ตอนเก็บของจะย้ายหอพัก ดิฉันถือโอกาสทำ 5 ส. คือสะสางของต่างๆที่ดิฉันได้สะสมไว้เต็มห้องไปบางส่วน และสังเกตว่าของที่มีเยอะที่สุดคือเสื้อผ้า ทั้งๆที่เวลานักศึกษาไปออกค่าย หรือมีเหตุการณ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่างๆดิฉันจะบริจาคให้ทุกครั้ง ( แล้วก็ซื้อใหม่สะสมเข้ามาอีก ) เสื้อบางตัวตั้งแต่ซื้อมาเพิ่งใส่เพียงครั้งเดียว บางตัวตอนซื้อก็ชอบแต่พอเอามาลองที่ห้อง รู้สึกว่ามันไม่ค่อยเหมาะกับตัวเองเท่าไหร่ ก็เก็บใส่ตู้ไว้ยังไม่เคยใส่จนลืมก็มี
เสื้อผ้าพวกชุดผ้าไหม ( ส่วนใหญ่จะตัดเวลาไปงานแต่งงาน )มีเยอะมากเช่นกัน เพราะจะให้ใครก็ไม่ได้ เนื่องจากชุดพวกนี้ต้องตัดพอดีตัว เรียกว่าหุ่นใครก็หุ่นคนนั้น จึงยกให้คนอื่นลำบาก เลยเป็นภาระต้องหอบไปที่หอพักใหม่อีก เฮ้อ ของที่เกินจำเป็นทั้งนั้น
เมื่อดำรงชีวิตอยู่ 1 เดือนโดยมีเสื้อผ้าเพียง 3 – 4 ชุด ดิฉันก็เลยตั้งใจว่าต่อไปนี้ถ้าจะซื้อเสื้อผ้าหรือตัดชุดผ้าไหม ดิฉันจะคิดแล้วคิดอีกว่าจำเป็นหรือเปล่าแต่พอบอกความคิดนี้ให้เพื่อนฟัง แทนที่จะสนันสนุนกลับโดนหัวเราะเยาะซะงั้น
“ ชั้นว่ายังไงๆ เธอก็ทำไม่ได้หรอก พอวิญญาณช้อปปิ้งเข้าสิง เธอก็ลืมหมดแหละ ”
“ เธอก็คอยเบรคชั้นไว้บ้างซิ ”
“ โอ๊ย ยังกะเธอฟังชั้นนี่ ขนาดบอกว่า อย่าเอาเลยชุดนี้มันเด็กไป เดี๋ยวไม่กล้าใส่ เธอก็บอกว่าช่างมัน ชั้นชอบ ชั้นอยากได้ ชั้นไว้ใส่นอนก็ได้ ”
คิดๆดูก็จริงแฮะ ของบางอย่างเราซื้อเพราะชอบ เพราะอยากได้ เพราะกำลังลดราคา ( วันสุดท้ายแล้วด้วย ) ฯลฯ ทำให้ไม่ทันคิดให้ดี สติไม่อยู่กับตัว โดนกิเลสมายั่วเผลอตัวไปทุกที
เฮ้อ จะสุขหรือทุกข์กับของที่เกินจำเป็นล่ะเนี่ย
ไม่ได้เลียนแบบความคิดนะคะ แต่ว่า คิดเหมือนกันเลย ต่อไปนี้ตั้งใจว่า จะไม่ซื้อเพิ่มอีกแล้ว (แต่คงเป็นไปไม่ได้)เอาเป็นว่า ซื้อน้อยลง และปรับของเก่าให้ใช้ได้.
สวัสดีค่ะ คุณครู ป.1
ดิฉันก็ตั้งใจแต่ไม่สำเร็จซักทีค่ะ