ชัยพัฒน์ ทรัพย์เที่ยง หัวหน้าสาขาวิชาการปกครองท้องถิ่น คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี ได้สรุปเคล็ดแต่ไม่ลับของการบริหารงาน ซึ่งปรับมาจากบทความเรื่อง “Ten Things to do Today to Be a Better Manager” ซึ่งเขียนโดย John Reh โดยเพิ่มเติมเนื้อหาบางขั้นตอนให้สอดคล้องกับบริบทของนักบริหารของไทยมากขึ้น ซึ่งเคล็ดไม่ลับทั้ง 10 ประการประกอบด้วย
1. เลือกบุคลากรที่ดีที่สุดเข้ามาทำงาน (Select best People) นักบริหารเปรียบเสมือนแม่ทัพนายกองที่จำเป็นต้องมีไพร่พลที่มีฝีมือ หากในกองทัพมีแต่เพียงทหารเลวคงแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้รบด้วยซ้ำไป ดังนั้น แม่ทัพนายกองจึงต้องเลือกสรรไพร่พลที่มีฝีมือและความสามารถเข้ามาช่วยในกองทัพเพื่อชัยชนะ ฉันใดก็ฉันนั้น นักบริหารที่มีประสิทธิภาพต้องพยายามสรรหาบุคลากรที่มีความรู้ (Knowledge) ความสามารถ (Competency) และประสบการณ์ (Experience) ที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์เข้าร่วมทำงานในองค์กร อีกทั้งต้องรักษาบุคลากรเหล่านี้ไว้ให้ได้ (Talent Management)
2. สร้างแรงจูงใจและแรงบันดาลใจ (Be a motivator and an Inspirer) นักบริหารต้องหาให้ได้ว่าอะไรคือแรงจูงใจและอะไรคือสิ่งกระตุ้นให้บุคลากรในองค์กร อยากทำงานที่มีความซับซ้อน และมีระบบงานที่เป็นมืออาชีพ การสร้างแรงจูงใจเพียงอย่างเดียวอาจไม่สามารถกระตุ้นให้บุคลากรในองค์กรเกิดความรู้สึกอยากทำงาน หรือสรรค์สร้างผลงานใหม่ นักบริหารต้องก้าวไปอีกขั้น เพื่อกระตุ้นความรู้สึกในการทำงานหรือคิดค้นสิ่งใหม่ๆ จากการสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดขึ้น
3. สร้างทีมงาน (Build your team) นักบริหารควรพึงระลึกเสมอว่า “การทำงานที่มีประสิทธิภาพที่สุดคือ การทำงานกันเป็นทีม” ดังนั้น การสร้างทีมงานที่แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งต่อการบริหารและการพัฒนาองค์กร
4. ผู้นำไม่ใช่แค่ผู้จัดการ (Be a leader, not only a manager) มีผู้กล่าวถึงเสมอว่า ผู้นำมีความสามารถเป็นผู้จัดการได้แต่ผู้จัดการบางทีอาจไม่ใช่ผู้นำก็ได้ ดังนั้น นักบริหารต้องพึงระลึกให้ดีว่าตนเองเป็นเพียงผู้จัดการในองค์กรหรือไม่ นักบริหารต้องเป็นทั้งผู้จัดการและผู้นำในคราวเดียวกันเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ตนเองและองค์กร
5. นักสื่อสารที่มีประสิทธิผล (An effective communication) การสื่อสารเป็นการนำเสนอวิสัยทัศน์ การคิดวิเคราะห์ การตัดสินใจ และการสร้างความร่วมมือในการทำงาน หัวใจสำคัญของนักบริหารจึงต้องสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิผลทั้งการพูดและการฟัง นักบริหารจึงต้องฝึกฝนเพื่อพัฒนาทักษะทางด้านนี้ให้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการอดทนที่จะรับฟังความคิดของบุคคลอื่นมากขึ้นหรือการยั้งคิดก่อนพูดทุกครั้ง ไม่ปากไวเหมือนผู้นำประเทศบางท่าน เป็นต้น
6. ต้องบริหารการเงินให้มีประสิทธิภาพและมีจริยธรรม (Know how to manage money efficiently and ethically) การบริหารการเงินที่มีประสิทธิภาพ นักบริหารต้องหมั่นตรวจสอบและใช้ความละเอียดรอบคอบ ไม่ไว้ใจบุคคลใดบุคคลหนึ่งเกินไป ความไว้วางใจเปรียบเสมือนดาบสองคมที่อาจสะท้อนกลับมาฟาดฟันท่านเอาได้ อีกทั้งนักบริหารต้องตั้งมั่นอยู่ในพื้นฐานแห่งจริยธรรม
7. รู้จักบริหารเวลาให้มีประสิทธิภาพ (Know how to manage time efficiently) หลายคนมักบ่นเสมอว่าไม่มีเวลา ทั้งที่จริงทุกคนมีเวลาเท่ากันคือวันละ 24 ชั่วโมง ข้ออ้างเรื่องของเวลาจะหมดไปหากท่านได้จัดสรรเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ รู้จักจัดลำดับความสำคัญของงานที่จะต้องทำก่อนหลัง และสร้างสมดุลระหว่างการทำงานกับชีวิตส่วนตัว
8. พัฒนาตนเองอย่างสม่ำเสมอ (Improve yourself consistently) นักบริหารต้องพัฒนาตนเองทั้งด้านสติปัญญา ร่างกาย จิตใจ อยู่ตลอดเวลาเพราะความรู้ใหม่เกิดขึ้นทุกวัน หากมัวชื่นชมอยู่กับความสำเร็จในอดีต แล้วจะนำองค์ความรู้ที่ไหนมาพัฒนาองค์กรและทีมงานของตน
9. บริหารงานอย่างมีจริยธรรม (Management with ethics) การบริหารงานอย่างมีจริยธรรม คือ การไม่เอารัดเอาเปรียบทั้งต่อตนเองและผู้อื่น และทรงไว้ซึ่งความยุติธรรม รู้จักให้อภัย นักบริหารต้องพยายามฝึกที่จะข่มใจหรือที่ศาสนาพุทธเรียกว่า ทมะ เพื่อจะได้ไม่หวั่นไหวต่อสิ่งยั่วเย้าต่างๆ ที่ส่งผลต่อการบริหารงานที่อาจขัดกับหลักศีลธรรมและจริยธรรม
10. รู้จักหยุดพักบ้าง (Take a break) นักบริหารที่มีประสิทธิภาพ คือ นักบริหารที่มีความเครียดสูง ไม่รู้จักจัดสรรเวลาให้ตนเองในการพักผ่อนหรือใช้เวลากับครอบครัว
นักบริหารที่หายใจเข้าออกเป็นงาน งาน งาน สุดท้ายสมองก็จะระเบิด เพราะความเครียดถาโถมจนไม่สามารถจะรับมือได้ไหว
นักบริหารที่ดีต้องรู้จักหาเวลาว่างสำหรับการออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงและจิตใจเบิกบานหรือไปรับประทานอาหารกับครอบครัวบ้าง ความพอดีในการทำงานและดำเนินชีวิต คือ ความสุขที่สร้างได้อย่างแท้จริง
ไม่มีความเห็น