ในความเป็นจริง ทุกคนต่างก็มี “มานะ” ยิ่งปัญญาชนมีความรู้ทางโลกสูง ยิ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีมานะ-อัตตาสูงมากเช่นกัน ซึ่งเป็นอุปสรรคแก่การปฏิบัติธรรม เจริญสติภาวนา จากการได้เข้าไปอ่านในบล๊อก ”ดูกายดูใจ...เห็นอย่างไรเขียนไปอย่างนั้น” บันทัก “เมื่อคุณ "มานะ" แวะมาทักทาย” คำสำคัญ “ใครกันหนอ แทรกตรงกลาง ระหว่าง"ฉัน"กับ"เขา"” โดยคุณซวง ณ ชุมแสง จาก http://gotoknow.org/blog/bodymind/265957
ศิลาต้องขอแสดงความชื่นชมอย่างยิ่งที่น้องซวงยอมรับการมาของคุณมานะด้วยความกล้าหาญ…โดยส่วนตัวแล้ว ยอมรับการมาของคุณมานะที่มาเยี่ยมอยู่เป็นเนือง ๆ ซึ่งป็นการดูอยู่ภายใน... เมื่อมีกัลยาณามิตรที่งดงามเปิดประเด็นนี้ขึ้นมา จึงขอเขียนแสดงความชื่นชมอย่างจริงใจและด้วยความประทับใจ ศิลาได้เข้าไปเขียนความเห็นในบันทึกของน้องซวงแล้ว ขอยกมาที่นี่ค่ะ
เมื่อได้เขียนความเห็นนี้แล้ว ก็ไปค้นเจอคำนี้ค่ะ
“ทิฏฐิมานะคือบานประตูใจที่ปิดขังตนไว้ในอัตตา”
ใน http://www.phrapiyaroj.com/thitthimana/
ซึ่งเป็นเว็บโซต์ของพระปิยะโรจน์ค่ะ มีบรรยายธรรมประกอบด้วยนะคะ เผื่อท่านใดสนใจ…
ขอขยายความเพิ่มเติมค่ะ มานะในที่นี้ คนละกรณีกับมานะพยายาม มานะที่กล่าวถึงนี้คือ "ความถือตัว" เป็นหนึ่งในกิเลส 10 ประการ (สภาพที่ทำให้จิตเศร้าหมอง) ซึ่งประกอบด้วย
โลภะ (ความอยากได้) โทสะ (ความคิดประทุษร้าย)
โมหะ (ความหลง) มานะ (ความถือตัว)
ทิฎฐิ (ความเห็นผิด) วิจิกิจฉา (ความลังเลสงสัย)
ถีนะ (ความหดหู่ ความท้อเแท้ถดถอย) อุทธัจจะ (ความฟุ้งซ่าน)
อหิริกะ (ความไม่ละอายต่อความชั่ว) อโนตตัปปะ (ความไม่เกรง
กล้วต่อความชั่ว)
จากพจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม โดยพระพรหมคุณาภรณ์(ประยุทธ์ ปยุตโต)
-----------------------------------------------------------------------
การถือตัวเกิดขึ้นกับเราทุกคน ตราบเท่าที่รู้สึกว่ามีตัวมีตน ยิ่งตัวตนนั้นถูกบ่มเพาะความรู้ทางโลกสูงมากเท่าไหร่ ก็ยากที่จะหลุดพ้นการติดกับดักที่ว่า "ตัวเราเหนือกว่า" "รู้มากกว่า" หรือ "ยอมไม่ได้ที่จะให้ใครดีกว่า" โดยเฉพาะเมื่อมี "เขา" มี "เรา" และเขาพูด (เรื่องที่เราคิดว่าเรารู้ได้) "ดูดีกว่าเรา" และเรื่องเดียวกันนั้น คนอื่น ๆ "เชื่อเขามากกว่าเชื่อเรา" เพราะเขานั้นอยู่ในสถานะที่น่าเชื่อถือกว่าก็ดี นำเสนอเก่งกว่าก็ดี หรือเป็นที่นิยมชมชอบมากกว่าก็ดี...ซึ่งเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่บางคนอาจจะสนใจรูปแบบมากกว่าเนื้อหา ทั้งที่เนี้อหาเดียวกัน ดังนั้น ในเมื่อเราแก้ "สิ่งภายนอก" ไม่ได้ ทำไมไม่มาแก้ที่ใจตนเอง
การลดอัตตาตนนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยก็จริงอยู่ แต่หมั่นชำระล้างจิตใจ เฝ้าดู…ให้คุ้นชินกับสภาวะธรรมตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้นกับตัวเรา เชื่อว่า “คุณมานะ” ก็จะค่อย ๆจากไปเอง ยิ่งรู้เร็ว ก็ไปเร็ว…
คงเป็นไปไม่ได้ที่ “คุณมานะ” จะไม่มาเยือนเราเลย ตราบใดที่เรายังเป็นปุถุชน…เพียงแต่เราทำให้อกุศลจิตนี้เกิดขึ้นภายในสั้นลง…
ดังนั้น เพียงแต่... มาแล้ว เรา “รู้”… เรา “ดู” ก็พอแล้วค่ะ…
หากเรามองตัวตนเราใหญ่ กักขังตัวเองไว้ในอัตตา เราก็จะมองไม่เห็นธรรม (ชาติ) ...มองไม่เห็นผู้อื่น...สำคัญว่ามีตัวตนซึ่งเป็นสมมติบัญญัติ
จึงขอชื่นชมกัลยาณมิตรทุกท่านที่มองเห็น.... ดู และ รู้...ว่า “คุณมานะ” กำลังปรากฎอยู่ตามความเป็นจริงภายในตนเอง
หากท่านใดมีประสบการณ์ดี ๆ เกี่ยวกับการมาเยือนของคุณมานะเชิญแบ่งปันประสบการณ์ แลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องราวร่วมกันได้นะคะ ทั้งที่บันทึกของน้องซวง และหรือ บันทีกนี้ค่ะ
-----------------------------------------------------
ข้อมูลที่ค้นคว้าเพิ่มเติมมาได้อีกค่ะ
062 ธรรมปัจเวกขณ์
ประจำวันที่ - - พฤศจิกายน ๒๕๒๖
มานะ - อัตตา
การประพฤติปฏิบัติที่เราสังวรระวัง และละล้างกันอยู่ของนักปฏิบัติ คือแกนกาม กับแกนมานะนี่ เป็นหลักสำคัญ ที่จะต้องสังวร รู้ตัวอยู่เสมอๆ เพื่อที่จะได้ไม่หลงไปข้างใดข้างหนึ่ง ถ้าเผลอ เราก็จะหลุด เราก็จะขาด เราจะบกพร่อง
แกนกาม ก็คือ เราจะต้องไม่พยายามจะปล่อยให้มันเสริมกิเลสส่วนกาม เพื่อที่ไปสู่ กามสุขัลลิกานุโยค และ แกนมานะ ก็เพื่อที่จะไม่ตกไปสู่ทาง อัตตกิลมถานุโยค เพราะเราจะต้องมา ละกาม มาละอัตตา คือมา ละมานะ กามเป็นของหยาบกว่า เราก็พูดกันพอรู้เรื่อง แล้วเราก็ได้พยายามสังวรตนเอาเอง ใครรู้มาก รู้จริง รู้ชัด และมีสติ มีความเพียรที่จะพยายามละล้าง ของตนๆ ก็ย่อมได้การละ กามสุขัลลิกะ ไปเรื่อยๆ ถ้าผู้ใด รู้ตัวมานะ รู้อัตตา รู้อย่างมีสติเช่นกัน มีสติรู้ วิจัยรู้ แล้วก็พยายามลด พยายามละจริงๆ อย่าให้มัน ใหญ่กว่าเรา เป็นอันขาด มันยิ่งรู้ตัวยากกว่ากาม เพราะว่ามันยึดตัว ยึดตน มันยึดดี ยึดความหลง ของตนว่าถูก หรือความจริงของตน ว่าถูก แล้วมันก็ไม่ฟังเสียงใคร นี่แหละเป็นตัว ที่ร้ายกาจอยู่ ยิ่งอยู่กัน อย่างสามัคคี ก็จะไม่สามัคคี จะอยู่ร่วมกันได้ มันก็ไม่อยู่ร่วมกันได้ แม้จะมีความดี กันบ้างแล้ว ดังที่เป็น ตัวอย่าง มีอยู่ว่า ความดี แต่เสร็จแล้ว ก็ต้องพรากจากกัน จากหมู่ จากกลุ่ม น่าเสียดายที่สุด ถ้าไร้ซึ่ง ความดีเสีย ก็ไม่มีปัญหา ไม่น่าเสียดายอะไร เพราะฉะนั้น ขอให้สังวร ในเรื่องมานะ ในเรื่องอัตตา ให้สำคัญ มากๆ เพื่อจะได้เป็นเนื้อ เป็นมวล จะได้อยู่ช่วยกัน จะได้สร้างสรรกัน ให้ทวีคูณ มันทำลายตน และ ทำลายสังคม คือ ทำลายตนแล้ว ก็ไม่ได้ร่วมอยู่กับสังคมที่ดี ไม่ได้ร่วมอยู่ในมิตรดี สหายดี สังคมสิ่ง แวดล้อมดี ก็ไม่ได้เป็นเนื้อเป็นมวล ที่จะให้สร้างสรรสิ่งดี ให้แก่สังคม ประเทศชาติ หรือ มนุษยชาติในโลก ต่อไป นั่นเอง
จึงขอย้ำเตือนเรื่องมานะ เรื่องอัตตาที่ลึกซึ้งละเอียดกว่ากามนะ และก็ขอให้ ละลด หรือว่าเรียนรู้ ให้รู้ยิ่ง รู้จริง แล้วก็ต้องพยายามตัด สิ่งละ สิ่งลดจริง เราจึงจะได้เจริญต่อไปอีก เป็นรอบกว้าง และ รอบลึก สูงไกลไปอีก อย่างที่หาประมาณ มิได้
ธรรมปัจเวกขณ์ ๒๕๒๖
จาก FILEDINEL http://www.asoke.info/09Communication/DharmaPublicize/
Book/pajavake26/62%20%20-11-%202526.html
"ศิลา คือ หินผา ซึ่งมีความหนักแน่นด้วยสติและปัญญา"
โหวต 1 เสียง ครับ ;)
สวัสดีค่ะ
มาคาระวะท่านผู้มีคุณธรรมมาเป็นเป็นกัลยาณมิตร....
สวัสดีค่ะพี่ศิลา
ทิฐิมานะ มาเยือนบ่อยครั้งค่ะพี่ศิลา หากมองย้อนกลับไป
เทียนน้อยจะพยายามฝึกตามให้ทัน คุณมานะนะคะพี่ศิลา
แต่คุณมานะจะว่าไปก็ดีนะคะ ทำให้เรามุมานะหรือเปล่าคะพี่ศิลา
คิดถึงพี่ศิลาค่ะ ^_^ ขอบคุณนะคะ
ขอบคุณสำหรับบันทึกดีๆค่ะ
แล้วจะมาเยี่ยมใหม่นะคะ
โชคดีมีความสุขค่ะ
สวัสดีค่ะ
สวัสดีครับพี่ sila
เห็นด้วยครับ ถ้ามีสิ่งใดแวะเวียนมา
เราก็คอยต้อนรับอย่างเป็นกลาง ไม่ผลักใส และ เยินยอจนเกินควร
ถ้าจิตเราเป็นกลางมากขึ้น แขกที่มาถ้าไม่ร้ายจนเกินไป ก็คอยต้อนรับขับสู้ได้
ถ้ามาร้ายเิกิน ยืนคุยอยู่บนบ้าน ไม่ควรให้เข้ามาจะดีกว่า เดี๋ยวสู้ไม่ไหว
ขอบคุณครับ
แวะมาอ่าน..ขอบคุณข้อมูลดีดีนะคะ
สวัสดีครับ คุณพี่ศิลา
คิดอยู่นานเลยครับว่าจะเม้นท์บันทึกนี้อย่างไรดี
ต้องขอบคุณคุณพี่เป็นอย่างสูงยิ่ง
ขอสารภาพว่า ที่ผมเริ่มเห็นคุณ "มานะ" ชัดๆ ก็เกิดจากบันทึกก่อนๆ ของคุณพี่ศิลานั่นแหละครับ ที่เข้ามาเป็นเหตุปัจจัยหนึ่ง ที่สะกิดให้คุณ "มานะ" ต้องโผล่หน้าออกมาเยี่ยมเยียน
ในเวลาไม่นานหลังจากนั้น ก็มีการกระทบกระทั่งเรื่องงานในหน่วย เขาก็เลยออกมาอีกครั้ง คราวนี้มาให้เห็นชัดเจนกว่าเดิม
เมื่อวานนี้พึ่งได้โอกาสไปสอบถาม อ.สุรวัฒน์ เสรีวิวัฒนา ที่บ้านอารีย์ จึงกลับมาคิดทบทวนว่า
จริงๆ แล้วคุณ"มานะ นั้นเป็นเพื่อนผู้ซื่อสัตย์ ผู้ภักดี ที่เค้าจะออกมาเสมอ เพื่อทำป้องกันสิ่งที่คาดว่าจะเป็น "ภัยคุกคาม" แก่ "ตัวตน" น้อยๆ มีหน้าที่ปกปักษ์ รักษา ทำนุบำรุง ให้ตัวตนนั้น ดูดี ไม่ให้เสียภาพพจน์อันดีงาม
ครูบาอาจารย์ท่านว่า เพื่อนผู้ซื่อสัตย์ แต่เห็นผิด คิดว่า "อัตตาตัวตน" เป็นของมีจริงนี้ เขาจะต้องอยู่เคียงข้างกับเราไปอีกนาน
ผมคิดว่า โชคดีมากๆ ครับ ที่เราได้ทำความรู้จักกับเขาตั้งแต่ต้น
เชื่อสุดใจเลยครับ อย่างที่หลวงพ่อปราโมทย์ท่านว่า
มานะนั้นจะทำให้คนแข็งกร้าว ไม่มีใครอยากสอนธรรมให้
และในทางโลก ก็เห็นกันเยอะ ใช่ไหมครับ ใครมีมากๆ คนรอบข้างที่ทำงานด้วยก็จะรู้สึกได้ ไม่มีใครอยากคบ อยากทำงานด้วย
ผมเองก็เคยวิพากษ์วิจารณ์ คนอื่นไว้เยอะ เมื่อโดนกับตัวเองบ้าง ก็ต้องพึงระวัง ไม่งั้น "อิเหนา" จะเป็นเองครับ
ขอบคุณบันทึกนี้ ทำให้มีโอกาสใคร่ครวญถึงเพื่อนผู้ซื่อสัตย์ แต่เห็นผิดไปหน่อย
ทำให้ผมคงต้องรีบคบหา "กัลยาณมิตร" คนใหม่มาไว้ถ่วงดุลคุณ "มานะ" ครับ
กลัวไม่มีใครคบเรา กลัวตัวเราไม่ก้าวหน้า
.....
เออแนะ...นึกว่าจะจบให้สวยๆ ยังมี "เรา" อีกจนได้แน่ะ
ไปดีกว่า รีบไปหา "กัลยาณมิตร" คนใหม่ก่อนล่ะครับ
ถ้าจิตเราเป็นกลางมากขึ้น แขกที่มาถ้าไม่ร้ายจนเกินไป ก็คอยต้อนรับขับสู้ได้
ถ้ามาร้ายเกิน ยืนคุยอยู่บนบ้าน ไม่ควรให้เข้ามาจะดีกว่า เดี๋ยวสู้ไม่ไหว
สวัสดีค่ะ
มาโหวต 1 เสียงด้วยค่ะ....
เห็นด้วยเต็มใจเลย...
“ทิฏฐิมานะคือบานประตูใจที่ปิดขังตนไว้ในอัตตา”
รู้ตัวรู้ตน ... ย่อมนำไปสู่การพัฒนาได้ง่าย เร็ว และตรงค่ะ
โลกธรรมแปด มีเข้ามาทดสอบเราทุกวัน....เลย ว่าไหมคะ...
มารู้เนื้อรู้ตัว อยู่กับปัจจุบันอย่างมีความสุขกันนะคะ
ขอบคุณบันทึกดี ๆ ค่ะ
(^___^)
· ในที่สุด กัลยาณมิตรที่งดงามก็ปรากฏ... คุ้มค่าแก่การรอคอยจริง ๆ ค่ะ มาด้วยถ้อยคำที่เต็มไปด้วยความหมาย ขอประทับตราตรึงไว้ในหัวใจอีกครั้งนะคะ
· จริงๆ แล้วคุณ"มานะ นั้นเป็นเพื่อนผู้ซื่อสัตย์ ผู้ภักดี ที่เค้าจะออกมาเสมอ เพื่อทำป้องกันสิ่งที่คาดว่าจะเป็น "ภัยคุกคาม" แก่ "ตัวตน" น้อยๆ มีหน้าที่ปกปักษ์ รักษา ทำนุบำรุง ให้ตัวตนนั้น ดูดี ไม่ให้เสียภาพพจน์อันดีงาม
ครูบาอาจารย์ท่านว่า เพื่อนผู้ซื่อสัตย์ แต่เห็นผิด คิดว่า "อัตตาตัวตน" เป็นของมีจริงนี้ เขาจะต้องอยู่เคียงข้างกับเราไปอีกนาน
ผมคิดว่า โชคดีมากๆ ครับ ที่เราได้ทำความรู้จักกับเขาตั้งแต่ต้น
เชื่อสุดใจเลยครับ อย่างที่หลวงพ่อปราโมทย์ท่านว่า
มานะนั้นจะทำให้คนแข็งกร้าว ไม่มีใครอยากสอนธรรมให้
และในทางโลก ก็เห็นกันเยอะ ใช่ไหมครับ ใครมีมากๆ คนรอบข้างที่ทำงานด้วยก็จะรู้สึกได้ ไม่มีใครอยากคบ อยากทำงานด้วย
ผมเองก็เคยวิพากษ์วิจารณ์ คนอื่นไว้เยอะ เมื่อโดนกับตัวเองบ้าง ก็ต้องพึงระวัง ไม่งั้น "อิเหนา" จะเป็นเองครับ
ขอบคุณบันทึกนี้ ทำให้มีโอกาสใคร่ครวญถึงเพื่อนผู้ซื่อสัตย์ แต่เห็นผิดไปหน่อย
ทำให้ผมคงต้องรีบคบหา "กัลยาณมิตร" คนใหม่มาไว้ถ่วงดุลคุณ "มานะ" ครับ
กลัวไม่มีใครคบเรา กลัวตัวเราไม่ก้าวหน้า
· อ่านแล้วทำให้พี่ศิลาเห็นด้วยว่าคุณมานะ (ความถือตัว) หากว่าทำหน้าที่ปกป้องอัตตาเราแล้วทำให้เราเห็นผิดก็เป็นโทษได้เหมือนกัน น้องซวงกล่าวได้เฉียบคมมากค่ะ
· จากความเห็นของน้องซวง ทำให้มาสังเกต.. พบว่าคำว่า “มานะ” มักมาคู่กับคำว่า “ทิฎฐิ” เป็นคำที่ติดปากเราว่า “ทิฎฐิมานะ” หมายความรวมกันว่าเป็นความถือตัวโดยเห็นผิด...สอดคล้องกับที่น้องซวงกล่าวมา
· พี่ศิลามีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้เพิ่มเติมไว้ในความเห็นที่ 19 ซึ่งแลกเปลี่ยนกับคุณ ค่ะ เผื่อว่าน้องซวงจะอยากมาแลกเปลี่ยนเพิ่มเติม
"รู้ตัวรู้ตน ... ย่อมนำไปสู่การพัฒนาได้ง่าย เร็ว และตรงค่ะ
โลกธรรมแปด มีเข้ามาทดสอบเราทุกวัน....เลย ว่าไหมคะ..."
โลกธรรม 8
ได้ลาภ เสื่อมลาภ
ได้ยศ เสื่อมยศ
มีคนสรรเสริญ มีคนนินทา
มีสุข มีทุกข์
เราดูเหมือนจะเห็นดีเห็นงามกันไปทุกเรื่องเหมือนฝาแฝดเลยนะคะ
"มารู้เนื้อรู้ตัว อยู่กับปัจจุบันอย่างมีความสุขกันนะคะ"
ที่กล่าวมา 8 ข้อ หรือ 4 คู่นั้น 3 คู่แรก ศิลาไม่ค่อยสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นเท่าไหร่ (เขียนซะเห็นภาพเลย) แต่คู่หลัง สุข กับ ทุกข์นี่ สำคัญนัก
เวลาพอใจในสุข ก็รู้สึกเป็นทุกข์...เวลาทุกข์ ก็ยังกลับคืนสภาวะปกติโดยเร็ว ชักคะเย่อกันเป็นประจำ
จริงๆ ไม่มีสุขบ้าง ทุกข์บ้าง มีแต่ทุกข์บริสุทธิ์ 100 เปอร์เซ็นต์
เพียงจะแก้ไขว่าทำอย่างไรที่จะให้ทุกข์สั้นลงเท่านั้น
เรียนตามตรงว่าการเข้ามาใน G2K ของศิลานอกจากเข้ามาแลกเปลี่ยนรู้ซึ่งเป็นเหตุผลคลาสสิคแล้ว ศิลาเข้ามาเพื่อดูกิเลสค่ะ
เราต่างเจอบททดสอบกันแล้วนะคะ.. คุณคนไม่มีราก
ศิลากำลังคิดเหมือนกันค่ะว่าจะเลือกสุดคะนึงสักคน โดยพิจารณาจากการพัฒนาทางจิตเป็นสำคัญ เพราะความรู้ความสามารถแสวงหากันได้ และอีกอย่างศาสตร์ใครก็ศาสตร์ใคร เราเคารพในแต่ละศาสตร์ของกันและกัน ศิลาไม่ได้เลือกที่ว่าเราจะได้ประโยชน์อะไรจากบล๊อกนั้น ๆ ...ตอนนี้ศิลากำลังจะได้คำตอบ...และขอให้อยู่ในใจกันและกันนะคะ ...ติดนิสัยนักกฎหมายและนักข่าวที่ทำตัวเป็นกลาง จริง ๆ ในใจเลือกแล้ว
ขอบพระคุณคุณคนไม่มีรากที่มากรุณาให้คะแนนเสียง...ทำให้คืนนี้ศิลานอนไม่หลับอีกแล้ว...ความพอใจในสุขก็เป็นทุกข์เหมือนกันนะคะ...จึงตอบโจทย์ข้างบนว่าทำไมคุณคนไม่มีรากมาครั้งนี้มาสั่นสะเทือนหินผาก้อนนี้ค่ะ มาพร้อมโลกธรรม 8
มาแบบทำให้เราต้อง "ดู" ตัวเองให้มองเห็นอีกครั้งว่า "พอง" "ปิติ" หรืออะไร...
และขอบพระคุณสำหรับโลกธรรม 8 ที่มามอบให้ทั้งตัวอักษรและทั้งหนทางปฏิบัติค่ะ
แวะมาส่งความคิดถึงค่ะ..
“ทิฏฐิมานะคือบานประตูใจที่ปิดขังตนไว้ในอัตตา”
สวัสดีด้วยความเคารพครับ อีกครั้งครับ
เห็นด้วยกับพี่ศิลานะครับ
ขอฝากข้อคิดสั้นๆนะครับ
"รู้ไว้ ใช่ว่า ใส่บ่า แบกหาม"
รู้เฉยๆ อย่าแบก มานะ อัตตา ใจจะเบาขึ้น
ตามจำเป็นต้องแบกบ้างบางเวลา
ก็อย่าแบกจนเพลิน รู้จักวางบ้าง
แค่นี้..แค่รู้ ก็พอ
ข้อคิดดีๆ จะนำไปปฏิบัตินะคะ
ขอบพระคุณค่ะ
ขอบคุณ..มานะ..คำนี้คือสัจธรรม
ได้ความรู้มากค่ะ..
สวัสดีค่ะ
ช่วงนี้พบเจอปัญหามากมาย...
จึงกลับมาอ่านบันทึก มานะ อัตตาอีกครั้ง..สบายใจขึ้นมากมาย
ขอบคุณค่ะ
ห่างหายด้วยภาระและหน้าที่
วันนี้โอกาสดีเข้ามาอ่าน
พร้อมเก็บเอาแก่นธรรมนำสู่งาน
ขอบพระคุณเจ้าบ้าน Phu-Chaya
สวัสดีครับ คุณ Sila Phu-Chaya
• แวะมาอ่านเกี่ยวกับ"คุณมานะ" และ"คุณอัตตา" ซึ่งมาเยือนเรา-ท่าน
กันอยู่เป็นประจำ ...จึงต้องมีวิธีการต้อนรับอันแยบยล ส่วนใหญ่เขา
จะไม่ค่อยจพะยอมกลับ ครับ
• ได้ยินพูดกันว่า "ทิฐิพระ มานะครู" ครือว่า...ทั้งพระและครูสอนยาก
เพราะชอบเทศน์ / ชอบสอนคนอื่นเสียเคย...อิอิ
• ขอบคุณที่แวะไปแสดงความเห็นที่บล็อก ครับผม
......................................................................................................................
เคยรับฟังความหมายทางธรรมของคำๆนี้ที่ต่างจากความหมายที่ใช้อยู่ทั่วไปทางโลก แต่จากบันทึกนี้ทำให้ผมเข้าใจความหมายของคำนี้มากขึ้น
เคยคิดว่า โมหะ เป็นเรื่องอยากที่จะตามทัน ตอนนี้ชักเริ่มรู้สึกแล้วครับว่า คุณมานะ ทำท่าจะมาแรงกว่า
ขอบคุณครับ
แวะมาบอก มหา โหวต ให้แล้ว
สวัสดีคะน้องศิลา
หมู่นี้เป็นอะไรไม่ทราบคะ แม่ต้อยได้รับรู้เรื่องราวของคุณมานะ บ่อยมากๆคะ
และเขาก็ชอบมาเยือนบ่อยมากเช่นกันคะ
คงเป็นไปไม่ได้ที่ “คุณมานะ” จะไม่มาเยือนเราเลย ตราบใดที่เรายังเป็นปุถุชน…เพียงแต่เราทำให้อกุศลจิตนี้เกิดขึ้นภายในสั้นลง…
ดังนั้น เพียงแต่... มาแล้ว เรา “รู้”… เรา “ดู” ก็พอแล้วค่ะ
แม่ต้อยก็จะรับรู้ว่า เขามาแล้วนะ
แล้วเขาจะจากไป ง่ายๆเหมือนกันคะ
ขอให้รู้ และดูเป็นคะ
ขอบคุณ สิ่งที่มีค่าที่ได้เรียนรู้จากน้องศิลานะคะ
เง้อ..ทำไมภาพไม่ขึ้นหนอพี่ลบให้พิมด้วยค่ะ
แวะมาเยี่ยมบ้านพี่ศิลาคะอ่านบทความดีดีทำให้รู้ว่าอัตตายิ่งมากความรู้ยิ่งมากขึ้นตามตัวบ้านสวยคะพิมเอากาแฟมาฝากด้วยค่ะ
ลบ code ความเห็นที่ 52 ใช่ไหมคะ
สำหรับหัวบล๊อก ควรแก้เป็นเท่าไหร่ดีค่ะ
สู้ๆๆน๊า.ทำได้แล้วจะง่ายคะ
มา..นะ.. มาทำความเข้าใจ จะถือตัวกันไปใยให้หนักหรือ
เปิดใจออกบอกอัตตาอย่าแย่งยื้อ เพียงปล่อยมือปล่อยใจไม่หนักเลย
มา ว้าว!!!
คุณ sila เปลี่ยนไป
งามขนาด...
ชื่นชม...คุณ พิม...ที่เป็นเหมือนช่างเสริมสวย เสริมหล่อ
ทำให้ บันทึกงามตา..มีเพลง เพราะ ๆ คลอไปกับการอ่านบันทึก (บางบันทึก)
การอ่าน บางครั้ง ก็เหมือนกับกับ การเข้าไปค้นหาสิ่งที่ซ่อนอยู่ในเหลือบในมุม ...มีบันทึก ของใครบางคนที่ผมเข้าไปแล้ว ผมอ่าน 1 รอบ(ปิดเสียงเพลง)อ่านอีกรอบ เปิดเพลง คลอไปเบา ๆ คุณ sila เชื่อมั้ยครับว่า....ผมคิดได้จาก การฟังเพลง คลอไปด้วย
มีความสุข....ครับ กับการทาปาก เขียนคิ้ว และปะแป้ง ในบางบันทึก....
อ่านบันทึกนี้ จบแล้ว จะ กลับมาใหม่ นะครับ
แต่ตอนนี้...มาคุยเรื่องอื่น ครับ
ด้วยความระลึกถึง
ในโลกนี้ มีอะไรที่เรายังรู้ไม่เท่าทัน อีกมากมายเลย นะครับคุณ sila
คุณมานะ ในความหมายนี้ ลึกซึ้ง เกินว่าที่คิดครั้งแรก...(และตีความหมายไม่ได้) ยอมรับครับว่า...คุณมานะ ของคุณ ซวง กับคุณsila เนี่ย
มาเหนือเฆม มาก ๆ
ถ้าคุณ มานะ เปรียบเหมือนการถือตัว การคิดว่าตัวเอง แน่ หรือ ยอดแล้ว ...กลับเป็นการปิดเส้นทางโคจร...สู่เส้นทางอโคจร
แทนที่จะได้เพิ่ม....กลับต้องเสียแบบขบกรามแน่น( แล้วถอดหายใจร่วมด้วย )
คงต้องมาอ่านทบทวน ก็หลาย ๆ ครั้ง ครับ
วันนี้ คิดได้ แค่นี้....
ผมชื่นชมคุณ sila ในหลาย ๆ ด้าน ความรู้ทางโลก ก็ได้หลายมุมมอง
ความคิดทางธรรม ก็ไม่เป็นรอง...ผมแอบอ่านบันทึกที่เขียนให้ท่านอื่น...การผูกพันกับสิ่งใด ย่อมได้สิ่งนั้น จึงเป็นเรื่องที่น่ายกย่อง คนรุ่นใหม่ แบบนี้เป็นอย่างยิ่ง
เอาผีเสื้อ นักสู้มา ประดับไว้ที่นี่ แข่งกับนางงามข้างบน ครับ
สวนทั้ง 2 แบบ เก่งคนละแบบ
สวัสดีค่ะ คุณศิลา
สวัสดีค่ะ ศิลา
“ทิฏฐิมานะคือบานประตูใจที่ปิดขังตนไว้ในอัตตา”
เห็นด้วยคะ....แวะมาเยี่ยมพี่สาวคะ :))
มา..นะ.. มาทำความเข้าใจ จะถือตัวกันไปใยให้หนักหรือ
เปิดใจออกบอกอัตตาอย่าแย่งยื้อ เพียงปล่อยมือปล่อยใจไม่หนักเลย
ขอแวะมาเยี่ยมคุณศิลาด้วยคนนะคะ
แม่กุ้งเองคะ เปิดเข้ามาอ่านบันทึกแล้วรู้สึกดีมากๆเลย คำว่าทานที่เหนืออื่นใดคือการให้ธรรมเป็นทานคำพูดที่อมตะและเป็นจริง เพราะเมื่อเปิดเข้ามาอ่านบันทึกที่คุณศิลาเขียนแล้ว ความเย็นในจิตใตก็ได้บังเกิดขึ้นตั้งแต่หน้าแรกที่เห็น และยิ่งเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งต่อธรรมะของหลวงปู่ดูลย์ เพราะคนเราถ้าไม่ดูตัวเอง มัวแต่ส่งจิตออกนอก ทุกข์ก็เกิดขึ้นแน่นอนแล้ว ถ้ายังไม่รีบกลับมาดูที่เหตุอีกก็รับรองเลยว่าว่ายอยู่ในทะเลทุกข์อย่างไม่มีทางพ้น แต่ถ้ารีบกลับมาดูจิตตนเองให้ทะลุแจ้งแล้วละก็ คุณย่อมที่จะพบหนทางที่จะออกจากทะเลทุกข์ได้อย่างแน่นอน แล้วไม่ต้องไปถามหาความสงบเย็นหรอกคะ เพราะมันจะกลายเป็นของตายที่ถึงแม้คุณจะไม่อยากได้ มันก็จะเกิดขึ้นกับคุณเอง ของพวกนี้ไม่มีทางได้จากการคิด หรือเห็นอย่างเดียวหรอกค่ะ แต่ต้องปฏิบัติอย่างจริงจัง แต่แค่คุณศิลาเปิดทางให้กับผู้อ่านทุกท่าน ทานอันยิ่งใหญ่ก็เกิดขึ้นแล้ว ขออนุโมทนาบุญต่อสิ่งที่คุณศิลาทำด้วยนะคะ ขอให้ทำอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆจะคอยติดตามอ่านและ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
ขอให้ผลบุญช่วยเกื้อหนุนคุณศิลาให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปนะคะ
แม่กุ้งค่ะ
"มานะ คือ ความพยายามที่มีความสุข" ...
ขอแสดงความยินดีสำหรับรางวัล "สุดคะนึงนิจ" ประจำเดือนพฤษภาคมด้วยครับ
ศิลาอยู่มุมใดของประเทศถ้ามีโอกาสโคจรมาจะได้พบกันครับ
สวัสดีค่ะอาจารย์
ยินดีด้วยนะคะ...เหมาะสมที่สุดค่ะ...
สวัสดีค่ะคุณศิลา
สวัสดีค่ะคุณศิลา
มาแสดงความยินดีกับรางวัลสุดคะนึงค่ะ..
ดีใจและสุขใจด้วยค่ะ
มีความสุขทุกวันนะคะ..คิดถึงค่ะ
แวะมาแสดงความยินดี
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณที่ไปทักทายนะคะ
มาชม
เป็นธรรมะง่าย ๆ ใกล้ตนเลยหนานี่...
สวัสดีค่ะ ศิลา
*** แวะเอาภาพนี้มาฝาก
สวัสดีครับ ขอบคุณที่เข้าไปเยี่ยมบันทึกของผมนะครับ นำ ฟอร์ เก็ต มี น็อต มาฝากครับ
สวัสดีค่ะคุณศิลา
เคยมาอ่านบันทึกนี้แล้วค่ะ แบบเร็ว ๆ แต่ความรู้ทางธรรมยังน้อยไม่กล้าคอมเม้นท์ อ่านน้อมนำเข้าสู่มโนสำนึกเป็นข้อมูล
วันนี้ได้เห็น "มานะ หรือ ความถือตัว" ... ของตัวเองและคนอื่น...
ดูแล้วเห็นแล้ว โอ...น่าสงสารเห็นใจ...
คนจะมีมานะถือตัวนั้น...ต้องมานะถือตัวกับความดีและมีความอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นเกราะของการแสงออกทางวาจาและการกระทำ ไม่ใช่มานะแบบ...ดุ่ย ๆ เอาแต่ใจตัว จะพูดจะทำอะไรก็ได้ ไม่สนใจความรู้สึกคนอื่น อย่างนี้เห็นได้มากมายกับคนทั้งใกล้และไกลตัว...จริงไหมคะ...
มาส่งความระลึกถึงและยินดีด้วยกับรางวัลแห่งความสำเร็จอีกครั้งค่ะ
หากเจอมานะของใครเข้า...เราอย่าสนใจเลยนะคะ ปล่อยสัตว์โลกไปตามดีกว่าเน๊อะ
(^___^)
แวะมาแสดงความยินดีกับ blogger of the month ครับ (อาจจะช้าไปหน่อย)
มีผลงานดีดีให้ติดตามเรื่อยๆนะครับ
ขอให้เจริญก้าวหน้าทั้งทางโลก และ ทางธรรมนะครับ
ลืมบอกว่าให้เช็คเมล์ด้วยครับ ส่งผ่าน gotoknow
ภาพนี้คือภัตตาคารมังกรหลวง ค่ะ
ขอแสดงความยินดีกับพี่ศิลาค่ะ
1 เสียงที่น้องร่วมภาคภูฒฺฬ๗๕ธ
แวะมาเยี่ยม..แวะมาส่งความคิดถึง...แวะมาบอกว่ารักและมีมิตรภาพที่ดีเสมอ..แม้จะห่างหายไปบ้างเพราะสภาพของร่างกายของเวลาที่มีขีดจำกัด..และขอเป็นกำลังใจให้คุณศิลา..มิตรภาพที่แสนดี..
“ทิฏฐิมานะคือบานประตูใจที่ปิดขังตนไว้ในอัตตา”
แวะมาเยี่ยม..รักย่อมเข้าใจในรักค่ะ...
สวัสดีค่ะ
แวะมาเยี่ยม และยังระลึกถึงน้ำใจไมตรีที่ดีๆ...
อาจารย์คะ เด็กๆที่ดูแลพร้อมใจกันลาจากพวกเรา สี่ ราย...(เดือนนี้)
อาจารย์เคยบอกว่า...รักนะแต่ไม่ผูกพัน...(หลวงพ่อพุธ)....
จิตใจพลอยหดหู่นะคะ...พยายามสวดมนต์...ให้กำลังใจตัวเองด้วย...
เอาดอกไม้มาฝากค่ะ เอื้องนางชี ...สวย บานทนมาก สองเดือน...
สวัสดีค่ะคุณศิลา
สวัสดีครับคุณศิลา
ยินดีด้วยครับกับการโล่งของจิต....
ไร้โรคาพาสุขนะครับ
มาชม
ทายทัก แบบสบาย ๆ นะครับ
สวัสดีค่ะพี่ศิลา
วันนี้ทรายมีการบ้าน แปลบทคัดย่อ 10 เรื่อง คิดึงพี่สิลาสุดๆ เพราะอาจารย์บอกว่าให้นึกถึงคนที่เก่งภาษาอังกฤษเข้าไว้ ทรายนึกถึง อ.ขจิต อีกคน เรียนStatistic ไม่ปวดหัวเท่าเรียนภาษาอักกฤษเลยทรายน่ะ
สวัสดีค่ะ
มาเจริญด้วยปัญญาจากน้องศิลา
ขอบคุณมากนะคะ
สวัสดีครับ
แวะมาเรียนรู้ ครับ
เพิ่งมีเวลามาทักทาย งานยุ่งมากๆๆแต่ก็สุขใจครับผม
มาชม
ทายทัก
แบบสบาย ๆ นะครับ
สวัสดีค่ะอาจารย์
ขอบคุณกำลังใจที่มีให้ตลอด...
รับรู้ถึงความรู้สึกดีๆนะคะ...
จะจำคำอาจารย์ที่เคยบอก รักนะ แต่ไม่ผูกพัน...
สาธุ...ขออนุโมทนาการปฏบัติดี ปฏิบัติชอบค่ะ...
มาชม
มาทายทัก
แบบสบาย ๆ
แวะมาอ่านดูและก็ได้ข้อคิดที่ดี ๆ ขอบคุณที่เสนอสิ่งที่ดีๆ
สวัสดีค่ะ พี่สาวที่รัก
สวัสดีค่ะท่านอาจารย์ Umi แวะมาเยี่ยมแบบมาดคมบาดลึกเช่นเคยนะคะ ฮิฮิ ระลึกถึงเสมอค่ะ ว่างเมื่อไหร่จะไปฟังบทกวีศรีปราชญ์ค่ะ
“ทิฏฐิมานะคือบานประตูใจที่ปิดขังตนไว้ในอัตตา”
การลดอัตตาตนนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยก็จริง แต่สามารถทำได้ไม่ยาก
แล้วทุกคนจะพบกับความถูกต้อง ความจริง ความสุขค่ะ
มาชม
ทายทัก แบบสบาย ๆ นะครับ
ขอบคุณ ความดี ที่สรรสร้าง คิดดี ทำดี ค่ะ เห็นอาหารว่างที่มอบให้แต่ละท่าน น่าทานค่ะ
สวัสดีค่ะ มาเยี่ยมตอนดึกๆค่ะ ลงเวรบ่าย ยังไม่นอนค่ะ
ขอบคุณนะคะกำลังใจที่มีให้เสมอๆค่ะ
ในวันที่ไม่ค่อยสดใสนัก...พอเปิดโกทูโน เหมือนได้พลังใจดีๆ...
จะขอนำพลังดีไปสูงานต่อค่ะ
สวัสดีค่ะ อาจารย์ศิลา
จิตใจต้องได้รับการฝึก มากกว่านี้นะคะ มันแกว่งไปมา ...ทั้งที่จะเอาความดีเข้าสู้นะคะ บางครั้งมันหนักเกินที่ใจ จะรับไหว...
ขอบคุณนะคะที่ไปให้ข้อคิด สะกิดใจ...สู้ๆๆต่อไป ...
ดีใจค่ะ...กำลังใจที่มีให้เสมอๆ....
สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ ขอบคูณอาจารย์เป็นอย่างสูงค่ะที่ได้ให้โอกาสเรียนรู้ธรรมมะที่ลึกชึ้งและการสร้างบันทึกการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่สร้างสุข แล้วจะแวะมาเติมเต็มความดี ความงาม และความจริงค่ะ
อดีต คือ มานะ
ปัจจุบัน คือ บากบั่น
อนาคต คือ มั่นคง
ธรรมสวัสดีปี ๒๕๕๕
๒๖๐๐ ปี พุทธชยันตี
สาธุ สาธุ สาธุ ;)...
เป็นบทความที่มีข้อคิดเห็นเยอะมากกกกกส์...... เอาไว้กลับมาอ่านต่อนะครับ
สวัสดีค่ะอาจารย์ศิลา มีบันทึกเน้นๆ ตรงประเด็นอยู่นี่เอง ขอบพระคุณที่นำลายแทงไปแปะไว้ที่ด้านหน้าอนุทินนะคะ สาธุ...อนุโมทนาบุญค่ะ