เรื่องจริงจาก.. ร.ร. อัสสัมชัญ..


 

แล้วจะกลั้นน้ำตาแทบไม่อยู่...... 
เรื่องนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับ " มิสอุไรพร " 
ครูที่มีจิตวิทยาสูงในการสอนเด็ก 
รักใดไหนเล่าเท่ารักแม่...วีรกรรมสุดยิ่งใหญ่ของแม่ที่ลูกทุกคนต้องอ่าน! 
ตึกเซนต์หลุยส์มารี 
โรงเรียนอัสสัมชัญ แผนกประถม 
ราวกลางปี พ.ศ. 2539 
" มิสคะ ช่วงพักเที่ยงจะมีผู้ปกครองมารอพบสองท่านที่หน้าห้องรับรองค่ะ " 
โทรศัพท์แจ้งจากห้องประชาสัมพันธ์ทำให้มิสอุไรพร นาคะเสถียร 
ครูสาวประจำระดับชั้นป. 4 
รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เพราะจำได้ว่ามีการโทรนัดหมาย 
จะมาพบจากคุณแม่ท่านหนึ่งเพียงท่านเดียวในวันนี้ 
เอ...ใครล่ะนี่ จะมีเรื่องอะไรรึเปล่านะ 
เมื่อมิสอุไรพรเดินมาถึงหน้าห้องประชาสัมพันธ์  
ครูสาวก็แทบยกมือรับไหว้จากสุภาพสตรีทั้งสองท่านไม่ทัน 
หากก็รู้สึกแปลกใจที่เห็นคุณแม่ท่านหนึ่งยกมือไหว้แต่เพียงแขนข้างเดียว  
อย่างไรก็ตามมิสได้เชิญคุณแม่ท่านแรก  
เข้าไปคุยก่อนตามลำดับการนัดโดยเก็บงำความแปลกใจไว้ 
หลังจากคุยกับคุณแม่ท่านแรกเสร็จมิสจึงเชิญคุณแม่อีกท่านเข้ามาคุยในห้องรับรอง  
ภาพแรกที่ได้เห็นชัดๆทำให้ครูสาวตกใจเล็กน้อย  
แขนซ้ายของคุณแม่เป็นแขนเทียม 
คุณแม่มาปรึกษาเรื่อง การเรียนของลูก  
เพราะไม่ได้มาในวันนัดพบผู้ปกครองประจำปีเมื่อต้นปีการศึกษาที่ผ่านมา 
" ลูกเขาไม่อยากให้มา เขาว่าเขาอายที่แม่ใส่แขนเทียม  
กลัวโดนเพื่อนล้อแม่มาทีเพื่อนก็ล้อกันประจำว่าแม่แขนเดียว แม่เป็นหุ่นยนต์เหรอ 
อะไรนี่น่ะค่ะ เลยไม่ได้มา " 
น้ำเสียงของคุณแม่แฝงแววเอ็นดูมากกว่าที่จะโกรธหรือไม่พอใจ  
มิสอุไรพรขออนุญาตซักถามเกี่ยวกับสาเหตุที่คุณแม่ต้องใส่แขนเทียม 
เมื่อได้ทราบความจริงทั้งหมดครูสาว  
ก็ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะต้องจัดการ  
เรื่องที่ลูกไม่ยอมรับและไม่เข้าใจแม่นี้โดยเร็ว  
หากปล่อยเรื่องนี้ไป...ก็จะเป็นบาปอันหนักยิ่งติดตัวเด็กไปในภายหน้า 
ทั้งตัวลูกชายและคนที่ล้อเพื่อนด้วย  
ช่วงเย็นวันนั้นมีชั่วโมงลูกเสือแต่ฝนตกหนัก 
  มิสอุไรพรจึงได้โอกาสนำเรื่องนี้มาเล่าให้นักเรียนฟังในห้องเรียน

 

เรื่องราวที่ว่านั้น มีดังต่อไปนี้ 
 
วันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2536 
หลังวันแม่เพียงไม่กี่วัน... 
ครอบครัวหนึ่งได้เดินทางไปเที่ยวนากุ้งที่จังหวัดสตูล  
ครอบครัวนี้ประกอบด้วยคุณพ่อ คุณแม่  
และลูกชายอีกสามคนพวกเขาเดินชมนากุ้งไปตามทางเดินซึ่งเป็นคันดิน  
ท่ามกลางบรรยากาศสดชื่นของธรรมชาติ  
โดยคุณพ่อเดินนำหน้ากับลูกชายคนโตสองคน 
ส่วนคุณแม่เดินตามหลังมากับลูกชายคนเล็ก  
ทางเดินที่เป็นคันดินนั้นมีการแบ่งเป็นท้องร่องเพื่อติดตั้งระหัดวิดน้ำ 
ซึ่งมีใบพัดทำจากเหล็กสูงจากคันดินราว 25 ซม  
คุณพ่อและลูกคนโตสองคนก็ข้ามท้องร่องแล้วเดินนำต่อไปข้างหน้า  
ไม่มีใครฉุกใจคิดระวังถึงเหตุร้าย 
แต่แล้วลูกชายคนเล็กกลับก้าวพลาดล้มลงไปในท้องร่อง 
ขากางเกงเข้าไปติดกับร่องของระหัดวิดน้ำที่กำลังหมุนอยู่ 
และฉุดขาของลูกทั้งสองข้างเข้าไปในใบพัดเหล็ก 
" ถ้าเป็นพวกคุณน้องตกลงไปอย่างนี้คุณจะทำอย่างไร " 
มิสหยุดเรื่องไว้ก่อนเพื่อซักถาม 
มองหน้าเด็กนักเรียน 
ทั้งห้องที่นั่งเงียบกริบ 
หน้าซีด โดยเฉพาะ " ลูกชาย "ของคุณแม่ท่านนั้น 
" ทุกคนตกตะลึงใช่มั้ยคิดไม่ทันใช่มั้ยแต่นักเรียนรู้มั้ยว่าคุณแม่ท่านตัดสินใจทำอย่างไร " 
คุณแม่ไม่ยอมเสียเวลาคิดอะไรเลย 
ท่านรีบยึดดึงตัวลูกเอาไว้แล้วเอาแขนซ้ายที่ว่างอยู่เข้าไปขวางใบพัดเหล็กไว้ก่อน... 
ใบพัดจึงหมุนเอาแขนของคุณแม่เข้าไป...คนงานที่เห็นเหตุการณ์รีบปิดเครื่องทันที 
แต่แรงเฉื่อยทำให้ใบพัดยังหมุนต่อด้วยกำลังแรง... 
แรงจนกระชากแขนซ้ายของคุณแม่ ่ขาดสะบั้นลง! 
คุณแม่กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทรมานแสนสาหัสสติสัมปชัญญะดับวูบลงในทันที 
ท้องร่องทั่วบริเวณแดงฉานไปด้วย 
เลือด...เลือดของแม่... 
ใบพัดเหล็กยังหมุนต่อไปอีกเล็กน้อยและบดเอาขาทั้งสองข้างของลูกชายคนเล็ก 
จนกระดูกหัก...แต่ไม่ขาด 
ไม่ขาด ... เพราะแขนซ้ายของแม่ขาดแทน... 
ไม่ขาด ... เพราะแม้จะไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะ 
มือขวาของคุณแม่ก็ยังยึดตัวลูกเอาไว้แน่น...ไม่ยอมปล่อย... 
คุณพ่อและลูกคนโตทั้งสองคนหันกลับมามอง

ตามเสียงตะโกนเอะอะโวยวายของคนงาน 
พร้อมๆกับเสียงกรีดร้องของคุณแม่ 
ภาพที่เห็นทำให้พวกเขาช็อกจนแทบสิ้นสติ! 
คุณพ่อกระโจนพรวดเดียวถึงตัวคุณแม่และลูกน้อย 
แต่... มันสายเกินไปแล้ว! 
สิ่งเดียวที่ทำได้คือรีบพาสองแม่ลูกส่งโรงพยาบาลทันที 
ผลของการรักษาคือคุณแม่ต้องใส่แขนเทียมแทนแขนซ้ายที่ขาดไป 
ส่วนลูกคนเล็กที่ขาหักต้องอยู่โรงพยาบาลนานราวสามเดือน 
จึงสามารถเดินเหินได้เป็นปกติ 
มิสอุไรพรกวาดสายตามองไปรอบๆห้องถามขึ้นอีกว่า 
" นักเรียนคิดว่าคุณแม่ท่านนี้กล้าหาญมั้ยคะ " 
" กล้าหาญมาก " 
เด็กๆพากันตอบเป็นเสียงเดียวกันพลางพยักหน้า 
หลายๆคนยังหน้าซีดเซียวเมื่อนึกภาพเหตุการณ์ไปตามที่ครูเล่า 
มิสมองหน้า " ลูกชาย " 
ของคุณแม่แล้วบอกต่อว่า 
นักเรียนทราบมั้ยว่าคุณแม่ท่านนี้เป็นคุณแม่ของเพื่อนเราในห้องนี้เองไหน 
ใครเป็นลูกของคุณแม่ท่านนี้ยืนขึ้นให้เพื่อนเห็นหน่อยสิ 
เด็กนักเรียนคนนั้นยืนขึ้น 
ท่ามกลางเสียงปรบมือของเพื่อนทั้งห้อง 
วันนี้เมื่อคุณกลับไปบ้านมิสฝากเรียนคุณแม่ด้วยว่าพวกเราชื่นชม 
และยกย่องท่านมากจริงมั้ยพวกเรา 
" จริงครับๆ ใช่ครับๆ "เสียงเล็กๆตอบมาเป็นทางเดียวกัน 
" มิสได้ทราบมาว่ามีหลายๆคนไปล้อเลียนเพื่อน 
ไหนคนไหนบ้างคะที่เคยล้อคุณแม่เขา 
ถ้ามีเราเป็นลูกผู้ชายต้องกล้ารับค่ะ " 
มีนักเรียน 3-4 คนยืนขึ้น 
สีหน้าของแต่ละคนซีดเซียวอย่างสำนึกผิด 
มิสอุไรพรมองหน้าของเด็กกลุ่มนี้อย่างอ่อนโยน ถามว่า 
" ดีมากนักเรียนตอนนี้คุณคงอยากพูดอะไรกับเพื่อนใช่มั้ยคะ " 
เด็กชายกลุ่มนั้นเดินเข้าไปโอบกอดคอแล้ว 
กล่าวขอโทษเพื่อนด้วยความจริงใจ 
ครูสาวน้ำตาคลอ 
  ยืนมองภาพนั้นด้วยความปลาบปลื้มยินดีหนักใจอยู่เหมือนกันว่า 
หากถามขึ้นมาแล้วไม่มีใครยอมรับว่าเคยล้อเพื่อน...จะทำอย่างไร ? 
เธอไม่เคยผิดหวังในตัวนักเรียนอัสสัมชัญและจนถึงเวลานี้ก็ยังคงไม่ผิดหวัง 
 
ใครเล่า...จะเข้าใจความเจ็บช้ำขมขื่นในหัวใจเล็กๆของเด็กชายคนหนึ่ง 
ที่ถูกเพื่อนล้อเลียนประสาเด็กโดยไม่ทันคิด 
หากบัดนี้...ความรักของแม่และน้ำใจของเพื่อนได้สลายปมด้อยในใจ 
ของเด็กคนนี้ลงจนสิ้นแล้ว 
เหลือเพียงความรักและภาคภูมิใจในตัวคุณแม่เท่านั้น 
เมื่อหมดชั่วโมงเรียน 
มิสอุไรพรได้เ รียกตัว " ลูกชาย " เข้าไปคุยอีกครั้ง 
" วันนี้เรามีอะไรในใจที่คิดว่าควรพูดกับคุณแม่มั้ยคะ " 
เด็กคนนั้นนิ่งคิดไปชั่วครู่ก่อนจะตอบเสียงสั่นปนสะอื้นไห้ว่า 
" ผม...ผมจะไปขอโทษคุณแม่แล้ว...แล้วบอกคุณแม่ว่าผมรักคุณแม่ 
ที่สุดในโลกเลยครับ " 
รู้มั้ยน้ำนมหยดหนึ่งซึ่งไหลมาต้องใช้น้ำตาหยาดเหงื่อสักเท่าไหร่ 
บอกแม่เถอะนะ บอกทุกวัน 
ว่ารักท่านมากมาย กอดแม่เถอะนะ ให้คุ้นเคย 
กอดเลยไม่ต้องอาย 
ก่อนไม่มีแม่ให้กอด...


 
ขอบคุณกัลยาณมิตร

                โยมคุณเจตน์ ที่แบ่งปันเรื่องราวดีดี

        นาย ชูเกียรติ ถิรสัตยาพิทักษ์ 
เจ้าหน้าที่วิเคราะห์สินเชื่อ


 

หมายเลขบันทึก: 267325เขียนเมื่อ 11 มิถุนายน 2009 05:30 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 มิถุนายน 2012 12:24 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

กราบนมัสการและขอบพระคุณสำหรับเรื่องราวดีๆค่ะ..

อ่านแล้วน้ำตารื้นเชียวค่ะท่าน..

งดามในความรู้สึก

 

 

P

 

  • ธรรมสวัสดีโยมศน.อ้วน
  • อนุโมทนาสาธุกับโยมด้วย
  • ขอให้มีความสุข ความเจริญ
  • ธรรมรักษา
เด็กคนหนึ่งในห้องเรียน

เรื่องจริงครับ เพราะผมเป็นนักเรียนคนหนึ่งที่อยู่ในห้องเรียนนั้นด้วย มีมิสอุไรพรเป็นครูประจำชั้น ป.4/1 รร.อัสสัมชัญแผนกประถม ปี 2539

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท