เรื่องจากญี่ปุ่น อีกแล้วครับท่าน


มาคราวนี้นอกจากร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่เขาจัดให้แล้ว ผมยังมีโอกาสซอกแซกไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ไปซ้ำที่เดิมบ้างไปที่ที่หลงนึกว่าใหม่บ้าง

ตกที่นั่งไปญี่ปุ่นอีกแล้วครับ พี่น้อง

 

คราวนี้ก็ไปตามโครงการที่ผมเป็นโต้โผจัดโครงการ International Understanding เป็นประจำมาสามปีแล้ว ระหว่างมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ กับ Shiga University เป็นโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษาเพื่อเรียนรู้ภาษาและศิลปวัฒนธรรม

เริ่มเดินทางตั้งแต่วันที่ 8 18 พค. ทั้งหมดสิบวัน แต่ตัวผมต้องมีอันเดินทางต่อไปเกาหลีอีก 5วัน แล้วเผ่นกลับเมืองไทยเพื่อทันไปร่วมงานสัมมนาที่หาดใหญ่นี่แหละ

 

นับว่าเป็นทริปที่ยาวเหยียดเกือบเดือน แต่คงมีเรื่องมาทยอยเล่าหลายเรื่องหลายรส...แฮ่

คราวนี้ผมพานักศึกษาไปถึง 18 คน อาจารย์อีก 4 คน สิริรวมแล้ว 22 คน ไปไหนทีเข้าแถวยาวเหยียดเหมือนขบวนรถไฟ แถมยังต้องคอยตะครุบนักศึกษาไม่ให้แตกแถว เพราะมัวชะเง้อมองสินค้าสวยๆงามๆบ้าง มองสาวๆหนุ่มๆญี่ปุ่นบ้าง เล่นเอาเหน็ดเหนื่อยพอควร

พอหายเหนื่อยก็ถ่ายรูปมาฝากเป็นภาพประกอบชูรสเรื่องเล่าไม่ให้กร่อยเป็นซุบมิโซ๊ะค้างคืน

 

มาคราวนี้นอกจากร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่เขาจัดให้แล้ว ผมยังมีโอกาสซอกแซกไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ไปซ้ำที่เดิมบ้างไปที่ที่หลงนึกว่าใหม่บ้าง แต่พอไปถึงก็บอกกับตัวเองว่าคุ้นๆแฮ่ะ...อ้าวเคยมาแล้วนิ อย่างนี้ก็มี

 

แต่ก็จะถ่ายทอดเป็นมุมมองใหม่คราวนี้ก็แล้วกัน ครับผม

 

เริ่มด้วยสถานีรถไฟ Kyoto station ก่อน เพราะวันๆหนึ่งชีวิตในญี่ปุ่นของผมต้องผูกพันกับสถานีนี้ เนื่องจากเป็นสถานีชุมทางที่ต้องเดินทางไปไหนต่อไหน หรือนัดคนก็ต้องนัดมาเจอกันกันที่นี่

 

บางทีนั่งรอเพื่อนเป็นเวลานาน เลยมีเวลาอนุญาตให้ตาซอกแซก ดูนั่น ถ่ายนี่ไปตามประสาคนแก่ใกล้เกษียณ

 

สถานีรถไฟ Kyoto เป็นสถานีขนาดใหญ่มากพอที่คนไม่เคยมา อาจเดินแล้วหลงได้เป็นวันๆ เพราะประกอบด้วยรถไฟบนดินที่เรียกว่า JR และรถไฟใต้ดิน subway หลากหลายสาย

สามารถเดินทางไปต่อได้ทั่วประเทศญี่ปุ่น มีทั้งรถไฟธรรมดาจอดทุกสถานี รถไฟด่วนที่จอดน้อยสถานีและรถไฟด่วนเร็วที่สุด(ที่ตกอันดับเร็วที่สุดในโลกไปแล้ว)ที่ชื่อว่า ซิงกันเซน หรือรถไฟหัวกระสุน

 

ผมเอง ลองนั่งมาหมดแล้ว แต่เจ้ารถไฟหัวกระสุนนี่ ค่าตั๋วแพงมิใช่เล่น เลยนั่งเพียงระยะสั้นๆ ก็เล่นเอากระเป๋าเบาไปโข ทั้งๆที่เงินญี่ปุ่นเรียกเป็นสกุลเงินเยน นั่งๆรถไฟญี่ปุ่นบ่อยๆเข้า เงินเยนกลับเป็นเงินร้อนที่วิ่งออกจากกระเป๋าเราเป็นว่าเล่น

ยกตัวอย่างว่า วันหนึ่งจะต้องจ่ายค่ารถไฟและรถเมล์ญี่ปุ่นไปเท่าไหร่ เพื่อพี่น้องชาวโกทูโนว์ อยากจะโกทูโนว์เจแปนบ้างจะได้เตรียมหยอดกระปุกไว้

เช่นผมพักอยู่ที่เกสต์เฮ้าส์ของมหาวิทยาลัยชิกะ ต่องนั่งรถเมล์มาลงที่สถานีรถไฟ Ichiyama จ่ายค่ารถเมล์ 220 เยน ซึ่งเป็นอัตรามาตรฐานเริ่มต้นของผู้ใหญ่ ส่วนเด็กจ่าย 110 เยน ระยะทางประมาณ 3 กิโล หากนั่งไกลกว่านี้อาจต่องจ่ายเพิ่ม แล้วแต่ระยะทางที่จะไป

เสร็จแล้วตีตั๋วรถไฟไปสถานี Kyoto ซึ่งวิ่งประมาณไม่เกิน 15 นาที จ่ายอีก 250 เยน และเมื่อไปถึงจะไปเที่ยวที่ไหนต่อ ผมเลือกใช้รถเมล์ เพราะสามารถซื้อตั๋ววันได้ จ่ายเพียง 500 เยน สามารถนั่งขึ้นลงรถเมล์ได้ทั้งวันทั่ว Kyoto ขนาดทัศนาจรแบบประหยัดแล้ว สิริรวมค่ารถไปกลับไม่ต่ำกว่า 1,500 เยน แต่หากต้องไปไกลกว่านี้หรือนั่ง JR สักสองทอด วันหนึ่งค่าเดินทางก็ตกประมาณ 2,000 – 2,500 เยน

นี่ไม่รวมค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆนะครับ ไม่ว่าจะเป็นวัดหรือปราสาท พระราชวังอะไรก็ตาม ต้องจ่ายตั้งแต่ 350 -600 เยน เป็นอย่างต่ำ สิริรวมค่าเดินทางและค่าชมวันละสองแห่ง ก็ตกอย่างน้อยๆ 3,700 เยน คิดเป็นเงินไทยประมาณ 1,332 บาท (อัตรา 100 เยน = 36 บาท) นักศึกษาผมร้องโอดโอยเป็นเปรตขอส่วนบุญ เมื่อผมบอกว่าพรุ่งนี้จะไปเที่ยวต่ออีกไหม

นี่ไม่นับค่าช็อบปิ้ง ที่ของแต่ละอย่างสวยงามลานตา ดูน่าซื้อไปหมด เพราะสินค้าญี่ปุ่นล้วนแต่มีสีสันและหีบห่อสวยงาม น่าหยิบน่าซื้อเป็นที่สุด แต่ขอโทษราคานั้นแพงสุดๆเช่นกัน ขนาดพวงกุญแจ(ที่ผมเรียกว่าของฝากสิ้นคิด) ราคาถูกที่สุดก็ 250 เยน ก็ 90 บาท ไปแล้ว

เด็กๆไม่รู้จะหาของฝากเพื่อนอย่างไรดี เดินไปเดินมาก็ลงเอยที่พวงกุญแจสิ้นคิด สิบอัน ก็  900 บาท กลับถึงห้อง ก้มหน้าต้มมามากินต่อไป ฮ่าฮ่า

เพราะค่าอาหารอย่างถูกในญี่ปุ่นนั้น หากนั่งกินตามร้านธรรมดาๆ เช่น กินอูด้ง ราเมน ข้าวหน้าหมูทอดหรือเทมปูระ ก็ตกประมาณ 600 – 800 เยน ผมเลยพานักศึกษาเข้าซื้ออาหารที่แพกสำเร็จรูปสารพัด ราคาไม่เกิน 300-400 เยน มาอุ่นกินในที่พักก็รอดตายไปวันๆ คิดแล้วค่าอาหารอย่างต่ำๆตกวันละ 1,200 เยน หรือประมาณ 420 บาท

ตอนอยู่ที่โอซาก้า ผมอยากกินอะไรที่มันแตกต่างไปจากพวกเส้นๆด้งและราๆทั้งหลาย จึงตัดสินใจเดินยืดอกเข้าไปในร้านที่พอดูมีคลาสหน่อย พอเปิดดูเมนูอาหารประเภทจานร้อน สั่งชุดเสต็กเนื้อจานร้อนมากิน มีสลัด ซุบมิโซ๊ะและข้าวพร้อมเครื่องดื่มเลือกได้ ราคาตกชุดละ 1,580 เยน คิดเป็นเงินไทยประมาณ 568 บาท ก็พอรับได้ หายเบื่อไปมื้อหนึ่ง

 

วันหนึ่งในงานเลี้ยงพิธีปิดผมมีลาภปาก คาวาชิมา เซนเซ เพื่อนเก่าที่รู้จักกันมาตั้งแต่เป็นคณบดีคณะศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลัยชิกะ เมื่อหกปีก่อน มากระซิบชวนไปกินข้าวเย็น ที่ต้องกระซิบเพราะแกบอกว่าขอเชิญคนเดียวจะพาไปชิมเนื้อวัวขึ้นชื่อของญี่ปุ่นที่แพงมาก ผมจึงรีบเดินตามไปอย่างว่าง่าย

 

แกบอกว่าจะอาศัยรถอาจารย์ท่านอื่นไปส่ง เพราะคืนนี้เตรียมตัวมาชนแก้วกับผมเลยไม่เอารถมา แสดงว่าคนญี่ปุ่นเขามีวินัยดีมากและทำอะไรต้องวางแผนล่วงหน้าเสมอ

ร้านอาหารที่แกพาไปชื่อ เป็นร้านที่ดูหรูอยู่ใกล้ย่านสถานีรถไฟอิชิยามา แกบอกว่าร้านนี้มีเนื้อวัวชั้นเลิศและปรุงอร่อยมาก ผมก็ฟังไปพยักหน้างึกงัก เพราะปกติไม่ค่อยได้กินเนื้อวัวอยู่แล้ว ผมเคยกินเนื้อวัวที่บ้านเรามันมีกลิ่นแรงและเนื้อหยาบเลยไม่ชอบกิน

 

พอไปถึงร้าน ก่อนกินแกก็เลคเชอร์ให้ฟังก่อนว่า เนื้อวัวที่ขายในญี่ปุ่นมีหลายชนิด ที่ถูกมากที่สุดเป็นเนื้อที่นำเข้ามาจากออสเตรเลียและอเมริกาและที่แพงที่สุดคือเนื้อโกเบและเนื้อวัวของญี่ปุ่นเองเรียกว่า มัทสึซากะ ถือว่าเป็นเนื้อวัวชั้นเยี่ยมอับดับสองรองจากเนื้อโกเบ ซึ่งมีวิธีการผลิตและควบคุมคุณภาพมาตรฐานเดียวกัน

แกก็ถามผมว่าจะกินเนื้อส่วนไหนดี ผมก็ตอบแกไปว่าตักบาตรอย่าถามพระ เนื้อส่วนไหนก็ตามสั่งมาเถิด ผมเป็นคนประเภทหน่วยกล้าตายชอบลองของใหม่ แกเลยสั่งมาเบิกโรงให้ชิมก่อนสองจาน

จานแรกเป็นลิ้นวัว มีประมาณ 6 ชิ้น ปรุงซอสมาสำเร็จแล้ว ต้องมาย่างเองบนเตาถ่านตามที่เห็นในรูป พอย่างเสร็จเอาจุ่มซอสอีกทีแล้วเอาเข้าปาก อืมส์....อร่อย หอม นุ่มและเวลาเคี้ยวเนื้อรู้สึกหนึบๆเด้งๆเล็กน้อย แกบอกว่าเป็นออเดิรฟนำร่องรสให้ลิ้นเตรียมตัวก่อน

จานที่สองเป็นเนื้อโกเบ หั่นมาเป็นชิ้นขนมเปียกปูนเล็กๆประมาณสองนิ้วหนานิ้ว หนึ่งจานมี 6 ชิ้น ชิ้นเนื้อสดสีแดงใสมีไขมันเส้นหนาสีขาวพาดอยู่เต็มชิ้นเหมือนลายหินอ่อน วางมาบนกิ่งใผ่แห้งเล็กประดับบนจาน อืมส์...ดูน่ากินแฮะ

 

แกเอาตะเกียบคีบเนื้อมาย่าง  4 ชิ้น มือย่างไปปากก็บอกว่าต้องย่างบนไฟแรงๆและให้เนื้อสุกเร็วเฉพาะด้านนอกแต่ข้างในยังดิบอยู่ ผมก็ร้องอ๋อคนไทยเรียกว่าย่างพอให้เนื้อสะดุ้งไฟ

เมื่อย่างสุกพองามแล้วจิ้มน้ำซอสเอาเข้าปากทันที

โอยแม่เจ้า...อร่อยจริงๆสมคำร่ำลือ

 

พอเนื้อเข้าปากถูกฟันเคี้ยวสักสองสามครั้งก็ดูเหมือนละลายหายไปแล้ว นุ่มปากนุ่มฟันจริงๆและเนื้อมีรสหวานมันไม่มีกลิ่นคาวเนื้อแม้แต่น้อย

แกก็ดูดีใจที่ผมชอบ เลยคีบให้กินเสียสี่ชิ้น แกกินแค่สองชิ้นบอกว่าอยู่ที่ญี่ปุ่นจะกินเมื่อไรก็ได้(ถ้ามีตัง J) ผมเห็นแกมีท่าทางภาคภูมิใจจึงไม่ขัดศรัทธาอ้าปากกินให้แกสุขใจเอาบุญ

 

จานต่อมาแกบอกว่าภูมิใจเสนอ เป็นเนื้อวัวจากญี่ปุ่นที่เลี้ยงในแภบคันไซนี้เอง เรียกว่า มัทสึซากะ ความชุ่มฉ่ำและรสชาดไม่เป็นรองเนื้อโกเบเลย แกเลยสั่งมากินเสียสองจาน 12 ชิ้น

สุดท้ายแกยกเบียร์ขึ้นซดเป็นแก้วที่สอง แล้วถามผมว่า เคยลองกินเนื้อจากส่วนแก้มวัวหรือยัง พอตอบว่ายังแกก็ร้องสั่งทันที ซึ่งผมก็ไม่ขัดเพราะในชีวิตยังไม่เคยกินเลย ดูเหมือนว่าบ้านเราจะไม่นิยมกินเพราะคุ้นๆแต่เนื้อคอ เนื้ออก เนื้อซี่โครง ตะโพก สันใน ซึ่งแกก็ดูดีใจที่ได้ให้ผมได้ลองของแปลกๆ

เนื้อจากแก้มวัว ถูกหั่นมาเป็นชิ้นยาวบางๆเท่าขนาดชิ้นหมูเบคอนที่เราคุ้นตา หมักซอสปรุงรสมาแล้วเมื่อนำมาย่างกระทบไฟก็สุกทันที....เข้าปากแล้ว....อืมมมมมมม อร่อยตามเคย ปิดท้ายด้วยเบียร์และสลัดผัก

 

ตกลงคืนนั้น ผมไม่รู้ว่าแกควักจ่ายไปกี่เยน แต่รับรองแน่ๆว่าแกต้องมีทั้งความภาคภูมิใจและความสุขใจกลับไปคุ้มค่าราคาที่จ่ายไป ส่วนผมอิ่มอร่อยจนต้องมาเล่าให้ฟังนี่แหละครับ J

 

เนื้อโกเบและเนื้อมัทซึซากะ (ข้อมูลจากวิกกี้พีเดีย)

เนื้อโกเบเป็นเนื้อวัวญี่ปุ่น ที่เลี้ยงกันในจังหวัดโกเบ ด้วยการให้วัวกินเบียร์และมีการนวดให้วัวด้วย เนื้อวัวจึงนุ่มและมีมันแทรกเป็นลายหินอ่อน ราคาแพง ต่อมามีเกษตรกรจากอำเภอ มัทสึซากะ จังหวัดมีเอะ นำวิธีเลี้ยงวัวแบบนี้มาเลี้ยงในอำเภอเขาบ้าง ปรากฏว่าเนื้อมัทสึซากะ ดังระเบิดยิ่งกว่าเนื้อโกเบเสียอีก ราคาก็แพงกว่าตั้งหลายสิบเปอร์เซนต์ ใครๆในจังหวัดมีเอะเลี้ยงวัวแบบนี้ก็จะเรียกมัทสึซากะหมด

Kobe beef (神戸ビーフ ,Kōbe Bīfu?) refers to beef from the black Tajima-ushi breed of Wagyu cattle, raised according to strict tradition in Hyōgo Prefecture, Japan. Kobe beef is renowned for its flavour, tenderness, and fatty well-marbled texture. Kobe beef can be prepared as steak, sukiyaki, shabu shabu, sashimi, teppanyaki, ground hamburger patties and more.

Kobe beef is also called "Kobe-niku"

Tajima cattle born in Hyōgo Prefecture

Fed by farm in Hyōgo Prefecture

Bullock or Virgin cow, meant to purify the beef

Processed at slaughterhouse in Kobe, Nishinomiya, Sanda, Kakogawa and Himeji in Hyōgo Prefecture.

Marbling ratio called BMS is level 6 and above.

Meat Quality Score  is A or B

Gross weight of beef is 470 kg or below.

 

In accordance with popular belief, the cattle are fed a beer a day, and they are massaged with sake daily and brushed for setting fur, and fed on grain fodder. When the cattle are ready for slaughter, they are slaughtered in a humane and painless customary way in order to keep the meat tender and at its highest flavor. A Kobe beef distribution promotion conference plans to make a pamphlet in foreign languages detailing Kobe beef due to the ambiguities of what actually constitutes Kobe beef, and the fact many tourists who visit Japan receive incorrect information.

 

หมายเลขบันทึก: 264637เขียนเมื่อ 30 พฤษภาคม 2009 19:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:49 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (19)

เคยได้ยินมาว่าวัวพันธุ์นี้ราคาสูงถึงตัวละ 4 ล้านบาทค่ะ ราคาแยกเป็นชิ้นงี้คำนวณไม่ถูกเลย เคยกินแบบชุดหนึ่งสองสามพัน มีไม่กี่ชิ้นบางๆ เอง แค่อยากลองดูว่าเป็นไง บ้านเราก็มีเนื้อวัวที่มีชื่อเสียงและอร่อยคือ เนื้อโพนยังคำ แต่เดี๋ยวนี้ตัวเองก็กินเนื้อลดลงมาก เพราะรู้สึกว่าย่อยยาก หันมากินปลาและอาหารทะเล รวมถึงผักมากขึ้น คนเป็นโรคกระเพาะกินอาหารที่ย่อยยากมากไม่ดีค่ะ

ไว้มีโอกาสมากทม. ไปกินอาหารญี่ปุ่นกันนะคะ : )

สวัสดีค่ะอาจารย์

คิดถึงค่ะ อาจารย์หายไปเพราะบินไปโน่นนี่นี่เอง...วันก่อนน้องซูซานบอกว่าจะได้พบอาจารย์ที่หาดใหญ่ แบบอวดๆสุดๆ...
ช่วงวันที่ 20 มิย อาจารย์อยู่เชียงใหม่รึปล่าวค่ะ พ่อครูบาฯจะไปปลูกต้นเอกมหาชัยที่วัดห้วยต้มค่ะ หากอาจารย์ไปร่วมด้วย คงดีใจกันขนาดเจ๊า...อาจารย์ดูรายละเอียดที่ http://lanpanya.com/journal/archives/4885 และ http://lanpanya.com/sutthinun/?p=1539 ค่ะ ...

  • เย้ๆๆ
  • อาจารย์มา
  • เห็นกระเป๋าอาจารย์ครั้งแรก งง
  • ว่าทำไมใหญ่จัง(กระเป๋า)
  • อยากกินเนื้อด้วยคน รอหาเจ้ามือก่อนนะครับ

เย้

หนูซูซานน้องเล็ก ชนะกามนิตหนุ่ม

ตกลง ว่าว่าวัวจะแพงเป็นล้านยังไง พอพี่ใหญ่ไปกรุงเทพน้องเล็กจะพาไปเลี้ยงใช่ป่าว

หนูแป๋วก็ชนะกามนิตเหมือนกัน

คิดถึงจังเลย ตอนเดือนมิย.น่าจะว่างนะครับ

เย้! อ.ขจิตแพ้สองสาวเรื่องความเร็ว

แต่ชนะขาดเรื่องความหล่อแบบกระชากใจสาว

ที่กระเป๋าใหญ่นั้น กะใส่สาวเกาหลีกะญี่ปุ่นมาฝาก

พอดีล็อดไม่แน่น เลยออกไปหมดคร้าบ!

เอ? อ.ขจิตอยากเนื้อคนหรือ

สงสัยจะอยากจะกินเนื้อสาวๆ

  • ผมว่าผมหายหน้าไปจาก G2K นานแล้ว ยังมีคนหายหน้านานกว่าอีก บันทึกนี้เลยได้อ่านแบบจุใจครับ
  • ผมจำสถานีรถไฟเกียวโตได้สลัวๆ มันคือ สถานีที่มี gallery ลอยฟ้าอยู่บนเพดานสูงๆ กับบันไดเลื่อนยาวสุดๆ หรือเปล่านะครับ
  • มาเรียนว่า ได้พบตัวจริงของอาจารย์ที่หาดใหญ่แล้ว ผมหมดความมั่นใจไปเลยครับ ไม่แน่ใจว่าจะเป็นหนุ่มกระชุ่มกระชวยได้แบบอาจารย์ตอนใกล้เกษียณหรือเปล่า

แวะมากราบคารวะอาจารย์ครับ

อ่านไปนี่น้ำลายไหลเลยครับ ^^

ว้าว ตัวลอยไปถึงชั้นดุสิต เพราะคำชมของคุณหมอ

แต่ ผมว่าตัวจิงของหมอทำเอาผมตกตะลึงเหมือนกันครับ

อย่าลืมที่แนะนำครับ เปลี่ยนรูป เพราะตัวจริงหล่อและหนุ่มกว่าเยอะ:)

สวัสดีครับคุณสามารถ

กำหนดเช็ดน้ำลายเร็วๆครับ

สวัสดีค่ะ พี่ใหญ่

  • ร้อยวันพันปีมิได้พบกัน....(แม้ในบันทึก)
  • นี่หากอ.แป๋วไม่แวะไปบอก น้องก็คงไม่ทราบว่าพี่ใหญ่กลับขึ้นสังเวียนอีก...ดีใจค่ะที่ได้ยินเสียงแจ้วๆของพี่ใหญ่อีกครั้ง
  • แม่เล็กซูซานแวะเอารูปหล่อๆของพี่ใหญ่ที่ถ่ายกับน้องๆไปให้ดู...ดีใจที่เห็นพี่ใหญ่กลับมามีความสุขกับน้องๆอีกครั้งค่ะ...หากมีโอกาสคงได้พบกันนะคะ
  • ...คิดถึงเสมอค่ะ....

                                         หญิงใหญ่.

หวัดดี หญิงใหญ่

พี่ใหญ่ดีใจเช่นกัน ที่จริงคิดถึงมากทุกคน แต่จำนนด้วยเวลามิเป็นใจ

ต้องเดินทางไปมาหลายที่ นี่ก็เพิ่งกลับจากกท.และแม่ฮ่องสอนครับ

คิดถึงบรรยากาศเก่าๆมาก

คิดถึงบรรยากาศเก่าๆมากเช่นกันค่ะ

...พี่ใหญ่เดินทางบ่อย...ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ

น้องๆเป็นห่วงค่ะ

ขอบคุณน้องหญิงใหญ่มาก

พี่ใหญ่ตอนนี้ฟิตจัด ตีกอล์ฟทุกวันจนหน้าดำเหนี่ยงเป็นแม้วแล้ว :)

สวัสดีค่ะอาจารย์พิชัย พึ่งสมัครgotoknowแต่มีปัญหาคือเข้ามาแก้ไขงานอีกครั้งไม่ได้ ทำอย่างไรดีคะ และอยากเข้าร่วมกลุ่มราชภัฏทำอย่างไรดีคะ ขอกราบขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้นะคะ แล้วจะรอคำตอบค่ะ

พี่ใหญ่ออกรอบตีกอล์ฟนั้นดีมากๆเลยค่ะ  ได้ออกกำลังกายและได้สัมผัสบรรยากาศของธรรมชาติด้วย...น่าสนุก...

แต่ตอนนี้หน้าฝน  ต้องระวังนิดนึงเวลามีฟ้าคนอง  พี่ใหญ่ต้องหลบฝนดีๆ เดี๋ยวเป็นหวัด ... (และที่สำคัญ...หากเคยสาบานไว้ยิ่งต้องระวังตัวนะเจ้าคะ...อิอิ)

น้องหญิงใหญ่

หน้าดำแล้ว ยังต้องระวังฟ้าผ่าอีกเหรอ

ฮ่าฮ่า! พี่ใหญ่มิกลัว เพราะไม่เคยสาบาน...เลย

อ.ชไมมนครับ

เข้าระบบก่อนแล้วไปที่บันทึกที่ต้องการแก้ไข ที่แก้ไขบันทึกครับ

ในกลุ่มราชภัฏเชียงใหม่ยังมีคนน้อย

วันหลังผมจะให้หนูมะปรางทำกลุ่มให้ครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท