ท่าน ว.วชิรเมธี ได้เขียนเล่าเรื่องของ "แมงป่อง กับ กบ" ไว้ในหนังสือเล่มล่าสุดของท่าน "ลายแทงแห่งความสุข" The Secret of Happiness ดังต่อไปนี้
มีผู้อ่านเขียนมาถามว่า
"ในที่ทำงานของผมมีคนอยู่ประเภทหนึ่งครับ วัน ๆ งานการไม่ค่อยทำ เอาแต่จ้องหาเหตุจับผิดคนโน้นคนนี้ ความดีของคนอื่นไม่เคยสนใจ แต่ถ้าใครทำอะไรเสียหายสักนิดหนึ่งละก็ คน ๆ นี้ชอบนัก ผมอิดหนาระอาใจกับคนประเภทนี้มาก อยากจะไปเสียให้พ้น ๆ แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะสมัยนี้ คิดจะเปลี่ยนงานไม่ใช่เรื่องง่าย ผมเลยอยากรู้ว่า คนบางคนที่วัน ๆ เอาแต่จ้องหาเรื่องเล่นงานคนอื่นนั้น เขาเป็นคนประเภทไหน จะรับมือเขาได้อย่างไรครับ"
เร็ว ๆ นี้มีลูกศิษย์คนหนึ่งมาเล่านิทานให้ผู้เขียนฟัง พอได้ฟังแล้วก็ทำให้ความสว่างโพลงในหัวใจได้ไม่น้อย จึงอยากจะเล่าให้ผู้อ่านฟังบ้าง บางทีอาจจะทำให้หายข้องใจเกี่ยวกับปัญหาข้างต้นได้บ้าง
นิทานนั้นมีอยู่ว่า
มีอยู่วันหนึ่ง เจ้าแมงป่องตัวหนึ่ง ไต่ไปมาตามริมฝั่งน้ำจนเซ็งชีวิตเลยเกิดความคิดขึ้นมาว่า ถ้าได้ข้ามน้ำไปยังฝั่งโน้น คงมีอะไรให้ทำมากกว่าการไต่ไปมาอยู่ที่เดิมอย่างซ้ำซากเป็นแน่ มันมองหาวิธีที่จะข้ามน้ำไปยังฝั่งโน้นอยู่หลายวัน และในที่สุด โอกาสก็มาถึงจนได้ เมื่อมันพบกบตัวหนึ่งกำลังจะว่ายน้ำไปยังฝั่งตรงข้ามพอดี เจ้าแมงป่องเห็นเช่นนั้นจึงขอเป็นผู้โดยสารขี่หลังกบไปชมวิวฝั่งโน้นบ้าง กบนึกสังหรณ์ใจแปลก ๆ จึงถามว่า
"แมงป่องเพื่อนรัก เธอจะรับประกันได้อย่างไรละว่า เมื่อฉันให้เธอขี่หลังข้ามไปฝั่งโน้นแล้ว เธอจะไม่แว้งมาต่อยฉัน"
"กบเพื่อนรัก ทำไมจึงมองฉันในแง่ร้ายเช่นนั้น ถ้าคนอย่างฉันไม่มีคุณธรรมต่อเพื่อนเช่นเธอเสียแล้ว ในโลกนี้ คงหาคนดีไม่ได้อีกแล้ว"
"มั่นใจนะว่าเธอจะไม่ต่อยฉันกลางแม่น้ำแน่ ๆ" กบคาดคั้น
"โธ่เพื่อนเอ๋ย - - ถ้าฉันต่อยเธอ ฉันก็จมไปพร้อม ๆ กับเธอนะสิ" แมงป่องอธิบายอย่างสมเหตุสมผล
"เออ จริงของเธอสินะ มาสิ ถ้างั้นเธอขึ้นขี่หลังฉันได้เลย เราจะข้ามไปฝั่งโน้นด้วยกัน"
ว่าแล้ว เจ้าแมงป่องก็ได้ขี่หลังกบสมใจ กบน้อยพาเพื่อนร่วมทงลอยไปสักพักหนึ่งก็จะถึงฝั่ง พอเห็นฝั่งเคลื่อนตัวมาใกล้ทุกที เหลืออีกเพียงศอกเดียวเท่านั้นก็จะถึงฝั่ง แมงป่องก็เผลอตัวต่อยหลังกบเข้าอย่างถนัดถนี่ กบร้องด้วยความเจ็บปวดขึ้นสุดเสียง พอรู้สึกตัว กบก็หันมาถามแมงป่องว่า
"ไหนแกรับปากว่าจะไม่ต่อยฉัน แล้วนี่แกทำอะไรลงไป"
"ไม่รู้สิ ฉันไม่ได้คิดจะต่อยเธอเลย แต่มารู้สึกตัวอีกที ฉันก็ต่อยเธอไปแล้ว" แมงป่องตอบอย่างเสียไม่ได้ ไม่ยี่หระกับสิ่งที่ตนทำแม้สักนิด
อนิจจา กบน้อยพอลอยแตะฝั่ง ก็ถึงแก่กรรมไป ส่วนแมงป่องก็ขึ้นฝั่งอย่างสบายใจ ดูไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไรกับสิ่งที่ตนเป็นคนก่อแม้แต่น้อย...
นิทานเรื่องนี้จบลงด้วยความเศร้าสลด ผู้เขียนรู้สึกว่า ในโลกนี้มีคนบางประเภทจริง ๆ ที่เกิดมาแล้วทำตัวเป็น "อันธพาล" โดยสายเลือด โดยความเคยชิน จนเป็นนิสัย
เราไม่ทราบว่า คนที่รู้สึกมีความสุขเสมอ กับการได้ทำร้ายคนอื่น ทั้งโดยตรงและโดยอ้อมนั้น เขาเติบโตมาในสภาพแวดล้อมอย่างไร ได้รับการศึกษามาอย่างไร แต่พอมาเจอกับเรา เขาก็ได้กลายเป็นคนที่มีความสุขกับการเป็นคนเลวไปเสียแล้ว
สำหรับคนประเภทนี้ คุณคงไม่ต้องไปทำร้าย หรือตอบโต้เขาอีกแล้ว การที่เขาเป็นคนเช่นนั้น นับว่าเป็นเคราะห์กรรมของเขามากพออยู่แล้ว เพราะทั้งชีวิตนี้ คนเช่นนี้จะไม่ได้รับความรักจากใครเลย ลึก ๆ แล้วคนที่มีความสุขกับการหาทุกข์ให้คนอื่นนั้น เขาเป็นคนน่าสงสาร บางทีหากเราสามารถคลี่ปมของเขาออกมาดูได้ ก็จะเห็นว่า คนอย่างนี้ควรได้รับความเห็นใจ มากกว่าจะซ้ำเติมเขา
การที่เขาเป็นคนเลว (โดยสันดาน) แล้วยังไม่รู้สึกตัวนั้น ก็ทำให้เขาสร้างกรรมหนักหนาสาหัสแก่ตัวเองมากพออยู่แล้ว เราไม่ควรจะเลวร่วมขบวนกับเขา ด้วยการหาวิธี "เอาคืน" แก่เขาเลย
พระพุทธเจ้าเคยเล่านิทานว่า ในอดีตชาติ พระองค์ทรงเคยเกิดเป็นราชสีห์เจ้าป่า จู่ ๆ วันหนึ่งมีหมูสกปรกที่ชอบนอนกลิ้งเกลือกในหลุมอุจจาระเหม็นคลุ้งมาท้าสู้กัน ราชสีห์เจ้าป่ามองดูเจ้าหมูสกปรกแล้วก็คำรามขึ้นว่า
"เจ้าหมูสกปรกเอ๋ย หากเจ้าต้องการชัยชนะ ข้าก็ยินดีจะยกชัยชนะนั้นให้เจ้าเดี๋ยวนี้เลย แต่จะให้ข้าไปสู้กับเจ้านั้น ข้าไม่สู้หรอก ข้ายินดียอมแพ้เสียยังจะดีกว่าไปสู้กับหมูสกปรกอย่างเจ้า"
คนบางคนนั้น มีธาตุแท้ไม่ต่างอะไรกับแมงป่อง และมีความสุขกับการทำความเลวเหมือนกับหมูป่าที่ชอบคลุกอุจจาระ หากเห็นคนเช่นนี้เข้ามาป้วนเปี้ยนในชีวิตของเรา วิธีที่ดีที่สุด ไม่ใช่ไปสู้กับเขา แต่ควรถอยออกมาจะดีกว่า การถอยนั้น บางครั้งไม่ใช่การยอมแพ้ แต่เป็นการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดรูปแบบหนึ่ง
คนบางประเภทนั้น เขาเป็นมนุษย์ประเภทสูญเสียสามัญสำนึกขั้นพื้นฐาน ไม่รู้จักแยกแยะดีชั่วถูกผิด หากคุณไม่ถอยให้เขา ก็มีแต่เจ็บตัวฟรี ดีไม่ดีอาจวอดวายหายนะถึงชีวิต และจะหวังให้คนชนิดนี้สำนึกผิดนะหรือ ไม่มีทางเสียหรอก
แมงป่อง เวลามันต่อยใคร มันยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไปได้อย่างไร จะให้เขาสำนึกจึงเป็นเรื่องไกลเกินฝัน
ทางที่ดีที่สุด คือ อยู่ห่าง ๆ ไว้ ปลอดภัยที่สุด
......................................................................................................................................
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ....
... หากสิ่งที่ทำนั้นคือ ความดี ... จงทำต่อไป
... ไม่ต้องสนใจเสียงนกเสียงกา เพราะดีแต่พูด แต่ไม่ทำ หรือทำอะไรไม่เคยสำเร็จ
... อย่าทำดีกับคนพาล เพราะคนพาล พระพุทธองค์ยังสอนให้เราอยู่ห่าง ๆ ไว้เลย
... ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน
... การโมโหโกรธา คือ การดำเนินอารมณ์ตามที่ฝ่ายเลวต้องการ ... ต้องการอย่างนั้นหรือ ?
... ความเครียดไม่ได้ใช้ในการแก้ปัญหา หากแต่เป็นสติต่างหาก
... เวลาฟังคำสอนดี ๆ ไป อย่าเอาแต่พยักหน้า แล้วบอกว่าเข้าใจ แต่จงทำให้เห็นแทน
... จงเชื่อมั่นในความดีว่าสวยงามเสมอ และจงเชื่อมั่นว่า คนชั่วจะได้รับกรรมที่ตนเองกระทำเอาไว้
อยากให้กำลังใจคนดี ๆ ทุกท่านครับ
บุญรักษา ครับ :)
......................................................................................................................................
หนังสือดี ๆ
ว.วชิรเมธี. ลายแทงแห่งความสุข. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: ปราณ, 2552.
สวัสดีค่ะอาจารย์
มาอ่านนิทานตอนดึก ก่อนนอน
คนประเภทนี้ในสังคม คงมีให้เห็นได้พบปะอยู่บ้าง
วิธีการที่รับมือดีที่สุด คือ การเฉย ไม่ยุ่งเกี่ยว
เห็นด้วยค่ะ เพราะยิ่งยุ่ง ยิ่งทำ ยิ่งพาลหาเรื่องให้เราปวดหัว
คิดว่าสักวันเค้าคงเบื่อไปเอง เพราะเราไม่ได้ทุกข์ร้อนกับสิ่งที่เขา
พยายามทำให้เราทุกข์ อภัย อโหสิ และอดทน คิดว่าดีขึ้นจริงๆนะคะ
ขอบคุณค่ะ ^_^ มีความสุขกับการทำงานค่ะ
วันนี้ทำงานต่อดึกนะคะอาจารย์
วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ
และเขียนรายงาน SAR ค่ะ
อาจารย์พี่เสือก็นอนดึกนะคะ
ฝันดีค่ะ ^_^
เสียดายที่ได้อ่านบันทึกนี้ช้าไป..ดิฉันถูกแมงปอ 2 ตัวต่อยเมื่อ 2-3 เดือนที่แล้ว..เกือบตายค่ะ..เหมือนในนิทานเด๊ะเลยค่ะ..
ขอบคุณที่ชี้ทางค่ะ..
เรื่องนี้ "โดนใจ" ครับ
ขอบคุณ ท่านรองฯ small man ครับ :)
สวัสดีค่ะคุณพี่
กราบขอบคุณงามๆ สำหรับข้อคิดดีๆ
ที่ทำให้ใจน้องเย็นลง
ทำให้ได้นะครับ พี่รอน้องคนใหม่อยู่ ;)
ขอบคุณค่ะ หลีกห่าง หนีหาย อาจจะไม่ใช่หนทางแก้ปัญหาซะทีเดียว ถ้ายังต้องพบเจอเป็นประจำ การวางเฉยและการไม่แย่แส อาจจะเป็นทางเลือกที่จะทำต่อไป
ขอบคุณค่ะ
ปล่อย แล้ว วาง ... มิใช่ เพิกเฉย
แนะนำบันทึก ขอมอบเพลง "ก้อนหินก้อนนั้น" ให้กับผู้ที่ท้อถอย..หมดกำลังใจ ;)
จำไม่ได้ว่า แนะนำน้อง สี่ซี่ ไปหรือยังครับ :)
ขอบคุณครับ
สวัสดีค่ะอาจารย์
จะลองปล่อยและวางค่ะ สรุปนี่จะไม่ยอมให้สี่เป็นเด็กไม่ดีเลยจริงๆ นะค่ะเนี่ย
เออ คือว่า ... ลืมไปครับ อิ อิ ... เป็นเด็กไม่ดีก็ได้ เอ้า !!!
แล้วค่อยนำสติกลับมาเป็นเด็กดีนะครับ ...
กลับมาเถอะนะ ... ตอนนี้พี่ ๆ น้อง ๆ ให้อภัยแล้ว :)
เหมือกันกับที่ทำงานมีแต่สิ่งที่ทุกสร้างว่าบางที่ไม่ได้ทำการทำงานเป็นระบบพวกพร่องมองได้สองมุงด้านหนึ่งพอสนิทมากการควบคุมก็ไม่มีในตัวของหัวหน้าแต่อีกด้านหนึ่งเป็นความสมัคคีถ้าสนิทกับนายมากเท่าไรเดินชงกาแฟให้นายบางจะพูดกูมึงจะวาใครนายเชื่อหมดคิดว่าอีกฝ่ายกระทำสิ่งนั้นจริงๆแต่การวางเฉยดีไหมกับการไม่ตอบก็ยิ่งให้เขามีอำนาจมากขึ้นกว่าจะดีก็อีกนานรอดูวันที่ทะเลสงบ(การที่จะให้อยู่ในคนกลุ่มนี้ได้ต้องชื้อขนมภายในสำนังาน ต้องรู้เรื่องทุกเรื่องเอาไว้บอกนาย จะต้องไปกินไปเที่ยวถึงนายจะรัก จะต้องเอาใจนายมากๆถึงจะได้โบนัส จะไปสนใจกับกฎระเบียบที่ทำงานตั้งไว้ทำไมเพราะว่าขึ้นอยู่กับหัวหน้างาน)ไม่ว่าหัวหน้างานจะทำผิดศีลก็ตามเราควรที่จะส่งเสริมเราถึงจะเป็นที่รักในคนจำพวกนี้)5555555555
ขอบคุณสำหรับการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่ทำงานกันครับ คุณ puy ;)