิต (หากไม่ตายจากกันไปก่อน) และต้องขอบคุณ อ. เอกองค์ ที่แนะนำแต่สิ่งดี ๆ ให้
ผมไม่อยากเสนออาราย
เรื่องจริงครูทีวรนารีเฉลิม สงขลา อ่านชื่อและนามสกุลของฉันถูกต้องชัดถ้อยชัดคำและต่อท้ายด้วยว่าชื่ออ่านยากมากน่าจะเอาชื่อไปเป็นนามสกุลใครตั้งชื่อใหเธอนะก็พ่อหนูนะซิคะ ดิฉันจะรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่คนแปลกหน้าจะเรียกชื่อ กลัวเขาจะเรียกผิดฉันต้องอ่านให้ฟังว่า สุ-วะ-รวย-ลัก ต่อท้ายด้วยสายอ๋องทุกครั้ง
บทความอ่านแล้วซึ้งมาก ๆ
แค่นมขวดเดียวก็ทำให้จบ ป.โท ได้เนอะ
ยินดีกับความสำเร็จทุกประการ
คุณคือ THE HERO