กลับมาจากสัมมนาทำไมมาเขียนเรื่อง........
โดดเดี่ยว ..อ้างว้าง....เพราะ........?
หลายๆครั้งที่ดิฉันได้สัมผัสกับความรู้สึกของญาติผู้ป่วย..เมื่อใกล้วันและเวลาสุดท้ายของคนอันเป็นที่รักต้องจากไป.....
รับไม่ได้....
ใจหาย......
ปฏิเสธ..ไม่ใช่แน่นอนเป็นไปไม่ได้....มันไม่เป็นความจริง..ไม่ใช่...เขาต้องอยู่..
อย่าให้เขาตายนะ....ให้ผม/ ฉัน (พ่อ...แม่) ตายแทนดีกว่า
ดิฉันค้นหาธรรมะโดยบังเอิญ ขอบคุณ http://www.YouTube.comได้นั่งฟังอย่างงั้นๆ
และเริ่มสนใจอย่างจริงจังจากคำสอนที่ฟังแล้วเข้าใจคิดตาม
และได้ฟังชีวิตหลังความตาย โดย ดร. สนอง วรอุไร http://www.youtube.com
ดร. สนอง วรอุไร กับ หลวงปู่จันทรา
ดร. สนอง วรอุไร การพัฒนาจิต วิธีอยู่เหนือดวง พนักงานวิถีพุทธ ,ทไวไลท์โชว์ ,ร่ำรวยและมีความสุข ,เตรียมตัวก่อนตาย , หัวใจแห่งความสำเร็จ
2 วันเต็มๆที่ดิฉันนั่งฟังธรรมะ อย่างตั้งใจจากสื่อออนไลน์..และฟังอย่างมีสติ ครั้งแรกในชีวิตที่ดิฉันเข้าใจอย่างจริงๆว่า ธรรมะใกล้ตัวจริงๆ และปฏิบัติได้จริงๆทุกขณะ ทั้ง ทางกาย วาจา ใจ ความคิด
ความสำเร็จทางธรรม
..ดูจากที่เคยขี้บ่น...บ่นน้อยลงไหม
อัตตา Ego ลดลงไหม ตำแหน่ง..เราวางลงได้ไหม ฯลฯ
ทางธรรมไม่ใช่มีศักดิ์ศรี....แต่มีศักยภาพ
ศักดิ์ศรี เป็นผู้มีอัตตาสูง
"ไม่มีเงินก็ให้ทานอย่างอื่น เช่นผู้ป่วยมาเรามีความรู้ ก็ให้ความช่วยเหลือ"
เสียงอาจารย์ ดร. สนอง วรอุไร ก้องในหูตลอด
แล้วก็ต้องขึ้นเวรบ่าย......วันนี้หลังจากหยุดยาว 4 วัน(ไปสัมมนากลุ่มกับเพื่อนร่วมงานที่เพชรบุรี)ที่ไม่ได้ขึ้นปฏิบัติงาน และได้ทำในสิ่งที่ตนเองได้ฟังอย่างตั้งใจมาตั้งสองวันเต็ม
น้องที่ขึ้นเวรด้วยวันนี้ขาบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ เดินกระเผลกๆ ดิฉันก็เลยมาช่วยทีมกับน้อง
ผู้ป่วยชายมะเร็งตับ อาจารย์บอกว่า paliative care ได้คุยกับญาติหรือยัง คุณหมอในทีมบอกอาจารย์ว่าได้พูดคุยแล้วญาติเข้าใจ
คุณลุงท้องบวม เท้าบวม ตัวตาเหลืองมากเลือดออกง่าย อืดแน่น ปวดหลัง เกลือแร่ในร่างกายผิดปกติ ก็แก้ไขไป คุณลุงถ่ายบ่อยมากแต่ไม่ยอมถ่ายที่เตียง ต้องเข้าห้องน้ำเท่านั้น เราก็รีบไปหารถเข็นมาให้ แต่ คุณลุงไม่ยอมท่าเดียว ก็เลยบอกลูกชายว่าไม่เป็นไรขากลับจากห้องน้ำให้นั่งกลับมาที่เตียงนะ จะได้ไม่เหนื่อย(คุณลุงยอม)
กลับจากหาเส้น ให้เลือดให้ยาคุณลุงเสร็จ เรามีเวลาบ้างเล็กน้อย เห็นผู้ป่วยหญิงชายและญาติ 5 คนกำลังดูรายการของเคเบิ้ลทีวีอยู่ เราก็นั่งพูดคุยกันถึงเรื่องราวสารทุกข์สุขดิบ และเป็นเรื่องราวที่ฟังแล้ว เออ..เราทุกข์เองเนาะ(ต้องรีบเอาใจกลับมา)
...ผู้ป่วยหญิงมารอผ่าตัด(พรุ่งนี้เช้า)ตาขวามองไม่เห็นมาห้าปี ตาซ้ายมัวมองไกลเกิน2 เมตรไม่เห็น บ้านอยู่นครพนม ติดเชิงเขา (ไม่รู้จักโรงพยาบาลศรีนครินทร์ เพราะไม่เคยเดินทางออกจากหมู่บ้าน) ป่วยครั้งนี้ได้มาได้รู้จัก.....ต้องรับภาระลูกชายที่เป็นโรคไตต้องมาล้างไต 3 ครั้ง/ สัปดาห์ และหลานน้อยที่ภรรยาลูกชายทิ้งไว้เป็นภาระ
คุณป้าเป็นคนพูดเก่งทั้งกลุ่มฟังป้าพูด และให้กำลังใจ ป้าซัก และถาม ถาม ถาม
เมื่อตอบ ตอบ ตอบ ป้ายิ้ม แล้วบอกว่า อย่าโกรธนะเพราะไม่รู้จึงถาม....ไม่เป็นไรป้า ดีใจที่ได้ตอบจ้ะ
มาทีมสุดท้ายช่วงค่อนเวรแล้ว
น้องบอกว่ามีผู้ป่วยรายหนึ่งญาติขอรับตัวกลับพรุ่งนี้เช้ามืด...แต่วันนี้ท่านเหนื่อยจังหายใจไม่ตามเครื่องช่วยหายใจที่กำหนดให้เลย...(น้องต้องช่วยกันบีบมาตลอด ....สงสารจัง)
เพราะปอดที่มีปัญหาถุงลมโพ่งพอง และก้อนเนื้อที่ไปกดเบียดหลอดลม หลอดอาหารจนตีบแคบ...ปัญหาการหายใจจึงเป็นปัญหาหลักที่ท่านทุกข์ทรมานมากและไม่มีทางรักษาได้แล้ว....ท่านกระสับกระส่ายมากแพทย์ให้ยานอนหลับเพื่อให้ท่านได้พักผ่อน ..ยาหลายๆตัวเพื่อให้ท่านสงบแต่ก็ไม่ได้ผล เครื่องร้องเตือนถึงปัญหาการป้อนอากาศเข้าไปไม่ได้........
ท่านมาโรงพยาบาลแบบฉุกเฉินไม่ได้เตรียมตัวรับสภาพปัญหา
อาชีพการงานกำลังเจริญรุ่งเรือง
กลางคืนท่านอยู่กับเจ้าหน้าที่....ญาติมาเยี่ยมตอนเช้า
......แต่เวลานี้ท่านน่าจะโดดเดี่ยวต้องการกำลังใจ.....อาจารย์สนอง ท่านบอกว่าคนเราเมื่อใกล้ถึงเวลา การกำหนดจิตหรือการนำทางด้วยธรรมะ
หรือในจิตนึกถึงบุญบารมีที่ได้ทำมา..ดวงจิตก็จะไปในทางที่ดี (ก่อน)
เครื่องวัดออกซิเจนในร่างกายเริ่มลดลง น้องจะช่วยบีบลูกบีบป้อนอากาศช่วย..ดิฉันบอกน้องว่าไม่ต้องใช้ลูกบีบก็ได้ใช้เครื่องบีบให้ได้ ..
"อาจารย์เหนื่อยมากไหม....ดิฉันจะช่วยให้อาจารย์สบายค่ะ"
(ดิฉันช่วยป้อนอากาศให้อาจารย์ด้วยและพูดไปด้วย)
" ทำใจให้สบายค่ะนึกถึงแต่สิ่งดีๆที่ทำให้อาจารย์มีความสุข ได้ช่วยเหลือเด็กนักเรียน หาทุนช่วยสงเคราะห์ชาวบ้าน เป็นที่ปรึกษาให้ชาวบ้านเมื่อคราวเขาเดือดร้อน อาจารย์เป็นที่พึ่งเป็นบุคคลที่มีคุณค่า ผลบุญที่อาจารย์ทำดีมาตลอดชีวิต ขอให้อาจารย์อิ่มเอมเปรมปรี ยินดีในผลบุญนั้น
อาจารย์ได้ทำบุญกุศลกับวัดวาอาราม พัฒนาจิตใจชาวบ้าน และศานาทำกฐิน ผ้าป่า ทำบุญขึ้นบ้านใหม่ ใจของอาจารย์จะได้เบิกบาน"
แล้วก็สวดอิติปิโสให้อาจารย์ 52 จบ(อายุท่าน 51 ปี) ประมาณ35 นาที ขณะที่ดิฉันพูดคุยกับอาจารย์บีบมือให้กำลังใจท่านเบาๆ และให้น้องเปิดเทปธรรมะให้ท่านฟัง(ข้างเตียง)
ดิฉันเฝ้าดูปฏิกริยาของท่าน และปริมาณออกซิเจนที่เพิ่มขึ้นเป็นที่น่าพอใจ การหายใจยังเร็วและปีกจมูกบานอยู่ แต่ความดันยังปกติอยู่ และชีพจรปกติไม่เร็วมาก
ดูท่านสงบและน้ำตาซึมข้างๆหางตาด้านขวา ตาท่านเริ่มปิด ดิฉันคิดว่าท่านคงอยากพัก จึงออกมาและปล่อยให้ท่านได้พัก
เที่ยงคืนเกือบตีหนึ่งก่อนลงเวรบ่าย แวะๆไปดูท่านอีกครั้ง เครื่องยังไม่ร้องกวน ยาคงออกฤทธิ์ และท่านคงได้พักผ่อน รุ่งเช้าท่านก็จะได้กลับบ้านแล้ว
ขอบคุณวันนี้เวรบ่ายที่ไม่ยุ่ง ขอบคุณทีมเวรบ่ายวันนี้ที่พอมีเวลาได้ดูแลอาจารย์ได้หลับ
พักผ่อน..........และผู้ป่วยที่ได้ดูแลทุกคน