เมื่อวานมีโอกาสได้เข้าร่วมTeleconference ที่อาคารศูนย์แพทย์ศาสตร์ศึกษาโรงพยาบาลหาดใหญ่ ซึ่งส่งมาจากคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ซึ่งจัดให้นักศึกษาแพทย์และผู้สนใจ โดยวิทยากรจากชมรมพุทธฉือจี้ใต้หวัน แห่งประเทศไทย 3 ท่านคือ คุณเมตตา ชิวซือฟาง คุณสุชน แซ่เฮง และคุณวัชราภรณ์ ทิพยธวัชวงศา ทั้ง 2 ท่านแรกน่าจะเป็นคนใต้หวันแต่พูดไทยได้เก่งมากแม้สำเนียงจะฟังออกว่าเป็นต่างชาติแต่ศัพท์และประโยคต่างๆเหมือนคนไทยทั่วไปไม่ผิดเพี้ยน แม้ไม่ได้ฟังเนื้อหาเหมือนจากที่เคยได้รับจากการอ่านเรื่องราวผ่านสื่อต่างๆตามที่คาดหวังแต่ก็พอได้เห็นวิธีคิด แนวทางช่วยเปลี่ยนวิธีคิดของคน มาฝาก2-3 ประเด็นคะ วิทยากรเปิดสนทนาโดยการใช้ภาษาไทย ร้องเพลงที่แปลมาเป็นภาษาไทยชื่อเพลงทั่วฟ้าดินมีรัก เนื้อเพลงมีสั้นๆดังนี้
” ทั่วฟ้าดินนี้ไม่มีใครที่ฉันไม่รัก ทั่วฟ้าดินนี้ไม่มีใครที่ฉันไม่เชื่อใจ
ทั่วฟ้าดินนี้ไม่มีใครที่ฉันไม่ให้อภัย ในใจกังวล เศร้าหมอง เสียใจ โยนทิ้งไป “
ร้องพร้อมมีท่าทางประกอบ นักศึกษาแพทย์ชาย หรืออาจารย์แพทย์อาจรุ้สึกแปลกๆที่ต้องทำท่าทางประกอบเพลงเหมือนเด็กที่อยู่ชั้นอนุบาล แต่ถ้าคิดว่านั่นคือโอกาสที่เราทั้งหลายได้ละทิ้งไปนานตั้งแต่จบชั้นประถม เข้าสู่วัยรุ่น วัยทำงาน ซึ่งต้องทำบุคลิกให้เป็นที่น่าเชื่อถือแก่คนไข้ตามความเชื่อของเรา จากเนื้อเพลงทำให้เห็นวิธีคิดว่าเขาสอนให้เรารัก เชื่อใจ และให้อภัยซึ่งกันและกันแล้วทำจิตใจให้ ผ่องใส ตัดความกังวล เศร้าหมอง เสียใจ ออกไป อีกเพลงคือเพลง ทุกคนมีรัก
“ ทุกคนมีรัก ทุกคนมีรัก หิมะยังละลาย ในใจมีรักในใจมีรัก ความมืดพลันสว่าง
พอเพียง รู้คุณ รู้จักอภัย ช่วยเหลือคือความสุข ขอบคุณต่อกัน ขอบคุณต่อกัน ทุกคนต่าสุขสันต์”
เขาให้คุณค่าต่อความรักว่ายิ่งใหญ่แม้หิมะยังละลายจากความรัก มีลีลาที่แสดงสื่อความรักทำให้หิมะละลาย ต่อมา ท่าประกอบสอนให้หันมาไหว้กันและกล่าวคำขอบคุณต่อกัน
สุดท้ายคือเพลง พ่อแม่ดั่งต้นไม้ใหญ่ (พยาบาลตั้งชื่อเอาเองจากความเข้าใจคะ)
“ แม่จ๋า แม่ดั่งต้นไม้ใหญ่ หนูเป็นหนอนตัวน้อยบนต้นไม้ใหญ่
หนูได้กินใบไม้อยู่ทุกๆ วัน คุณแม่ไม่เคยว่าหนู
แม่จ๋า แม่ดั่งต้นไม้ใหญ่ ยังคงแตกใบเลี้ยงลูกอยู่เสมอ
เพื่อให้หนูเติบใหญ่มีพลัง แม่จ๋าหนูขอบพระคุณ
พ่อจ๋า พ่อดั่งต้นไม้ใหญ่ หนูเป็นหนอนตัวน้อยบนต้นไม้ใหญ่
หนูได้กินใบไม้อยู่ทุกๆ วัน คุณพ่อไม่เคยว่าหนู
พ่อจ๋า พ่อดั่งต้นไม้ใหญ่ ยังคงแตกใบเลี้ยงลูกอยู่เสมอ
เพื่อให้หนูเติบใหญ่มีพลัง พ่อจ๋าหนูขอบพระคุณ”
เพลงนี้ก็น้อมนำให้เรารู้คุณพ่อแม่และกล้าแสดงออกซึ่งความรู้สึกดีๆต่อพ่อแม่
สำหรับความเป็นมาของชมรมพุทธฉือจี้มีหลายคนที่ได้มีโอกาสไปศึกษาดูงานที่ประเทศใต้หวันบันทึกไว้ในบล็อกลองค้นมาอ่านได้คะ เมื่อเห็นกิจกรรมของ ชมรมพุทธฉือจี้ก็อดนึกถึงอีกกิจกรรมหนึ่งไม่ได้คือ..มูลนิธิปัญญาธรรม
ในพื้นที่ภาคใต้ก็ยังมีกิจกรรมของมูลนิธิปัญญาธรรม ซึ่งเป็นอาสาสมัครเช่นกันมีเพลงที่เป็นพระโอวาทสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มาให้ญาติธรรมร่วมร้อง ตามด้วยนักบรรยายธรรม ต่อด้วยร่วมศึกษาธรรมครั้งละบท ผู้ที่จัดกิจกรรมได้บรรยายเป็นคำพูดที่งดงามว่า “ทำให้เห็นถึงความล้ำค่าของธรรมที่สามารถขัดเกลาจิตใจให้คิดดี พูดดี ทำดีได้ ซึ่งเรียกว่าเป็นผู้บำเพ็ญในธรรมกาลยุคขาว คือยุคพระศรีอาริย์ มาศึกษาเกี่ยวกับจิตเดิมแท้ในกายตน เข้าใจในวิถีอนุตรธรรมซึ่งเป็นธรรมแท้เป็นเส้นทางตรงมุ่งสู่นิพพานได้จริงเหมือนที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้วิถีอนุตรสัมโพธิญาณ ดังนั้นผู้ที่ศึกษาขัดเกลาใจตนอยู่เสมอ และรู้วิถีธรรมแล้วจึงจะเข้าใจได้แจ่มแจ้งด้วยตนเอง”*
นอกจากนี้ก็ยังมีกลุ่มจิตอาสาอีกหลายแห่งที่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็นกลุ่มมิตรภาพบำบัดซึ่งก็มีหลายรุ่น กลุ่มจิตอาสาตาม รพ.ต่างๆ เหล่านี้ล้วนช่วยให้สังคมเราน่าอยู่ยิ่งขึ้น พยาบาลPCUขอให้ผลบุญที่บังเกิดขึ้นส่งต่อถึงผู้ให้ทุกคนรวมทั้งเป็นบุญต่อผืนแผ่นดินไทยด้วยเทอญ
* ผุดผ่อง กลั่นสมจิตต์ จิตอาสา..สู่โครงการ”ธรรมะสู่ครัวเรือน” ในหนังสือ เรื่องเล่าจากPCU งานมหกรรมคุณภาพHA & HPH & PCU ครั้งที่ 1 ประจำปี 2551 “องค์กรมีสุข”
ผมเป็นสมาชิกชมรม จิตอาสาฟ้าแดง โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย
ผมจะเริ่มกิจกรรมครั้งแรก วันเสาร์นี้ โดยไปกวาดลานวัด ที่วัดปากน้ำ
ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา รู้สึก ดี ที่ได้ไปทำความสะอาดให้กับวัด ครับ ขอเชิญชวน เพื่อนๆให้ไปร่วมทำความสะอาดที่วัด วัดไกล้บ้านของเพื่อนๆก็ได้ ด้วยจิตอาสา แล้วพบกันครับ
สวัสดีครับ
พยาบาลร่วมกับอาจารย์ และนักเรียนจิตอาสา โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งได้สละเวลาว่างจากการเรียนหารายได้โดยจำหน่ายดอกมะลิวันแม่ แล้วนำรายได้ไปซื้อของใช้จำเป็นและเงินสดส่วนหนึ่งไปมอบให้ผู้ยากไร้ในเขตอ.หาดใหญ่จำนวน 6 ราย อ่านประสบการณ์ความประทับใจได้ที่บันทึกจิตอาสาญ.ว.